บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 473 เอาชีวิตรอด
บทที่ 473 เอาชีวิตรอด
ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวต่างแสดงความดูถูกเหยียดหยามผ่านสายตา จากนั้นพวกเขาก็โคจรพลังอย่างรวดเร็ว โดยตั้งใจที่จะใช้พลังเพื่อฉีกร่างของเฉินซีจากภายใน
“ดูดซับ!”
เฉินซีในขณะนี้คำรามเสียงดังกึกก้อง อีกทั้งยังไม่เพียงแต่ไม่ต้านทานพลังเหล่านี้เท่านั้น เขายังชักนำกระแสพลังทั้งสองเข้าสู่ร่างกายด้วยความตั้งใจ เนื่องจากเขาต้องการใช้มันผสานกับปราณแท้ เพื่อพิชิตเพลิงลงทัณฑ์ที่อยู่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา
ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณของเขาได้เชื่อมโยงเข้ากับฟ้าดิน โดยตั้งใจจะชักนำสายฟ้าลงทัณฑ์ที่อยู่บนท้องฟ้าลงมา
ครืนนน!
คลื่นความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งได้แผ่ออกมาจากจุดที่เขายืนไปยังทุกทิศทุกทาง ทำให้ซากปรักหักพังโดยรอบราบเป็นหน้ากลอง ซึ่งมันไม่ต่างกับคลื่นยักษ์ที่ซัดสาดอย่างเกรี้ยวกราด จึงทำให้สีหน้าของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ในระยะไกลดูตกตะลึงในทันที จากนั้นพวกเขาก็รีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกรงว่าตนเองจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
ก้อนหินและภูเขาในระยะพันลี้ถูกคลื่นพลังจนสลายเป็นผุยผง ในขณะที่พื้นดินได้แยกออกจากกันจนเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ที่เหมือนกับใยแมงมุมที่มีความยาวถึงหกลี้ นอกจากนั้น มิติยังแตกเป็นเสี่ยง ๆ แผ่นดินทรุดลงและโลกทั้งใบก็ดูจะบิดเบี้ยว
เฉินซีร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว เขาเจ็บปวดราวกับถูกเฉือนด้วยใบมีดนับหมื่นเล่ม เช่นเดียวกับวิญญาณที่รู้สึกราวกับกำลังถูกแยกออกจากกันทีละนิด อีกทั้งยังรู้สึกถูกเผา ถูกทรมาน ถูกฟาดและถูกบดขยี้
ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เขาเผชิญอยู่นั้น เหมือนกับทั้งร่างกายถูกเผาไหม้อยู่ในเตากลั่นแห่งการชำระล้าง ซึ่งมันยากที่จะทานทน!
และถึงแม้ว่าเฉินซีจะเผชิญกับความยากลำบากที่เกิดขึ้นในระหว่างบ่มเพาะจนกระทั่งถึงตอนนี้ แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมันมาได้เสมอ
แต่ความทรมานที่ได้รับในวันนี้ เกือบทำให้ชายหนุ่มพังทลาย เนื่องจากในแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไป เขาต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดและการทรมานที่ไม่มีใครเทียบได้
เพลิงลงทัณฑ์ลุกโชนขึ้นอยู่รอบตัวเขา จากนั้นก็โหมกระหน่ำไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะควบแน่นเข้าด้วยกัน แต่กลับแยกออกจากกัน
ในขณะที่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะ สายฟ้าลงทัณฑ์กำลังส่งเสียงคำรามดังกึกก้องและสายฟ้าสีแดงเข้มก็ส่องประกายเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันใกล้จะผ่าลงมาในไม่ช้า
“เขาดูจะหยิบยืมพลังของคู่ต่อสู้เพื่อบดขยี้เพลิงลงทัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังชักนำสายฟ้าลงทัณฑ์เพื่อควบแน่นกงล้อสังสารวัฏในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาและพิชิตทัณฑ์สวรรค์!”
ผู้ชมทั้งหมดอ้าปากค้าง
“เฉินซีคนนี้กล้าหาญจริง ๆ หรือว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เขาเสียชีวิตได้!”
ซึ่งไม่ต้องกล่าวถึงปี้หลิงอวิ้นกับฉินเซียว ซึ่งจะไม่มีวันให้ความร่วมมืออย่างเชื่อฟังเลย!
ความเป็นจริงก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวไม่ต้องการสิ่งอื่นใด นอกจากอยากให้เฉินซีตายโดยเร็วที่สุด ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มมีโอกาสเอาชีวิตรอด จากนั้นพวกเขาก็ระดมพลังทั้งหมดเพื่อพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินซีอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเหมือนกับสัตว์ประหลาดดุร้ายสองตัวที่กำลังอาละวาดด้วยความตั้งใจที่จะแยกร่างชายหนุ่มออกจากกัน
ร่างกายของเฉินซีเจ็บปวดจนเขาครวญครางออกมาและไอเป็นเลือดไม่หยุด เส้นลมปราณทั่วร่างกายของเขารู้สึกราวกับถูกแผดเผา และมีรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนเนื้อหนัง ทำให้ดูเหมือนกับว่าร่างของเขากำลังจะระเบิดในไม่ช้า
แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่รุนแรงอย่างมากนี้กลับกระตุ้นความดุร้ายของเฉินซีแทน
เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธา ขณะที่พายุสายฟ้าก็ส่งเสียงดังก้องเหมือนเสียงฟ้าร้อง จากนั้นเขาก็ชักนำพลังของปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียว ทะลวงเข้าสู่ท้องทะเลแห่งลมปราณของตน และใช้พลังของพวกเขาบดขยี้เพลิงลงทัณฑ์!!
ถูกต้อง! เฉินซีไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้ แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้ท้อถอยเลยและยังคงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะใช้พลังของศัตรูในการพิชิตทัณฑ์สวรรค์แห่งการจุติที่แสนอันตรายนี้
ครืนน!
พายุสายฟ้าส่งเสียงคำรามดังกึกก้องและเมื่อมันมาถึงจุดสูงสุด มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา และภายในนั้นได้มีปลาสีดำขนาดใหญ่กำลังแหวกว่ายก่อนจะกลายเป็นร่างเงาที่บดบังท้องฟ้าของคุนเผิง!
คุนเผิงได้เปลี่ยนร่างจากปลากลายเป็นวิหคเมื่อทะยานออกจากทะเล ปีกของมันลอยอยู่บนท้องฟ้าและปกคลุมพื้นที่นับหมื่นลี้ มันกำลังกระพือปีกเพื่อขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้า ขณะท่องไปในจักรวาลอันไร้ขอบเขต และกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ร่างเงาสีทองของคุนเผิงได้ปรากฏขึ้นในขณะนี้และได้กลืนกินพลังงานทั้งหมดที่อยู่รอบข้าง ซึ่งแท้จริงแล้ว มันได้กลืนกินและขัดเกลาพลังงานทั้งหมดที่เฉินซีชักนำเข้ามาโดยตรง
“บัดซบ!” ใบหน้าของปี้หลิงอวิ้นกับฉินเซียวดูเคร่งขรึมเมื่อพวกเขาพบว่าสถานการณ์นั้นเกินความคาดหมาย ปราณแท้ พลังชีวิต หรือแม้แต่แก่นโลหิตของพวกเขากำลังพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเฉินซีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังสนับหนุนชายหนุ่มในการระงับเพลิงลงทัณฑ์อยู่
“ทุ่มพลังออกไปให้หมด!” ทั้งคู่ตัดสินใจทันทีและใช้พลังทั้งหมดด้วยความตั้งใจที่จะพลิกสถานการณ์
ทว่าพวกเขากลับต้องประหลาดใจแทน เนื่องจากการต่อต้านและดิ้นรนของพวกเขาดูจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ซึ่งมันถึงขั้นที่พวกเขารู้สึกราวกับตัวเองได้ตกลงไปในหนองน้ำอันไร้ก้นบึ้ง ทำให้พวกไม่สามารถเคลื่อนไหวและถูกขังอยู่ตรงนั้น
“อะไรกัน! เขากำลังจะสำเร็จแล้วจริง ๆ หรือ?”
“ไม่ ทัณฑ์สวรรค์ยังไม่จุติลงมา และยังมีโอกาสที่จะสังหารมันอยู่ เร็วเข้า! ฉวยโอกาสนี้หยุดมันซะ! อย่าปล่อยให้มันได้โอกาสและพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จเป็นอันขาด!”
ในขณะนี้ เหวยคง เฉิงเฟิง และคนอื่น ๆ อีกสองสามคนที่ยังคงอยู่หลังจากเผชิญกับการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้ พวกเขาสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้ราบรื่นนัก จึงพุ่งเข้าใส่ทันที
ซึ่งแม้แต่เผยอวี่ก็พุ่งเข้าหาเฉินซีโดยปราศจากความลังเล
เนื่องจากคนทั้งหมดไม่อาจทนได้หากเฉินซีจะมีโอกาสรอดชีวิต แล้วนับประสาอะไรกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะเมื่อเฉินซีทำได้สำเร็จ มันจะเป็นหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!!
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเข้าถึงตัวเฉินซี พวกเขากลับถูกคลื่นผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวขัดขวางเอาไว้ ทำให้ร่างของพวกเขาสั่นสะเทือนจนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงกระจายตัวไปรอบ ๆ และพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะรุกเข้าไปใกล้กว่านี้
อาณาเขตที่น่าสะพรึงกลัวจนเกินจะพรรณาได้ก่อตัวขึ้นที่นี่!
เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเผยอวี่และคนอื่น ๆ พลันบิดเบี้ยวเหยเกทันที
“หรือว่าเราจะทำได้เพียงแต่เฝ้าดูมันระงับเพลิงลงทัณฑ์อย่างหมดหนทาง?
แม้ว่าเฉินซีในขณะนี้จะเจ็บปวดสาหัสและดูเหมือนร่างกายจะแตกสลาย แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาได้ทำลายเพลิงลงทัณฑ์ไปเกือบหมด โดยอาศัยพลังงานที่กลืนกินและขัดเกลาจากฉินเซียวและปี้หลิงอวิ้น
ทุกสิ่งดูเหมือนกับกำลังจะพลิกกลับ
เวลาผ่านไปทีละนิด ร่างของเฉินซีก็เปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้น เพลิงลงทัณฑ์ที่อยู่ในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาก็แทบจะเลือนราง ราวกับว่าพวกมันกำลังใกล้จะมอดดับ ยิ่งไปกว่านั้น แกนทองคำที่หลอมละลายไปของเขาดูเหมือนจะกลับมาควบแน่นอีกครั้ง และมันไม่ได้ควบแน่นเป็นแกนทองคำอย่างเคย แต่กลับกลายเป็นกงล้อสังสารวัฏแทน!
เมื่อเพลิงลงทัณฑ์ได้มอดดับลง แกนทองคำจะเปลี่ยนเป็นกงล้อสังสารวัฏแทน
เมื่อสายฟ้าลงทัณฑ์ถูกขจัดออกไป ดวงวิญญาณจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างแกนวิญญาณขึ้นมา ซึ่งมันจะถูกหล่อเลี้ยงอยู่ภายในกงล้อสังสารวัฏ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เฉินซีต้องตึงเครียดนั้น เป็นเพราะสายฟ้าลงทัณฑ์ที่อยู่บนท้องฟ้ายังไม่ผ่าลงมา แต่กลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสายฟ้าบางส่วนได้กลายเป็นเงาภาพของพระราชวัง ภูเขา และแม่น้ำมากมาย!
ภาพที่เห็นนั้นกว้างใหญ่และน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง มันดูเหมือนกับโลกใบเล็ก ๆ ที่ถูกควบแน่นอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งมีทั้งท้องฟ้าและผืนดินอันกว้างใหญ่ที่เกิดจากพลังงานของสายฟ้าลงทัณฑ์ ในขณะที่อาวุธต่าง ๆ ภูเขา แม่น้ำ พระราชวัง เจดีย์ และอื่น ๆ ก็ถูกควบแน่นจนเป็นรูปเป็นร่างเช่นเดียวกัน ทำให้มันขาดเพียงสิ่งมีชีวิตเท่านั้น
ทุกสิ่งที่กำเนิดจากสายฟ้าลงทัณฑ์ ล้วนมีพลังที่สามารถบดขยี้ฟ้าดินได้ เพราะพวกมันคือการลงทัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งเต๋าสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่จนถึงขั้นสั่นสะเทือนฟ้าดินได้
ดังนั้นทุกคนที่มองดูอยู่จึงตกตะลึงจนเป็นใบ้ และร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านหนัก
“สวรรค์! สายฟ้าลงทัณฑ์กำลังก่อตัวขึ้นและกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ หรือว่าคนผู้นี้คืออัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบหมื่นปีและต้องทนทุกข์ทรมานกับทัณฑ์สวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวนี้!?”
ทุกคนแทบหายใจไม่ออกและไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง หากทัณฑ์สวรรค์เกิดขึ้นจริง พวกเขาต่างรู้สึกว่าตนเองย่อมไม่อาจต้านทานสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
ครืนนน!
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่เฉินซีกำลังจะควบแน่นกงล้อสังสารวัฏในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา ก็มีเสียงดังกึกก้องที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดินเกิดขึ้น และส่องสว่างไปทั่วทั้งฟ้าดินก่อนที่จะกลายเป็นง้าวสายฟ้าสีแดงเข้มที่ฟันลงมาที่เฉินซี
ง้าวสายฟ้าในขณะนั้นได้ส่องแสงเจิดจ้าไปทั่วทั้งฟ้าดินและสว่างไสวเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึง
ตู้ม!
ง้าวสายฟ้าพุ่งเข้าใส่เฉินซีโดยตรงและระเบิดเขาจนกระเด็นออกไปเหมือนว่าวที่สายป่านขาด เลือดได้พุ่งออกจากปากและปรากฏบาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวบนร่างกาย ซึ่งดูราวกับร่างของเขาเกือบจะถูกแยกออกจากกัน
และกงล้อสังสารวัฏที่อยู่ในร่างกายของเขาก็เลือนรางลง ก่อนจะกลับคืนสู่แกนทองคำในรูปแบบของเหลวอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น เพลิงลงทัณฑ์ก็เริ่มลุกโชนอยู่ในตัวเขาอีกครั้งเช่นกัน!
ตัวเฉินซีคลุกไปกับฝุ่นผง รอยแผลบนร่างกายของเขานั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งและอาการบาดเจ็บของชายหนุ่มก็รุนแรงถึงขีดสุด ตราบใดที่สายฟ้าลงทัณฑ์ได้ผ่าลงมาหรือมีใครบางคนโจมตีอีกเพียงครั้งเดียว เขาจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ และกลายเป็นกองเนื้ออย่างแน่นอน
เขาฝืนกัดฟันแน่นและไม่กล่าวอะไร เนื่องจากชายหนุ่มกำลังโคจรปราณจ้าววิญญาณเพื่อซ่อมแซมร่างกายอย่างเงียบ ๆ และยังสงวนใบหน้าที่ไร้อารมณ์อย่างเช่นเคย
ในช่วงเวลาที่สำคัญ เขากลับถูกขัดจังหวะด้วยสายฟ้าลงทัณฑ์ และแม้แต่โอกาสอันน้อยนิดที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มันมาก็สูญเสียไป ทำให้เขาเกือบจะเสียชีวิต
…การระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ หากเป็นผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ก็คงจะสิ้นหวังและเลิกขัดขืนไปตั้งนานแล้ว
แต่เฉินซีไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาจ้องมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่ปล่อยง้าวสายฟ้าออกมา โลกสายฟ้าที่พลุ่งพล่านบนท้องฟ้าดูจะตกอยู่ในความเงียบงัน และดูเหมือนว่ามันกำลังค่อย ๆ สะสมพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศที่เงียบสงัดได้กดดันทุกคนจนถึงจุดที่พวกเขาหายใจไม่ออก
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวก็ได้รับผลกระทบจากสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นกัน ทำให้ร่างของพวกเขากระเด็นออกไปดั่งว่าวที่สายป่านขาดและกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่อาการบาดเจ็บของพวกเขายังเบากว่าเฉินซีมาก
ทุกคนที่อยู่ในนั้นล้วนตกตะลึงหลังจากได้เห็นเหตุการณ์นี้ สายฟ้าที่ยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพคือตัวแทนของพลังสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่ได้ผ่าลงมานานแล้ว แต่จู่ ๆ กลับผ่าลงมายังเฉินซีซึ่งกำลังจะควบแน่นกงล้อสังสารวัฏได้สำเร็จ นี่อาจเป็นดังคำกล่าวที่ว่า พลังสวรรค์นั้นยากหยั่งถึงและไม่อาจต้านทานได้?
“แน่นอนว่าการพิชิตทัณฑ์สวรรค์ในระหว่างการต่อสู้นั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะประสบความสำเร็จ เพราะแม้แต่เต๋าแห่งสวรรค์ก็ไม่อาจทนต่อสิ่งผิดปกติเช่นนี้ได้ และเฉินซีที่อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด”
ใครบางคนลอบถอนหายใจ เพราะต่อให้คนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานสักแค่ไหน หากเขาต่อต้านกฎแห่งสวรรค์แล้วละก็ คนผู้นั้นต้องทนทุกข์ทรมานผ่านการลงทัณฑ์และความยากลำบาก แม้กระทั่งชีวิตก็อาจจะดับสูญ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… แม้แต่เต๋าแห่งสวรรค์ก็ไม่อาจปล่อยให้สิ่งผิดปกติเช่นเจ้าคงอยู่ได้ รีบชดใช้บาปของเจ้าด้วยความตายซะ!” หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เผยอวี่และคนอื่น ๆ ก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะที่พูด ร่างของพวกเขาก็พุ่งเข้าหาเฉินซีอย่างรุนแรงด้วยเจตนาสังหาร เนื่องจากพวกเขาต้องการฉวยโอกาสที่จะฆ่าชายหนุ่มในยามที่อ่อนแอที่สุด!
ฟุ่บ!
เฉินซีกระโจนขึ้นจากพื้นก่อนจะหมุนตัวและจากไปด้วยความเร็วสูง ทำให้เขาหายลับไปในขอบฟ้าในพริบตา ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัสที่ถึงตาย ทำให้ไม่อาจปกป้องตัวเองได้
ซึ่งเมื่อเผชิญกับการตอบโต้ของคนเหล่านี้ในขณะนี้ เขาก็ไร้ซึ่งพลังที่จะต่อสู้กับคนพวกนี้จนถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้ จึงทำได้เพียงแต่ต้องหลบหนีเป็นการชั่วคราวและพยายามฟื้นตัวต่อในระหว่างหลบหนีเท่านั้น
“ตามมันไป!” เผยอวี่และคนอื่น ๆ จะปล่อยโอกาสอันดีงามเช่นนี้ไปได้อย่างไร? เฉินซีบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา หากพลาดโอกาสนี้ไป พวกเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!!
ในเวลาเดียวกัน ปี้หลิงอวิ้นและฉินเซียวก็ทะยานขึ้นเพื่อไล่ตามร่องรอยที่เฉินซีทิ้งไว้
อันที่จริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องแยกแยะทิศทาง เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าเท่านั้น เพราะเมื่อเฉินซีจากไป มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็เคลื่อนตัวไปพร้อมกับเขา และมันก็ไล่ตามชายหนุ่มดั่งเงาที่เห็นได้อย่างชัดเจนมาก
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ว่าเฉินซีจะหนีหรือซ่อนตัวอยู่ที่ใด ตราบใดที่พวกเขาพบสายฟ้าลงทัณฑ์บนท้องฟ้า ก็จะสามารถพบร่องรอยของชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันกับที่พวกเขามองไปยังร่างโดดเดี่ยวที่หนีเอาชีวิตรอดพร้อมกับมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่ไล่ตามไป ความรู้สึกอันสยดสยองก็อดไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นในหัวใจของทุกคนที่ได้เฝ้าดูการต่อสู้
“ถ้าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ในอนาคตเขาจะไปได้ไกลเพียงใดกัน??”