CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 603 ภพมนุษย์

  1. Home
  2. บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน
  3. บทที่ 603 ภพมนุษย์
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 603 ภพมนุษย์

เมืองเร้นธารา

มันเป็นเมืองหนึ่งในภพมนุษย์ที่มีประชากรอยู่มาก เต็มไปด้วยร้านค้า เรือสำเภา และเจริญรุ่งเรืองยิ่ง

ตามท้องถนนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทุกประเภท เช่น นักปราชญ์ คนเร่ขาย ทหารยาม นักเล่นกล นักแสดง และนักเล่าเรื่อง มองไปเห็นได้ทุกที่

เฉินซีรู้สึกถึงมวลอากาศหนาแน่นในภพมนุษย์ซึ่งตีเข้าหน้าทันทีที่เขามาถึงเมืองเร้นธารา ภพมนุษย์อันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา แตกต่างจากโลกแห่งการบ่มเพาะอย่างสิ้นเชิง

“ซาลาเปาหยก ซาลาเปาหยกร้อน ๆ … บรรพบุรุษของข้าน้อยเคยทำงานอยู่ในครัวหลวง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เคยเข้ามาตรวจ และได้ลิ้มลองซาลาเปาที่บรรพบุรุษของข้าน้อยทำเอาไว้และชมไม่หยุดปาก”

“ผู้ชมทั้งหลาย พัดขนนกเล่มนี้ได้รับการเย็บขึ้นโดยยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งหอหยกกระจ่าง กวีบนพัดมาจากปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งสถาบันหลวงนามว่าจวงอู๋อวี๋ พรมไปด้วยน้ำหอม มีกวีมูลค่าสูงเขียนอยู่ ราคาเพียงแปดสิบทองเท่านั้น อย่าได้พลาดโอกาสนี้เชียว” เสียงร้องของคนขายพัดดังขึ้น

“เซียนจิ้งซืออ้าปากคายกระบี่เซียนออกมาเล่มหนึ่ง เหมือนลำแสงเส้นหนึ่งทะลวงตะวัน ลมเย็นพัดผ่าน กระบี่เซียนปกคลุมฟ้าดิน ทำให้ปีศาจต้นหลิวชราหวาดกลัวจนวิญญาณแทบออกจากร่าง รีบเคลื่อนกายหวังหลบหนี…” ภายในโรงน้ำชา นักเล่านิทานคนหนึ่งกำลังเล่าเรื่องราว ฟังดูมีชีวิตชีวายิ่ง

“อ๊ะ เป็นพี่ชิงเสียนนี่เอง ท่านก็จะตรงไปสอบที่เมืองหลวงเช่นกันหรือ? ได้ยินมาว่าผู้คุมสอบของสถาบันหลวงคือใต้เท้าเซียวจิ่นอวี๋ เขาเป็นคนซื่อตรงและเป็นกลาง มีรูปแบบการเขียนที่ทรงพลัง เกลียดงานเขียนที่มีแต่น้ำไม่มีเนื้อเป็นที่สุด เราต้องเขียนให้ถูกใจใต้เท้าได้อย่างเหมาะสม ไม่เช่นนั้นคงสอบไม่ผ่าน”

“ถูกแล้วน้องเฝิงเป่า เราก็ศึกษาหนังสือปราชญ์และคุณธรรมชายชาตรีกันมาอย่างยากลำบากเพื่อให้สอบผ่านและมีชื่อเสียงดังไกลกันแล้วนี่นา ข้าสอบผ่านเมื่อไร ย่อมต้องไปเยี่ยมหอโคมแดงอันดับหนึ่งของเมืองหลวงอย่างหอเมฆาโปรย ดื่มกินให้หนำใจ ใช้เวลาร่วมกับสตรีงามเมืองอันดับหนึ่งของที่นั่นแน่”

“ฮ่า ๆ! สอบผ่าน แต่งงาน พบสหายเก่าในเมืองไกล ล้วนเป็นสามสิ่งสุดยอดในชีวิตที่พวกเราปรารถนาอยากได้นี่นา? พี่ชิงเสียน เราไปหาอะไรดื่มแล้วคุยกันให้สนุกดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาวัยหนุ่มไปเปล่า ๆ”

ชายหนุ่มสองคนในชุดนักปราชญ์กำลังเดินคุยอยู่บนถนน เหมือนกำลังจะมุ่งหน้าไปสอบที่เมืองหลวง เต็มไปด้วยความหวังและความปรารถนา

เมื่อมองภาพตรงหน้าแล้ว และได้ยินเสียงทั้งหลายที่ดังทั่วไปในถนน จิตใจของเฉินซีก็สงบลงโดยไม่รู้ตัว

เขาเดินเตร่ไปตามถนนในภพมนุษย์ เฝ้าดูอารมณ์ความรู้สึกของเหล่าคนธรรมดา และเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด สายตาจ้องมองทุกคนที่พากันดำเนินชีวิตไปในแต่ละวัน

ที่นี่คือภพมนุษย์ ก็เหมือนกับคลื่นความโกลาหลที่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายพากันดำเนินผ่าน ถือกำเนิดชีวิตและดับสลายสิ้นไปตามชะตาลิขิต แม้จะตัวเล็กและไร้สิ่งพิเศษใดดั่งมดตัวหนึ่ง แต่ก็ใช้ชีวิตและตายไปเช่นนี้ไม่จบสิ้น จนเกิดเป็นภพมนุษย์ สร้างความเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์

ผู้บ่มเพาะดิ้นรนภายใต้เต๋าแห่งสวรรค์ สู้อุตสาหะเพื่อคว้าเอาชีวิตอมตะมาให้จงได้ คนธรรมดามีรุ่งมีร่วงในการดำเนินชีวิต ออกแรงเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพ น่าขันนักที่ผู้บ่มเพาะดูถูกคนธรรมดาเหล่านี้แล้วรู้สึกว่าตนเองสูงส่งกว่า คิดว่าคนอื่นเป็นมดตัวหนึ่งเท่านั้นหรือ? ทว่าภายใต้เต๋าแห่งสวรรค์แล้ว ใครกันแน่ที่เล็กดังมดตัวหนึ่ง?

‘หากข้าสามารถยืนอยู่เหนือเต๋าแห่งสวรรค์ในช่วงชีวิตนี้ได้ ก็คงจะอยู่เหนือทุกสิ่งได้กระมัง?’ เฉินซีหยุดเคลื่อนไหว รอบกายเต็มไปด้วยผู้คนขยับเคลื่อน จากนั้นก็แหงนหน้ามองฟ้า จิตใจล่องลอยไปไกลแสนไกล เป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกอยากแหกคอกที่ขังเขาไว้ และเอาชนะเต๋าแห่งสวรรค์ให้ได้

เขาอยากรู้ว่าจะได้เห็นภาพเช่นไรเมื่อสามารถยืนอยู่เหนือเต๋าแห่งสวรรค์ได้

“พี่ชาย อยากซื้อรองเท้าหญ้าสานสักคู่หรือไม่?” ที่ริมถนนตรงที่ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่คือสตรีวัยกลางคนที่เร่ขายรองเท้าคนหนึ่ง ข้างกายยังมีเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เด็กคนนั้นตัวเตี้ยดูผอมแห้ง มีผิวคล้ำ ใบหน้ามอมแมม ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับดำขลับส่องประกายเหมือนดวงดาว

เด็กหญิงสังเกตเห็นว่าเฉินซีหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายรองเท้าของนางนานแล้ว จึงนึกว่าเขาคงถูกใจรองเท้าคู่หนึ่งที่ท่านแม่สาน นางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วถามเสียงเบาออกไป

“ยัยหนู เงียบไปเลย!” หญิงวัยกลางคนมีใบหน้าขรึมและตำหนิเด็กหญิง คนธรรมดาไม่อาจเทียบเคียงท่าทีที่เฉินซีเผยออกมาได้หรอก นางเกรงว่าลูกสาวจะพูดไม่เข้าหู ทำให้เขาไม่พอใจและเกิดปัญหาขึ้น

“ท่านแม่ หากหาเงินไม่พอ แล้วเรื่องที่น้องป่วยจะทำอย่างไร?” เด็กหญิงก้มหน้าลงต่ำ สองมือจับกันแน่นด้วยความไม่สบายใจ เอ่ยคำเสียงเบาออกมา

เฉินซีจึงหลุดจากภวังค์ สังเกตเห็นว่าชุดของแม่ลูกคู่นี้เต็มไปด้วยรอยปะชุนและเก่าเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีฐานะยากจน น่าเวทนานัก

นอกจากนั้นแล้ว แผงตรงหน้ายังมีรองเท้าสานเรียงรายอยู่มากมาย มองปราดเดียวก็รู้ว่าคงขายไม่ได้สักคู่

ตอนนี้ก็พลบค่ำแล้ว หากไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นในวันนี้ก็คงขายไม่ได้เลย

“ข้าซื้อทั้งหมดนี้เลย” เฉินซียื่นเหรียญเงินให้หญิงวัยกลางคน “รับนี้ไปเสียแล้วรีบกลับบ้านไปรักษาลูกชายเถอะ” เหรียญเงินเหรียญนี้มากพอจะให้ครอบครัวยากจนหนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ไปได้หลายปีทีเดียว

“อา! ขอบคุณนายน้อยมาก ขอบคุณนายน้อย…” หญิงวัยกลางคนตกตะลึงเมื่อเห็นเหรียญเงินเหรียญใหญ่เช่นนั้นอยู่ในมือตน รีบบอกขอบคุณทันที ทั้งยังตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นคำ

ทว่าเฉินซีกลับจากไปแล้ว

“ท่านแม่ เมื่อครู่เราพบเทพเซียนหรือ?” การที่เฉินซีหายไปทันทีเช่นนี้ ทำให้เด็กหญิงอดขยี้ตามองไม่ได้ นึกว่าตนเองเห็นภาพหลอน

แต่พอมองอีกครั้งก็ไม่เห็นเงาร่างของอีกฝ่ายแล้ว มีเพียงเหรียญเงินบนมือท่านแม่เท่านั้นที่ยังอยู่ ทำให้นางคิดว่าคงได้พบกับเซียนในตำนาน นัยน์ตาสีดำสนิทจึงเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น

…

นอกเมืองเร้นธารา แดนสาปสาง

ที่นี่เป็นสถานที่น่ากลัว ที่แค่เอ่ยถึงก็ทำให้คนในเมืองหน้าซีดได้แล้ว ว่ากันว่ามีวิญญาณชั่วร้ายเร่ร่อนอยู่บริเวณนี้ แล้วจะปรากฏตัวขึ้นในช่วงกลางคืน อีกทั้งยังถนัดด้านการชิงวิญญาณและกินเครื่องในคน ทำให้เหล่าชาวบ้านหวาดกลัวยิ่งนัก

ว่ากันว่าวิญญาณชั่วร้ายเคยเป็นพวกเจ้ากรมที่ทุจริตและพวกคนทรยศที่ถูกสังหารอยู่ที่นี่ช่วงการก่อกบฏ ถูกสังหารทิ้งอยู่กลางป่า เลือดไหลไปตามธารน้ำ แต่ความแค้นยังไม่สลายไป จึงกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายในที่สุด

ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา แทบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สถานที่น่าเกรงกลัวแห่งนี้เลย ทำให้มันดูรกร้างเหมือนกับเขตแดนต้องห้าม

แต่ในคืนนี้ ยังมีร่างสูงของคนผู้หนึ่งที่เดินมาถึง เขาเดินเข้ามาในอารามที่กลายเป็นซากไปเมื่อนานมาแล้ว

ผนังอารามแห่งนี้ทรุดตัวลง เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ ในขณะที่รูปปั้นเทพเซียนทั้งหลายที่อยู่ภายในนั้นก็มีใบหน้าไม่ชัดเจน ทั้งยังแตกหัก บ้างก็พังทลายลงมานานแล้ว ไม่รู้ว่าเคยเป็นเซียนตนไหนกันแน่

ครืน! เสียงคำรามยามค่ำคืนดังขึ้น เมฆดำปกคลุมทั่วฟ้า ทำให้มืดมากจนนิ้วมือตนยังมองไม่เห็น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงฟ้าร้องลั่นดังขึ้น สายฟ้าสีเงินซัดลงมาจากฟ้า แล้วพายุฝนก็กระหน่ำไม่หยุด

ทั้งฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แล้วพายุฝน… ล้วนทำให้อารามผุพังในแดนรกร้างแห่งนี้ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

พรึ่บ!

จู่ ๆ เปลวไฟก็ลุกโชนขึ้น ก่อนฟืนแห้งที่กองรวมกันอยู่บนพื้นจะลุกเป็นไฟ ส่องสว่างกระจ่างจ้า ทำให้บรรยากาศอันน่าขวัญผวามีความอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

‘ข้าทำภารกิจสำเร็จไปร้อยเจ็ดอย่างแล้ว หากลองคำนวณดูก็ออกจากนิกายมาเดือนกว่าได้ เหลืออีกเพียงแค่เจ็ดวันก่อนจะถึงการทดสอบแห่งยอดเขาจรัส…’ แสงริบหรี่ของเปลวไฟสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาและตั้งมั่นของเฉินซี เขากวาดสายตาไปมองไข่มุกสีดำที่มีขนาดเท่าไข่เป็ดในมือ ก่อนจะพลิกมือเก็บมันไป

มันคือมุกวิญญาณภูต ชายหนุ่มได้มาจากการสังหารวิญญาณชั่วร้ายตัวหนึ่งในแดนสาปสาง จะนับว่าล้ำค่าก็คงไม่ได้ แต่ก็เป็นส่วนผสมที่จำเป็นต้องใช้ในการกลั่นยาเม็ดจิตวิญญาณระดับสวรรค์

หืม? จังหวะนั้นเองที่เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อสังเกตเห็นบางอย่าง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้าย ปกคลุมไปด้วยภูตผี ทั้งยังมีกลิ่นอายอาฆาตแค้นและไอหยินหนาแน่น อีกทั้งนี่ยังเป็นช่วงกลางดึก และมีพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก สายฟ้าซัดสาดไปทั่วฟ้า จะมีใครออกมาในช่วงเวลานี้ได้…?

‘เอ๊ะ… เป็นพวกเขานี่เอง’ จิตสัมผัสเทพที่ชายหนุ่มแผ่ขยายออกไปเห็นเป็นคู่แม่ลูกคู่เดิมกำลังเดินฝ่าพายุฝนเข้ามา พวกนางค่อย ๆ ลากขา ทั่วร่างเปียกโชก ดูมีสภาพน่าสงสารยิ่งนัก

พวกเขาก็คือคู่แม่ลูกผู้ยากไร้ที่ชายหนุ่มเห็นเร่ขายรองเท้าสานในเมืองเร้นธารานั่นเอง

‘แปลกจริง หรือจะไม่รู้ว่าที่นี่อันตราย?’ เฉินซีขมวดคิ้ว รู้สึกว่าแปลกอยู่เล็กน้อย เพราะนี่ก็เหมือนดั่งลูกแกะน้อยกระโจนเข้าปากพยัคฆ์ อย่างไรวิญญาณชั่วร้ายที่นี่ก็ฆ่าคนไม่เลือกดีเลวอยู่แล้ว

“ท่านแม่ ตรงนั้นมีแสงไฟด้วย เราเข้าไปหลบฝนข้างในกันก่อนเถอะ แล้วค่อยกลับบ้านหลังฝนหยุดดีหรือไม่?”

“เอาเถอะยัยหนู เจ้าค่อย ๆ เดินก็แล้วกัน” หลังจากนั้นไม่นาน คู่แม่ลูกก็เข้ามาถึงสถานที่รกร้างแห่งนี้ รีบเข้าไปในอารามร้าง เมื่อผลักประตูเปิดออกแล้วเห็นเฉินซีนั่งอยู่ริมกองไฟก็ต้องชะงักไป ด้วยพวกนางคงไม่คิดว่าจะได้มาพบอีกฝ่ายที่นี่

“นั่งลงแล้วอบอุ่นร่างกายก่อนเถิด” เขาลุกขึ้นมองคู่แม่ลูกที่เปียกโชกไปทั้งกาย

“ขอบคุณนายน้อยมาก ขอบคุณนายน้อย” หญิงวัยกลางคนช่วยปัดฝนออกจากร่างเด็กหญิงไปบอกขอบคุณเฉินซีไปด้วย พูดคำเดิมซ้ำไปมา และแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่านางเป็นคนเรียบง่ายและจิตใจดีคนหนึ่ง

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รู้ว่าแม่ลูกคู่นี้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่รกร้างนี้ ตามจริงแล้วมีทางเข้าหมู่บ้านอีกทางหนึ่ง แต่เพราะอยากประหยัดเวลาเพื่อรีบกลับไปรักษาลูกชาย นางจึงไม่สนสิ่งใดและใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดเพื่อรีบกลับไปแทน

“พี่ชาย ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ? ที่นี่คือแดนสาปสาง มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่มากมายทีเดียว ท่านไม่กลัวหรือ?” เด็กหญิงเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นถามเฉินซี

“ในเมื่อที่นี่มีวิญญาณชั่วร้าย แล้วเจ้าไม่กลัวหรือ?” ชายหนุ่มถามพร้อมรอยยิ้ม

“ข้าก็กลัว แต่ข้ากับท่านแม่ต้องรีบกลับไปต้มยาให้น้องชาย เขาป่วยหนักมาก พวกเราเองก็เป็นห่วง เลยต้องรีบกลับบ้านกันเช่นนี้” เด็กหญิงคลี่ยิ้ม

เฉินซีมองรอยยิ้มกว้างบนใบหน้ามอมแมมน้อย ๆ ของเด็กหญิงก็อึ้งไป พลันเกิดความรู้สึกซาบซึ้งอย่างอธิบายไม่ได้ตีขึ้นมา

เด็กคนนี้อายุเพียงห้าหกขวบปี แต่กลับลืมความหวาดกลัวเพื่อรีบกลับไปรักษาน้องชาย ทั้งยังไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองอีก…

เป็นความรู้สึกแบบใดกันที่ทำให้นางกล้าหาญและไร้ความเกรงกลัวเช่นนี้ได้?

“พี่ชาย นี่คือกระเรียนมงกุฎแดงที่ข้าสานให้ท่าน ท่านลองดูว่าชอบหรือไม่” เด็กหญิงพลันเอ่ยเสียงตื่นเต้นขึ้น นางค่อย ๆ เปิดกระเป๋าบนชุดแล้วหาอยู่นาน สุดท้ายก็หยิบเอาฟางเปียกก้อนหนึ่งออกมา

“กระเรียนมงกุฎแดงแบนหมดแล้ว… พี่ชาย ข้าขอโทษด้วย” น้ำตาสายไหลออกจากดวงตาโตของเด็กหญิง นางมองก้อนฟางในมือแล้วเอ่ยเสียงเบา

ตอนก่อน
ตอนต่อไป
  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์