บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 558 พวกเจ้าทุกคน ไสหัวออกไปซะ!
บทที่ 558 พวกเจ้าทุกคน ไสหัวออกไปซะ!
คลื่นเสียงเป็นเหมือนกระแสน้ำที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งยอดเขาจรัสตะวันตก ทำให้ทะเลเมฆแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหล่าสัตว์อสูรที่หายากและแปลกประหลาดบนภูเขาต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน พวกมันพากันหลบหนีอย่างตื่นตระหนกไปทุกทิศทุกทาง
ยอดเขาจรัสตะวันตกครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ซึ่งเทียบได้กับแว่นแคว้นเล็ก ๆ ของโลกมนุษย์
ทว่าเสียงของเฉินซีในขณะนี้สามารถกระจายไปทั่วทุกมุมของภูเขาลูกนี้ได้อย่างชัดเจนและไร้ที่ติ กลับเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก
เมื่อตงฉี่ที่ถูกตัดแขนและกำลังร้องโหยหวนได้ยินสิ่งนี้ ร่างกายของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ในขณะที่ใบหน้าของเจ้าตัวก็ซีดเผือด และเขาก็หยุดร้องทันที
“นี่เขาตั้งใจจะขับไล่ทุกคนบนยอดเขาจรัสตะวันตกด้วยตัวเองหรือ!?”
ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า ตนเองได้ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้าแล้ว
ในขณะเดียวกัน คนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ และไม่กล้าที่จะหลบหนีอีกต่อไป พวกเขาต่างร้องคร่ำครวญอย่างขมขื่นอยู่ในใจว่า ‘เหตุใดดาวสังหารเช่นนี้ จึงปรากฏขึ้นใน ยอดเขาจรัสตะวันตกได้?’
เฉินซีเป็นดั่งพยัคฆ์ร้ายที่จู่ ๆ ก็กระโดดออกมาจากฝูงแกะ และไม่สามารถป้องกันได้!
หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะศิษย์น้องคนใหม่ได้แสดงฝีมือด้วยพลังที่ท่วมท้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้
“วิเศษมาก! เสียงที่เปล่งออกมาของศิษย์น้องนั้นราวกับมังกรที่ปรากฏกายขึ้นมาในโลกหล้า และทำให้ทุกสิ่งตกอยู่ในความหวาดกลัว มันเหมือนกับเสียงตีกลองศึกในสนามรบ และเจตนาฆ่าของเขาก็เอ่อล้นออกมา ซึ่งคลื่นเสียงดังกล่าวจะมิอาจปลดปล่อยออกมาได้หากคนผู้นั้นปราศจากเจตจำนงที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า”
ศิษย์พี่รองหลูเซิงปรบมือและกล่าวชมเชย เขามาจากเผ่าวิหคจาบฝน และแสวงหาเต๋าผ่านเสียง ทำให้เขามีความรู้เชิงลึกต่อผลอันน่าอัศจรรย์ของเสียงต่าง ๆ ดังนั้นจึงสามารถแยกแยะเจตนาฆ่าที่แน่วแน่วซึ่งแฝงอยู่ในคำพูดของเฉินซีได้
“ไม่เลว ไม่เลว การมาถึงของศิษย์น้องคนนี้ ถือเป็นโชคของยอดเขาจรัสตะวันตกของเราอย่างแน่นอน เมื่อมีศิษย์น้องอยู่ที่นี่ คงไม่มีผู้ใดกล้าดูหมิ่นศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันตกของเราอีกต่อไป” ศิษย์พี่คนอื่นต่างชื่นชมเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาจะห่างไกลจากความสำเร็จทางโลกและหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญ แต่พวกเขาก็ไม่ได้โง่เขลา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะแยกแยะได้ว่า หลังจากที่เฉินซีได้มาถึงแล้ว ยอดเขาจรัสตะวันตกก็จะพลิกฟื้นจากสภาพที่ทรุดโทรมให้กลับมามีชีวิตชีวาใหม่ได้อย่างแท้จริง
หลังจากที่สิ้นเสียงของเฉินซี จู่ ๆ ก็มีลำแสงจำนวนมากปรากฏขึ้นจากทั่วยอดเขาจรัสตะวันตก ในชั่วพริบตาต่อมา พวกมันก็ก่อตัวเป็นก้อนหนาแน่นที่มีอย่างน้อยกว่าร้อยคน และมันช่างเป็นฉากที่ค่อนข้างงดงามทีเดียว
“ใครกัน? ใครบังอาจมาส่งเสียงดังที่นี่”
“รนหาที่ตาย! เจ้ากล้าดีอย่างไรมารบกวนการบ่มเพาะของพวกข้า!”
“อะไรนะ? เจ้าสั่งให้พวกเราทุกคนออกจากยอดเขาจรัสตะวันตก? ช่างจองหองเสียจริง! ใครกันที่บังอาจเช่นนี้?”
“ไอ้สารเลวเอ๊ย! ข้ากำลังหลอมโอสถชั้นยอดอยู่ แต่กลับถูกทำลายอย่างสมบูรณ์เพราะการถูกรบกวนนี้!”
“มันอยู่นั่น ตรงริมสระชำระกระบี่!”
“พวกเราไปจัดการมันกัน! ข้าล่ะอยากรู้นัก ใครมันกล้าไล่พวกเราออกจากยอดเขาจรัสตะวันตก!” คลื่นเสียงก่นด่าสาปแช่งดังวุ่นวายไปทั่ว และพวกเขาดูจะโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็สังเกตเห็นตำแหน่งของเฉินซี จากนั้นพวกเขาก็พุ่งทะยานไปอย่างดุเดือด
ผู้คนกว่าร้อยคนได้รวมตัวกันเป็นเหมือนเมฆดำทะมึนที่ฉีกผ่านท้องฟ้า ทำให้เกิดแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงริมสระชำระล้างกระบี่ และเห็นตงฉี่ที่แขนขวาขาดกับคนอื่น ๆ ที่บาดเจ็บจนอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ศิษย์พี่ตงฉี่เกิดอะไรขึ้น? ใครมันกล้าตัดแขนท่านภายในอาณาเขตของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มันช่างบังอาจนัก!!” มีคนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าและกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
ตงฉี่อ้าปากค้าง จากนั้นก็หุบปากแน่นอีกครั้งหนึ่ง และเขารู้สึกขมขื่นใจเป็นอย่างมาก ‘หรือว่าไอ้สารเลวพวกนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีก?!’
ทุกคนรู้สึกวิตกในใจเมื่อเห็นตงฉี่ในสภาพเช่นนี้ สายตาของพวกเขากวาดผ่านหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ก่อนที่จะไปหยุดที่เฉินซีอย่างรวดเร็ว
ในความรู้สึกของพวกเขา หั่วโม่เลย หลูเซิง ชิงอวี่และคนอื่น ๆ ล้วนเป็นกลุ่มขยะที่อ่อนแอที่สุด และไม่ว่าจะกล้าหาญสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าโจมตีและทำร้ายคนอื่น ดังนั้นคำตอบจึงง่ายดายมาก คนที่ทำร้ายตงฉี่ถึงขนาดนั้น ย่อมเป็นชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยอย่างแน่นอน!!
“เจ้าหนู เจ้าเป็นคนที่ส่งเสียงดังก่อนหน้านี้หรือ?” มีใครบางคนเอ่ยถามออกมา
“แล้วอย่างไร? เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ?” เฉินซีกล่าวอย่างเย็นชา
ตอนนี้เขารู้อย่างชัดเจนแล้วว่า คนเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์จากยอดเขาอื่น ๆ โดยคนจากยอดเขาจรัสตะวันออกมีจำนวนมากที่สุด เพราะพวกเขาไม่อาจอยู่ในอาณาเขตของตนเองได้อีกต่อไป ดังนั้นคนพวกนี้จึงมาที่ยอดเขาจรัสตะวันตกเพื่อเป็นเจ้าเหนือทุกสิ่ง เรียกร้องอย่างไม่รู้จักจบสิ้น อีกทั้งยังยึดครองที่พำนัก ทุ่งบ่มเพาะวิญญาณ และวัตถุวิญญาณต่าง ๆ
…พวกมันไม่ต่างจากฝูงตั๊กแตนที่ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า!
แต่หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ มีจิตใจเมตตา จึงต้อนรับคนเหล่านี้ด้วยเจตนาที่ดี แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะไม่คิดที่จะตอบแทนน้ำใจ กลับยังได้คืบจะเอาศอก กลายเป็นคนหยิ่งยโสและเอาแต่ใจมากขึ้น อีกทั้งยังกดดันหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ จนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างบรรยายไม่ได้ และเหยียดหยามพวกเขาเป็นกลุ่มขยะ!
แล้วจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรน่ะหรือ? ในเมื่อคนทำดีกลับไม่ได้ดี แต่คนทำชั่วกลับได้ดี!
นับนี้ตั้งแต่มาถึงที่นี่ เขาก็ไม่สามารถทนให้ไอ้พวกสารเลวเหล่านี้ คอยสร้างปัญหาให้กับยอดเขาจรัสตะวันตกอีกต่อไป
“ไม่ใช่แค่ข้าที่มีปัญหา! ทุกคนล้วนมีปัญหา!” ชายคนหนึ่งกอดอกและกล่าวอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็ตะคอกอย่างเดือดดาลว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?! ถึงกล้าแส่เข้ามายุ่งกับปัญหาของยอดเขาจรัสตะวันตก!”
เพียะ!
ร่างของเฉินซีวาบเป็นประกาย เพียงพริบตาต่อมา เขาก็มาถึงที่เบื้องหน้าของคนที่กล่าวเมื่อครู่ จากนั้นก็ตบปากคนผู้นั้นจนเลือดกระฉูดออกจากปากและถูกฟาดร่วงลงจากอากาศด้วยแรงมหาศาล ร่างกายของชายคนนั้นกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงและถูก ‘ปัก’ เหมือนท่อนซุง จากนั้นขาก็กระตุกครู่หนึ่งก่อนที่คนผู้นั้นจะหมดสติไป
ในขณะเดียวกัน เฉินซีก็ได้กลับมายังจุดเดิมที่เขาเคยยืนอยู่ ชายหนุ่มลงมืออย่างเฉียบขาดและเคล็ดวิชาตัวเบาก็บรรลุถึงระดับความเร็วที่น่าอัศจรรย์
ฟู่!
ทุกคนรู้สึกเพียงมีบางอย่างวาบขึ้นตรงหน้า จากนั้นชายคนนั้นก็หัวทิ่มกับพื้นและหมดสติไป สิ่งนี้ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เพราะรู้สึกตกใจอย่างมาก
“คิดจะใช้จำนวนเพื่อขู่ข้าหรือ? เจตนาเช่นนี้สมควรตาย” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมยก่อนจะกวาดสายตามองทุกคน “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะต้องไม่พอใจแน่ ถ้าข้าสั่งให้พวกเจ้าไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ แต่จงตัดสินใจหลังจากที่พวกเจ้าได้เห็นเนื้อหาของแผ่นหยกนี้แล้วเถอะ” เฉินซีดึงแผ่นหยกเงาออกมาขณะที่เขาพูด
วูบ!
แสงจ้าสว่างวาบ ก่อนที่ภาพจะปรากฏอย่างเต็มตาที่กลางอากาศ และฉากภายในนั้นก็เรียบง่ายมาก เป็นฉากที่เฉินซีจับคอคนคนหนึ่ง พร้อมกับตบเขาอย่างรุนแรง
“ศิษย์พี่ตู้กวน! นี่มันตู้กวนแห่งยอดเขาจรัสตะวันออก!” ดวงตาของทุกคนเบิกโพลงทันที และมองดูฉากนี้ด้วยความไม่เชื่อ
ตู้กวนคือใครน่ะหรือ?
เขาคือศิษย์น้องของตู้เซวียน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูง
ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของตัวตนหรือการบ่มเพาะ เขาย่อมเหนือกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยของเขาก็หยิ่งผยองและชอบกดขี่ข่มเหง ในทางกลับกัน พวกเขาได้แต่อยู่ในยอดเขาจรัสตะวันตกเพื่อข่มเหงหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ได้เท่านั้น แต่ตู้กวนนั้นกล้าที่จะทำตามอำเภอใจบนยอดเขาจรัสตะวันออก!
แม้ว่าพวกเขาหลายคนจะเคยถูกตู้กวนข่มเหง แต่เมื่อเห็นว่าวายร้ายคนนั้นถูกเฉินซีทุบตีจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็สามารถจินตนาการถึงความตกใจในใจของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ฉากนั้นสว่างวาบอีกครั้ง และปรากฏเป็นตอนที่สหายของตู้กวนกำลังขอขมาแก่ชิงอวี่
สหายเหล่านี้ของตู้กวนมีทั้งชายและหญิง พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ที่ค่อนข้างมีอำนาจเหนือยอดเขาจรัสตะวันออก ซึ่งตรงกับคำกล่าวที่ว่า ‘คนแบบเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกัน’ ดังนั้นผู้ที่สามารถเป็นสหายกับตู้กวนได้ ย่อมไม่มีภูมิหลังที่ด้อยกว่าเขามากนัก
เมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ พวกเขาทุกคนที่ทำตัวเหมือนทรราชบนยอดเขาจรัสตะวันตกนั้นด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหลังจากที่ได้เห็นฉากนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจึงตกตะลึงอีกครั้ง และพวกเขาก็พูดไม่ออกเป็นเวลานาน
“น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!”
“นี่มันกลัวเกินไปแล้ว!”
ไม่ต้องพูดถึงการทุบตีตู้กวนจนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น แต่เขายังบีบบังคับให้สหายของตู้กวน ต้องขอขมาแก่ชิงอวี่ทีละคน ดังนั้นจะต้องมีพลังมากเพียงใดจึงจะทำสิ่งนี้ได้!?
แผ่นหยกเงากะพริบก่อนที่ฉากจะหายไป จากนั้นเฉินซีก็เก็บมันไป เมื่อครั้งที่เขาทุบตีตู้กวนในตอนนั้น มันก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อาวุโสของนิกายซักถาม เขาจึงจงใจเก็บแผ่นหยกเงาไว้เป็นหลักฐาน แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะมีประโยชน์ในเวลานี้
“เอาล่ะ พวกเจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือยัง?” เฉินซีถามอย่างเฉยเมย
ทุกคนได้สติราวกับว่าเพิ่งตื่นจากความฝัน และเมื่อมองไปที่เฉินซีอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาก็มีร่องรอยความหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ
แต่พวกเขารู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะต้องจากไปเช่นนี้ เนื่องจากบนยอดเขาจรัสตะวันออกนั้นไม่มีที่พำนักให้พวกเขาบ่มเพาะได้เลย และมันก็ไม่เหมือนกับยอดเขาจรัสตะวันตกที่เต็มไปด้วยสรวงสวรรค์
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครสามารถยับยั้งพวกเขาบนยอดเขาจรัสตะวันตกได้ พวกเขาสามารถเลือกและรวบรวมสมุนไพรวิญญาณและสมบัติต่าง ๆ ที่อยู่บนภูเขา อีกทั้งยังไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง มันเป็นชีวิตที่อิสระและมีความสุขมาก! ดังนั้นเมื่อถูกสั่งให้ออกไปเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะเต็มใจจากไปได้อย่างไร?
“ศิษย์พี่ใหญ่ เราขอสัญญาว่า เราจะไม่ประพฤติผิดอย่างแน่นอน ดังนั้นโปรดอนุญาตให้พวกเราบ่มเพาะอยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือไม่” มีคนเอ่ยถามพร้อมกับมองไปที่เฉินซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
“ช่างน่าขันยิ่งนัก! พวกเจ้าทุกคนยึดครองยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งวัตถุวิญญาณและสมุนไพรวิญญาณก็ถูกพวกเจ้าแย่งชิงโดยปราศจากการยั้บยั้งชั่งใจไปมากเพียงใด? ข้าอุตส่าห์ปล่อยพวกเจ้าให้จากไปได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าปรานีพอแล้ว แต่พวกเจ้ายังกล้าต่อรองอย่างไร้ยางอายเช่นนี้อีก? หรือว่าพวกเจ้ารู้สึกว่าตัวเองหยิ่งยโสยิ่งกว่าตู้กวนหรือ?” เฉินซีพูดอย่างเย็นชา
สีหน้าของคนผู้นั้นกลายเป็นกังวลและเปลี่ยนไปมาทันที และแม้เจ้าตัวจะรู้สึกขุ่นเคือง หากแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
“ตกลง เราจะไปจากทันที” คนอื่น ๆ ต่างดับความคิดที่จะอยู่ต่อเมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนดุร้ายที่กล้าแม้แต่จะทุบตู้กวนอย่างเฉินซี พวกเขาก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
“ช้าก่อน! หากใครกล้าเอาของบางอย่างไปจากยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าละก็ เขาคือตัวอย่าง!” เฉินซีชี้ไปที่ตงฉี่ที่อยู่ไกลออกไปขณะที่กล่าว
ตงฉี่ตะลึงงัน เขาจับแขนที่ขาดของตนไว้ในขณะที่อับอายจนไม่คิดจะทำสิ่งใด นอกจากจะเอาซุกลงไปในดิน
‘ไอ้สารเลว! นี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!’ แม้ตงฉี่จะโกรธสุดขีด แต่เขาก็ทำได้เพียงสาปแช่งอีกฝ่ายในใจเท่านั้น
“พวกข้าพอจะกลับไปที่พำนักเพื่อเก็บข้าวของได้หรือไม่?” มีคนรวบรวมความกล้าและถามออกไป มันช่วยไม่ได้ สมบัติที่เขาได้รวบรวมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถูกเก็บไว้ในที่พำนักทั้งหมด และถ้าไม่ได้นำมันไปด้วย การสูญเสียเช่นนั้นก็จะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถฟื้นตัวในไม่กีปีได้อย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว พวกเราจะจากไปทันทีหลังจากเก็บข้าวของแล้ว และจะไม่เข้ามาที่ยอดเขาจรัสตะวันตกอีกต่อไป” คนอื่น ๆ ก็ทยอยกล่าวออกมาเช่นกัน และน้ำเสียงของพวกเขาก็เต็มไปด้วยการอ้อนวอน
“ภายในสามลมหายใจ ถ้าพวกเจ้ายังไม่หายไปจากยอดเขาจรัสตะวันตก ก็จงอยู่ที่นี่ตลอดไปซะ ยอดเขาจรัสตะวันตกของข้าบังเอิญขาดทาสในการขุดแร่พอดี” เฉินซีแสร้งเป็นหูหนวกราวกับไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา และแสดงท่าทีเย็นชาไร้ความปรานีออกมา
ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างมากเมื่อเห็นคนผู้นี้ยังยืนกราน ทำให้พวกเขาไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากอยากร่วมมือกันโจมตีและสับเฉินซีเป็นชิ้น ๆ ทว่าเมื่อนึกถึงฉากที่แผ่นหยกเงาได้ฉายมาก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่กัดฟันและกลืนความขุ่นเคืองใจนี้เข้าไป
“หนึ่งลมหายใจ” เสียงของเฉินซีดังก้องออกไป และมันก็เหมือนกับเสียงระฆังที่กระตุ้นวิญญาณเมื่อมันลอดผ่านหูของพวกเขา ทำให้ทุกคนไม่กล้าอยู่อีกต่อไป พวกเขาหันหลังกลับและทะยานไกลออกไป ซึ่งแต่ละคนก็พยายามเร่งความเร็วเท่าที่จะทำได้
“พวกเจ้าที่ยังรั้งอยู่ อยากเป็นทาสหรือ?” เฉินซีหันกลับไปมองตงฉี่และคนอื่น ๆ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว จากนั้นคนกลุ่มนี้จึงหนีไปอย่างเร่งรีบและกระวนกระวายเช่นเดียวกับฝูงสุนัขจรจัดที่ตื่นตระหนก
หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ต่างตกใจสุดขีดเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ และพวกเขาก็ไม่สามารถหาคำมาอธิบายความรู้สึกของพวกเขาได้
แต่ทั้งหมดที่พวกเขารู้ก็คือ หลังจากที่ยอดเขาจรัสตะวันตกได้รับศิษย์น้องคนใหม่เข้ามาแล้ว มันจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!