บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 634 คำกล่าวที่ทิ่มแทงหัวใจ
บทที่ 634 คำกล่าวที่ทิ่มแทงหัวใจ
เหลิงฉานเอ๋อร์เป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรอวี๋โบราณ เป็นสตรีที่งดงาม เป็นที่เคารพของปวงชน ตั้งแต่เข้าร่วมนิกายวิถีกระแสสวรรค์นางได้แสดงพรสวรรค์อันล้ำเลิศ บัดนี้ นางได้กลายเป็นบุคคลสำคัญในหมู่ศิษย์ชั้นยอดของนิกายแล้ว จึงมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่รุ่นเยาว์ ที่นับถือเป็นดั่งเทพธิดาที่พิชิตหัวใจของผู้คนมากมาย
นางยืนขึ้นพลางก้าวเท้าไปยังเฉินซีท่ามกลางสายตาไม่เป็นมิตรของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีต่อเขา
“เจ้าคือเฉินซีใช่หรือไม่?” เหลิงฉานเอ๋อร์ไม่สนใจใคร เดินตรงมาหาเฉินซี นั่งบนโต๊ะพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจน
เฉินซีเงยหน้ามองหญิงสาวงดงามที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพลางกล่าว “ต้องการอะไรจากข้า?”
เหลิงฉานเอ๋อร์พลันยิ้มหวานราวกับบุปผาเบ่งบานเมื่อเห็นว่าเฉินซีไม่ได้ปฏิเสธ นางถาม “เจ้าคือเฉินซีที่ปรมาจารย์ชิงซิ่วอี้พูดถึงใช่หรือไม่?”
เฉินซีตกตะลึง ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า สัมผัสได้ว่าสตรีผู้นี้อาจรู้อะไรบางอย่าง มิฉะนั้นคงจะไม่เอ่ยนามของชิงซิ่วอี้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเหลิงฉานเอ๋อร์เรียกชิงซิ่วอี้ว่าปรมาจารย์ หัวใจของเขาก็ตกไปที่ตาตุ่มทันที เพราะความอาวุโสเยี่ยงนี้แปลกเกินไป ชิงซิ่วอี้จะเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร?”
ทว่ามันก็มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือนางฟื้นความทรงจำของชาติที่แล้วกลับมาเกือบจะทั้งหมด ซ้ำยังใช้สถานะที่มีในชาติที่แล้วกับนิกายวิถีกระแสสวรรค์!
เฉินซีถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนนี้เขาแทบจะไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับชิงซิ่วอี้แม้แต่น้อย มันทำให้ชายหนุ่มอยากเข้าไปหาชิงซิ่วอี้ที่นิกายวิถีกระแสสวรรค์เป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์นิกายวิถีกระแสสวรรค์ที่ได้ยินบทสนานี้ต่างก็พากันตกใจ สายตาของพวกเขาพากันจับจ้องไปยังเฉินซีด้วยความรู้สึกประหลาด
“เฉินซี ไม่คิดว่าจะเป็นเขาจริง ๆ ด้วย!”
“เจ้าเด็กนี่เนี่ยนะที่ต้องการสู้ใต้เท้าปิงซื่อเทียนเพื่อปรมาจารย์ฉิง? ฮึ! เป็นแค่ขอบเขตสถิตกายาจากราชวงศ์อันแสนธรรมดาจากดินแดนที่เล็กจิ๋ว ไม่ต่างอะไรกับเขียดที่คิดไล่ห่านฟ้า ประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
“ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน เจ้าเด็กนี่ก็ยังห่างจากใต้เท้าปิงซื่อเทียนเป็นพันเท่า จะคู่ควรกับเทพธิดาอย่างปรมาจารย์ฉิงได้อย่างไรกันเล่า?”
“เจ้าจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด เขาก็กล้าเดิมพันกับใต้เท้าปิงซื่อเทียนเชียวนะ หากเป็นพวกเรา คงไม่กล้าทำเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
บทสนทนาของผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งนิกายวิถีกระแสสวรรค์เหล่านี้ดังฟังชัด ดังนั้นคนอื่น ๆ ในตำหนักจึงได้ยิน มันทำให้พวกเขาอ้าปากค้าง รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มผู้ตบสี่พี่น้องมังกรฉลามนี้จะมีประสบการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้
ชิงซิ่วอี้เป็นอัจฉริยะที่ทำให้ทั้งแดนภวังค์ทมิฬสั่นคลอน นางผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับร้อยครั้งเพื่อบ่มเพาะ ทำให้แม้แต่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรจำนวนมากยังต้องตะลึง
ในทางกลับกัน ปิงซื่อเทียนเองก็เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ดั่งทวยเทพและได้บรรลุเป็นเซียนสวรรค์เมื่อนานมาแล้ว ทำให้เขายืนอยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวงในภพมนุษย์
ในฐานะศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง จริง ๆ แล้วเฉินซีมีความสัมพันธ์กับชิงซิ่วอี้ และได้กลายเป็นคู่แข่งทางความรักกับปิงซื่อเทียน หากข่าวนี้แพร่ออกไป มันอาจทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือนก็ว่าได้!
ไม่ว่าเขาจะประเมินตัวเองสูงไปหรือไม่ก็ตามแต่ เพียงแค่ประสบการณ์อันแปลกประหลาดนี้ก็มากพอที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว!
“เฉินซี? เขาเนี่ยนะเฉินซี?” ดวงตาของนักพรตเต๋าสุริยันชาดเผยให้เห็นความรู้สึกประหลาด
เมื่อครึ่งปีก่อน ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีแห่งนิกายฟ้ากำเนิดได้ลงมาที่สมรภูมิบรรพกาลเพื่อเกณฑ์ศิษย์ ก่อนที่จะได้ตัวเฟิงเจี้ยนไป๋แห่งตระกูลเฟิงและพวกพ้องไป ซึ่งข่าวการเดิมพันระหว่างเฉินซีและปิงซื่อเทียนจึงถูกแพร่ออกไปโดยผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีภายในนิกายฟ้ากำเนิด ในฐานะศิษย์ชั้นยอดของนิกายฟ้ากำเนิด นักพรตเต๋าสุริยันชาดจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
นอกจากนี้ เท่าที่เขาทราบเฉินซีไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ที่น่าตกใจเท่านั้น ชายหนุ่มยังเอาชนะทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติได้ ซ้ำยังกวาดบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์จนเรียบ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับหนึ่งในศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงคราม ทำให้เป็นบุคคลที่น่าจับจ้องอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเฉินซี นักพรตเต๋าสุริยันชาดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจสั่น
“หืม? เจ้าเคยได้ยินชื่อของเฉินซีมาก่อนหรือ?” หลงเจิ้นเป่ยที่อยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะถาม หลังจากที่เขาได้ยินเกี่ยวกับรักสามเศร้าระหว่างเฉินซี ชิงซิ่วอี้และปิงซื่อเทียน นอกจากจะตกใจแล้ว เจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกริษยาเล็กน้อย
อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา ทว่ากลับเข้าไปแทรกแซงในเรื่องระหว่างตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์และอัจฉริยะที่สั่งสมประสบการณ์มานับร้อยชาติ!!
…ต่อให้จะประเมินตนจนเกินตัวเพียงใด มันจะมีสักกี่คนที่จะกล้าทำอะไรเช่นนี้?
และที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือนักพรตเต๋าสุริยันชาดเคยได้ยินชื่อของเฉินซีมาตั้งนานแล้ว ทำให้หลงเจิ้นเป่ยตกใจยิ่งกว่าเดิม ด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตว่าคนที่ตนเองเมินเฉยมาตลอดนั้นพิเศษยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก…
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
หรือว่าเจ้านี่กำลังซ่อนพลังที่แท้จริงอยู่ และข้ากำลังโดนหลอกมาตลอด?
หลงเจิ้นเป่ยรู้สึกตั้งตัวแทบไม่ทัน สภาพจิตใจของเขาค่อนข้างปั่นป่วน หงุดหงิดพอสมควร ยิ่งกว่านั้นความรู้สึกที่เห็นเฉินซีเหนือกว่าตนเองในทุก ๆ ด้านก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว ข้าเคยได้ฟังวีรกรรมเด็กคนนี้มาบ้าง และมันช่างวิเศษนัก!” นักพรตเต๋าสุริยันชาดพยักหน้าพลางถอนหายใจเบา ๆ
เมื่อฟังคำตอบนี้ หลงเจิ้นเป่ยก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปใหญ่
“ข่าวที่ได้รับจากคนระดับสูงของนิกายนั้นเป็นความจริง เด็กคนนี้คือเฉินซีที่เข้าใจความล้ำลึกของมหาเต๋าแห่งปารมิตา และการลืมเลือน…” ในอีกด้านหนึ่ง ดวงตาของฉิวจุนแห่งนิกายอสูรวสันต์ยมโลกหรี่ลงพลางแสดงความเย็นชา และเผยประกายดั่งสัตว์ร้ายที่กำลังจ้องจับเหยื่อ เฝ้ารอโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อที่จะซุ่มโจมตี!
ในตอนที่ความคิดของผู้คนฟุ้งซ่านไปทั่ว เสียงกระซิบดังก้องไปทั่วตำหนัก เฉินซีที่เงียบงันก็เงยหน้าขึ้นในที่สุด จากนั้นจึงหันมองไปยังเหลิงฉานเอ๋อร์ที่นั่งตรงข้ามเขาพลางถาม “เจ้ามาหาข้าเพื่อบอกแค่นี้?”
เหลิงฉานเอ๋อร์คอยเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเฉินซีอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด ทำให้นางเริ่มเกิดความชื่นชมในใจเมื่อเห็นสายตาที่แสดงความแน่วแน่ของเฉินซี จากนั้นหญิงสาวก็พยักหน้า “ถูกต้อง ข้าอยากเห็นมาตั้งนานแล้ว ว่าชายแบบใดกันที่ครอบครองหัวใจของปรมาจารย์ชิงซิ่วอี้ไว้ได้?”
ครอบครองหัวใจของชิงซิ่วอี้? น… นางยังจำข้าได้งั้นหรือ?
เพียงประโยคเดียวนี้ มันก็ทำให้ความกระสับกระส่ายและความวิตกกังวลในใจของเฉินซีหายไปทันควัน สภาพจิตใจสงบลง และตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกไปอย่างสิ้นเชิง
อันที่จริง… เรื่องพวกนี้ย่อมไม่สามารถปกปิดไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อถูกเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยเลยตามเลย! ความพัวพันระหว่างข้า ชิงซิ่วอี้ และปิงซื่อเทียนจะนำมาซึ่งผลกระทบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ฉะนั้นจะไปต่างอะไรกันหากบอกเสียตอนนี้?
“เจ้านี่ไม่เลวเลย แต่ถ้าให้พูดแบบกำปั้นทุบดินละก็ ข้าว่าเจ้ายังไม่คู่ควรกับปรมาจารย์ชิงซิ่วอี้” เหลิงฉานเอ๋อร์กล่าวคำต่อคำด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางจ้องเขม็งไปที่ดวงตาของเฉินซี “ยิ่งไปกว่านั้นอาจไม่มีความหวังในการชนะการเดิมพันกับใต้เท้าปิงซื่อเทียนเสียด้วยซ้ำ ถอนตัวไปย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า ไม่อย่างนั้น แม้ฟังดูโหดร้าย ทว่าจุดจบของเจ้าอาจจะน่าอนาถอย่างยิ่ง”
ทุกคำกล่าวเหล่านี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นดั่งใบมีดที่ทิ่มแทงหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกพูดโดยบุคคลที่มีสถานะเช่นเหลิงฉานเอ๋อร์ …ที่มันให้ความรู้สึกซึ่งทำให้คนอื่นจนใจและจำต้องเชื่อ!