บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 573 ทลายนิรันดร์
บทที่ 573 ทลายนิรันดร์
“ในเมื่อเราจะสู้กันแล้ว เช่นนั้นก็มาสู้กันให้สาแก่ใจไปเลย!” หลังจากออกท่าได้สำเร็จ เฉินซีก็ไล่ล่าไม่หยุด เขาใช้ปีกนภาดารกะ กลายร่างเป็นเกลียวแสงเคลื่อนผ่านฟ้า หมัดที่ซัดออกมาเป็นดั่งคลื่นยักษ์ เพลงหมัดมหาทำลายล้างถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง
นับตั้งแต่ที่เข้าใจมหาเต๋าแห่งการทำลายล้าง พลังของเพลงหมัดมหาทำลายล้างก็มีคุณภาพขึ้น ทำให้พลังพุ่งขึ้นสูง ทุกกระบวนท่าเต็มไปด้วยพลังกดดัน หมายทำลายทุกสิ่งในใต้หล้า
เมื่อชายหนุ่มใช้มันออกมาอย่างสุดกำลังในตอนนี้ ก็ราวกับวันโลกาวินาศได้มาถึง ทั่วฟ้าเต็มไปด้วยความโกลาหลของพลังทำลายล้างและการพังทลาย แรงผันผวนทางอากาศ แสง และฝุ่นควันที่กระจายฟุ้งไปทั่วพื้นที่ล้วนถูกพลังทำลายล้างบดขยี้ไม่เหลือซาก
“หึ! ก็มีฝีมืออยู่นี่ แต่มีอยู่แค่ระดับนั้นยังกล้าคุยโวอีกอย่างนั้นหรือ!?” ตู้เซวียนหัวเราะเสียงเย็นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเฉินซี เงาร่างคนพุ่งออกมารวดเร็วดั่งหมอกทมิฬ ดั่งเซียนปีศาจพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย
เขามีสีหน้าเย็นชาทว่าอำมหิต เผยกลิ่นอายดุดันกระหายเลือดออกมา ทุกฝ่ามือก่อให้เกิดแรงลมระเบิดออก ปลดปล่อยความน่าเกรงขามแห่งฟ้าดิน
ราวกับทั่วทั้งชั้นฟ้าและผืนดินแปรเปลี่ยนเป็นข้าทาสแห่งเขา ในขณะที่ตัวเขาตู้เซวียนเป็นผู้ถือครองทุกสิ่งเพียงหนึ่งเดียว
“สู้!” เสียงตะโกนก้องดังขึ้น คนทั้งสองพลันเข้าสู่การต่อสู้อันดุเดือด ปราณแท้สั่นสะเทือนและผสานรวมกัน ราวกับภูเขาไฟใกล้ระเบิด ส่งผลให้ฟ้าส่งเสียงร้องครวญ แรงอากาศด้านบนผันผวนอย่างรุนแรง เกิดความโกลาหลจนกลายเป็นสนามรบน่าสะพรึงกลัว
โชคดีที่พวกเขาอยู่บนฟ้า จึงไม่ได้นำพาความวิบัติมาสู่ยอดเขาจรัสตะวันตก
แต่มันแตกต่างจากในบริเวณสนามรบอย่างสิ้นเชิง ด้วยเกิดลมกระโชกแรง ปลดปล่อยเสียงหวีดหวิวสะท้านแก้วหู แรงปะทะระหว่างฝ่ามือและหมัดทำให้ทุกสิ่งในรัศมีหมื่นลี้ตกอยู่ในความโกลาหล ทั้งลมและเมฆพลุ่งพล่านทั่วทุกทิศ ลำแสงสว่างจ้าและแรงผันผวนทางอากาศกระจัดกระจาย
ครืน!
ปราณกระบี่รูปทรงดอกบัวสีฟ้าจำนวนมากระเบิดออกมา มันเปล่งแสงสว่างจ้า กลิ่นอายลึกล้ำแห่งโลหะกล้าคละเคล้าอยู่ภายใน ราวกับว่าสามารถแยกโลกออกจากกันได้ ทำลายตะวันและจันทรา ดูดุดันเป็นยิ่งนัก
“ปราณกระบี่นภาหมื่นปทุม!” ทุกคนตกตะลึง นี่เป็นวิชาขั้นสุดยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากจนสามารถย้อนกลับไปเมื่อยุคหลายล้านปีก่อนได้ มันคือสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่สร้างมันขึ้นมา และมันเกิดมาเพื่อสิ่งเดียวเท่านั้น!
ขณะนั้น ดอกบัวจำนวนมากได้ปรากฏออกมาจากท้องฟ้าที่ หนาแน่นไปด้วยปราณกระบี่ที่ใช้ทำลายศัตรู เหมือนตาข่ายสวรรค์ที่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้
อีกทั้งเมื่อบ่มเพาะวิชากระบี่เช่นนี้จนเชี่ยวชาญ ความรุนแรงก็ไม่ต่างจากศาสตร์เต๋าทีเดียว!
หึ่ง! หึ่ง! หึ่ง!
มันเป็นเสียงราวกับผึ้งนับพันกำลังบินหึ่งดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ดอกบัวที่กระจายอยู่เต็มท้องฟ้าหมุนวนไปมาไม่หยุด มันเป็นเหมือนผู้บ่มเพาะกระบี่ผู้เก่งกล้าที่ปลดปล่อยปราณกระบี่เฉียบคมออกมา มันประสานเข้าด้วยกันจนเป็นดั่งฝนกระบี่ที่ปกคลุมโดยรอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงมา เพียงมองจากที่ไกลก็ถึงกับหนังศีรษะชาด้าน รู้สึกอับจนหนทางเพราะไม่รู้จะหลบไปที่ใด
“ทลายโกลาหล!” เฉินซีหรี่ตาลง จากนั้นตะโกนลั่น ปราณแท้ทั่วร่างพวยพุ่งราวกับคลื่นกลับสู่ทะเล มันควบแน่นอยู่ที่หมัดขวา ก่อนจะกระแทกพลังอันน่าเกรงขามที่แค่เห็นก็เกือบกระอักเลือดออกมา
เมื่อมองจากที่ไกลแล้วราวกับมีสองโลกกำลังถือกำเนิดอยู่บนหมัดของชายหนุ่ม โลกหนึ่งฟ้าอยู่ที่ดิน ดินอยู่ที่ฟ้า เหมือนฟ้าดินกลับตาลปัตร อีกโลกหนึ่งฟ้าดินเป็นปกติ แต่สิ่งมีชีวิตกลับหัวกลับหาง หัวทิ่มดิน เท้าชี้ฟ้า
อีกทั้งยังมีเส้นสายพลังปั่นป่วนมากมายที่หลั่งไหลออกมาจากพลังทำลายล้าง ทำให้ทุกอย่างพลิกคว่ำ แค่มองท่าหมัดในครั้งนี้ก็ทำให้คนทั้งหลายรู้สึกไม่สบายใจ จนอยากกระอักเลือด ปราณและเลือดภายในร่างออกสัญญาณพลิกผันปั่นป่วน พากันไหลย้อนกลับอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม!
หมัดที่ภายในมีโลกกลับหัวกลับหางอยู่และเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างระเบิดออกมาในที่สุด ชั่วพริบตานั้น รอยแยกยาวหกลี้ก็กรีดผ่านฟ้า พลังชีวิตทั่วพื้นที่รอบรอยแยกพลันเหือดหาย ทุกสิ่งอย่างสลายไม่เหลือซาก เกิดเป็นความโกลาหล กฎเกณฑ์ถูกทำลายสิ้น
ปราณกระบี่นภาหมื่นปทุมถูกทำลายไม่เหลือซาก และหากเจ้าตัวหลบไม่ทัน ตู้เซวียนก็คงถูกดูดเข้าไปในพลังผันผวนของหมัดนั่นเช่นกัน
“ไม่เลว ไม่เลวเลย แต่ศิษย์น้องเฉินซี เจ้าคอยดู ศิษย์พี่จะไม่ยั้งมือแล้ว” ดวงตาเรียวยาวของตู้เซวียนเย็นเยียบดั่งคมกระบี่ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกจากร่างพลันพวยพุ่ง หมอกดำลอยฟุ้งอยู่ทั่วกาย ก่อนจะแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นอีกาวิญญาณตาแดงน่าเกลียดน่ากลัวที่กรีดเสียง ‘ก๊า’ ในอากาศ
เห็นได้ชัดว่าถูกเฉินซีทำลายไปสองกระบวนท่าติดทำให้ในใจเขาเกิดจิตสังหาร พละกำลังที่เขาเผยออกมาทำให้เริ่มมองคู่ต่อสู้อย่างจริงจังขึ้น เจ้านี่เพิ่งเข้านิกายมาได้วันเดียว แต่กลับน่าเกรงกลัวเช่นนี้ ต่อไปจะเติบโตไปได้ถึงไหนกัน?
ครั้งนี้แม้ว่าเขาจะไม่อาจสังหารเฉินซีได้ แต่ก็อยากกดอีกฝ่ายไว้ ฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวไว้ในใจ อีกฝ่ายจะได้ไม่พัฒนาไปมากกว่านี้อีก!
“ศิษย์พี่ตู้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดให้มากความ ลงมือเลยเถอะ!” เฉินซีสัมผัสจิตสังหารอันหนาแน่นได้จากดวงตาของตู้เซวียน แต่ในใจเขาเองก็มีไม่ใช่หรือ?
“ฮ่า ๆๆ!! ดี! ดียิ่ง!” ตู้เซวียนหัวเราะลั่น แต่นัยน์ตากลับไม่ยิ้มตาม มันเต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหาร หลังจากนั้นเจ้าตัวก็สูดลมหายใจเข้าลึก พลังผันผวนอันลึกล้ำค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมา
เมื่อพลังนี้พวยพุ่งออกมา พื้นที่รอบกายตู้เซวียนก็ส่งเสียงเหมือนถูกทำลายจนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับห้วงอากาศถูกกรีดเป็นชั้น ๆ ด้วยกระบี่คม จนเกิดเป็นช่องว่างแห่งความโกลาหลขึ้นมา
เพียงชั่วพริบตาเดียว กลิ่นอายของชายหนุ่มก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง อีกาวิญญาณยักษ์ที่มีขนสีดำและมีกรงเล็บสีเงินปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ มันกางปีกออกหมายจะบิน ทั้งยังปลดปล่อยกลิ่นอายดุดัน คล้ายกับจะสามารถฉีกกระชากชั้นฟ้า อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งได้!
นี่มัน…
เป็นตอนนั้นเองที่หลายสายตาพากันรวมอยู่จุดเดียว ตู้เซวียนกำลังจะใช้กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าแล้ว! นี่เป็นวิชาเฉพาะในตระกูลอีกาวิญญาณเท่านั้น!
เปรี๊ยะ!
เกิดรอยแยกมากมายขึ้นใต้เท้าของตู้เซวียน พื้นดินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ อย่างรวดเร็วราวกับถูกพายุน้ำแข็งกัดกร่อน
กระบวนยุทธ์ระดับเต๋านี้เป็นพลังพิเศษที่สุดในตระกูลทั้งหลายเมื่อครั้งโบราณกาล แต่ละตระกูลจะมีอยู่วิชาหนึ่งเป็นวิชาที่สืบทอดกัน ในฐานะยอดอัจฉริยะประจำตระกูลอีกาวิญญาณ ตู้เซวียนย่อมมีพลังนี้
และกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าของตระกูลอีกาวิญญาณก็คืออีกากลืนวิญญาณ!
เมื่อบ่มเพาะจนถึงขีดสุด ก็จะสามารถเรียกเซียนอีกาวิญญาณผู้ชั่วร้ายตัวจริงที่เขย่าสวรรค์สะเทือนปฐพีออกมาได้ ใครเห็นเป็นต้องตกตะลึงไปถึงห้วงจิต ทั้งยังน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
เฉินซีเคยเห็นน้องชายของตู้เซวียน ตู้กวนใช้ศาสตร์เต๋านี้มาก่อน แต่ครั้งนี้แตกต่างจากที่ตู้กวนเคยใช้ ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความน่าเกรงขาม ก็เหนือกว่าที่ตู้กวนใช้นับสิบเท่า
อีกาวิญญาณดูเหมือนจริงและมีขนาดใหญ่มาก ดวงตาของมันเป็นสีแดงก่ำดั่งเลือด มันกวาดตามองฟ้าดิน ราวกับเทพปีศาจที่ลงมายังโลก มีพลังอำนาจล้นเหลือ
ก๊า! ก๊า!
คลื่นเสียงแหลมแสบแก้วหูฟังดูไม่น่าอภิรมย์ที่ดังจนเหมือนจะจับต้องได้ถูกปล่อยออกมาจากปากของอีกาวิญญาณ ถึงกับขนาดที่เห็นคลื่นเสียงนั้นได้ มันกลายเป็นลูกศรนับไม่ถ้วนที่มีเปลวเพลิงสีดำลุกไหม้อยู่ ก่อนจะพุ่งออกมาอย่างรุนแรงราวกับลำแสงสีดำ สะท้านสะเทือนฟ้าดิน กรีดผ่านท้องฟ้าและพุ่งเข้ามาทางเฉินซี
“เวรแล้ว! รีบหนีเร็ว!”
“เจ้าบ้าตู้เซวียนกล้าไม่ไยดีคนอื่นเลย!”
หลังจากผู้อยู่โดยรอบยอดเขาจรัสตะวันตกเห็นภาพนี้แล้ว แทบทุกคนก็เผยสีหน้าตกใจ รีบถอยกรูดตาม ๆ กัน ด้วยกลัวว่าจะถูกศรสีดำที่เกิดจากคลื่นเสียงเหล่านั้นเข้าไป
พวกเขารู้ดีว่า คลื่นเสียงไม่เพียงแต่จะสามารถทำให้ร่างกายบาดเจ็บสาหัสได้ จุดที่น่ากลัวที่สุดคือความสามารถในการดูดกลืนวิญญาณของมัน ที่หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้วิญญาณถูกทำลายได้!
มีเพียงเหลิ่งชิว ผางโจว เซี่ยอี้ แล้วคนอื่นอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
ฮึ่ม!
เมื่อเห็นดังนี้ สีหน้าของเฉินซีก็ดูจริงจังมาก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเหินร่างขึ้นสูง ทั้งผมและชุดพลิ้วไหวไปตามแรงลม มือขวาราวกับกำลังกุมตะวันร้อนระอุที่ปลดปล่อยแสงจ้าสีขาวออกมาเอาไว้
ชั่วพริบตานั้นเอง ทั่วฟ้าดินก็เต็มไปด้วยแสงสีขาว ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับดวงตาถูกเฉือน น้ำตาไหลพรากออกมา
“ทลายนิรันดร์!” น้ำเสียงเรียบเรื่อยของเฉินซีดังก้องฟ้า กลิ่นอายทำลายล้างสะท้านฟ้าดินระเบิดออกจากหมัดอย่างรวดเร็ว ราวกับคลื่นพลังโกลาหลที่พุ่งออกมาจากภายในจักรวาล หมายจะทำลายล้างโลกทั้งใบ!
นี่คืออำนาจของกระบวนท่าที่สามแห่งเพลงหมัดมหาทำลายล้าง และนับเป็นครั้งแรกที่เขาใช้กระบวนท่านี้เช่นกัน!
ในอดีต ด้วยความที่เขายังไม่ได้เข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้าง จึงไม่สามารถเข้าใจกระบวนท่านี้ได้อยู่นาน เขาเพียงแค่ใช้เป็นเท่านั้น แต่ไม่อาจนำแก่นพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้
แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในเมืองบรรพกาล พลังบ่มเพาะของชายหนุ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างมั่นคงเพราะเขาดูดซับพลังเทวะไปเป็นจำนวนมาก จึงสามารถบรรลุจากขอบเขตจุติขั้นต้นไปสู่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ภายในวันเดียว
อีกทั้งหม้อใบจิ๋วยังส่งต่อเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างเต็มขั้นมาให้เขาด้วย ทำให้ชายหนุ่มมีความสามารถที่จะใช้ ‘ทลายนิรันดร์’ ออกมาได้
ครืน!
ลำแสงแห่งการทำลายล้างปะทุขึ้นปกคลุมใต้หล้า ทุกคนรอบข้างเหมือนตาบอดไปชั่วขณะ ไม่อาจเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสมรภูมิการต่อสู้ได้
ได้ยินเพียงเสียงระเบิดสะท้านฟ้าดังครืนมาเท่านั้น และสัมผัสได้ถึงแรงดันอากาศรุนแรงที่พลุ่งพล่านออกมาทั่วทุกทิศ มันกดดันพวกเขาจนได้แต่ถอยหนีไปไม่หยุด
ผู้ที่อ่อนแอหน่อยก็ถูกแรงกดดันนี้บีบคั้นจนกระอักเลือด ร่างกระเด็นไป กรีดร้องเสียงแหลมออกมา เป็นภาพที่น่าตกใจยิ่งนัก
“พลังอำนาจของกระบวนท่านี้ไม่ต่างจากศาสตร์เต๋าทีเดียว” เหลิ่งชิวพึมพำ ยังคงมีใบหน้าเย็นชาเช่นเคย ทำให้ผู้อื่นไม่รู้ว่าแท้จริงเขาคิดอย่างไรกันแน่
“ใครจะไปคิดว่าศิษย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้านิกายมาจะมีวิชาสะท้านฟ้าเช่นนี้กัน?” ผางโจวเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน กระบวนท่านี้ทำให้เขาไม่อาจประเมินอีกฝ่ายต่ำได้อีกต่อไป
“ดูท่าท่านพี่คงไม่ต้องยื่นมือเข้าช่วยแล้ว” ณ ที่ห่างไกลออกไป อันเคอในชุดกระโปรงสีแดงจัด เจ้าของใบหน้าและเรือนร่างงดงาม ร่างสูงและเย้ายวน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“ดูต่อไปเงียบ ๆ เถอะ มันยังไม่จบแค่นี้หรอก” หญิงสาวผู้มีท่วงท่าสูงส่งสง่างาม ราวกับผาสูงที่เพิ่งผ่านฝน เจ้าของร่างเย้ายวนใจซึ่งยืนอยู่ข้างกายอันเคอ เอ่ยออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็คืออันเวยนั่นเอง
“โห?” อันเคอขมวดคิ้วงามเข้าหากัน ดูสับสนเล็กน้อย แต่ก็เชื่อในคำของพี่สาวตน นางจึงไม่คิดอะไรอีกและส่งสายตามองไปยังที่ห่างไกลอีกครั้ง
ผ่านไปชั่วครู่ เสียงระเบิดก็ค่อย ๆ เบาลง แรงดันอากาศดุดันค่อย ๆ คลายตัว
เมื่อทุกคนลืมตามองภาพให้ชัด พวกเขาก็เป็นต้องตกตะลึงอย่างมาก
พวกเขาเห็นเฉินซียืนหยัดอยู่ไกล ๆ หลังตรงดั่งกระบี่ ไร้ซึ่งบาดแผล แต่สีหน้าดูซีดเล็กน้อย กลิ่นอายดูอ่อนกำลังเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการซัดกระบวนท่าเมื่อครู่ออกมาคงใช้พลังไปมาก
ตรงข้ามกับเฉินซีคือชายหนุ่มในชุดสภาพขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเปื้อนฝุ่น ตัวดำไปหมด สีหน้าดูน่าสมเพชอยู่บ้าง ทำให้คนอื่นเห็นแล้วอดอยากหัวเราะออกมาไม่ได้
แต่จังหวะนี้ไม่มีใครกล้าหัวเราะออกมา กลับกันแล้ว ทุกคนได้แต่ใจสั่น แม้จะไม่เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้ชัดเจน แต่หน้าประหลาดนักที่คนผู้นั้นคือตู้เซวียน!