บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 725 ดูถูกผู้อื่น
บทที่ 725 ดูถูกผู้อื่น
ผ่านไปหลายช่วงอึดใจ กว่าทุกคนจะตั้งสติได้และต่างพากันกันชื่นชมเมืองที่อยู่บนฟากฟ้าตรงหน้า
เฉินซีที่กำลังมองภาพเบื้องหน้าเช่นกันได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับแย้มยิ้ม “ตามตำนานเล่าว่า เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ที่นี่นับตั้งแต่โบราณกาล มันสร้างขึ้นจากวัสดุที่เรียกว่าศิลาลอย ซึ่งแข็งแกร่งคล้ายป้อมปราการ และได้รับการบูรณะจากผู้บ่มเพาะเผ่าเทาเที่ยมาจนถึงปัจจุบัน”
พูดจบ เฉินซีก็นำทุกคนมุ่งหน้าไป
หากอยากเข้าเมืองแห่งนี้ก็ต้องเข้าผ่านเส้นทางพิเศษ ซึ่งเรียกกันว่าบันไดเมฆา!
บันไดเมฆาที่ว่านี้สร้างขึ้นจากบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเมฆขาว ซึ่งค่อย ๆ สูงขึ้นไปทีละขั้นจนไปถึงเมืองเทาเที่ยบนฟากฟ้า
ทว่าหากเหินร่างบนฟ้า คนผู้นั้นย่อมไม่อาจเข้าสู่เมืองเทาเที่ยได้เลย ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ก็คือยามคุ้มกันเมืองที่อยู่โดยรอบจะถือว่าใครก็ตามที่เหินร่างขึ้นมาเป็นศัตรูและพยายามกำจัดให้สิ้น!
ไม่นาน เฉินซีและคนอื่น ๆ ก็มาถึงบันไดเมฆา
ตอนนี้ที่หน้าบันไดมีผู้บ่มเพาะมากมายกำลังเรียงรายต่อแถวกันอยู่ ทั้งบุรุษและสตรีทุกช่วงอายุ นับได้เป็นร้อยคน ส่วนที่หน้าบันไดเมฆาคือผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่าเทาเที่ยที่ยืนเฝ้าอยู่
เฉินซีกับทุกคนพากันเข้าไปต่อแถวด้านหลัง ส่วนเกวียนทั้งหลายเขาได้เก็บไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ตั้งนานแล้ว
เป็นจังหวะนั้นเอง ที่ด้านหน้าแถวเกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมา
“เพราะเหตุใดพวกข้าจึงเข้าไปไม่ได้?” ชายหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยเสียงโกรธเคือง และที่ด้านข้างคือคนกว่าสิบคนที่มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกันยืนอยู่
“หึ! ตราคำสั่งเก้าลึกล้ำเพียงชิ้นเดียวจะอนุญาตให้คนเพียงเจ็ดคนขึ้นไปเท่านั้น หรือว่าเจ้าไม่รู้กฎนี้อย่างนั้นหรือ?” ผู้พูดคือชายชราชุดเทา ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะเผ่าเทาเที่ย
“เช่นนั้นพวกเขาเล่า? เหตุใดจึงสามารถพาคนสี่สิบหรือห้าสิบคนเข้าไปด้วยตราคำสั่งเก้าลึกล้ำเพียงชิ้นเดียวได้?” ชายหนุ่มมีใบหน้าโกรธขึง ขณะยกมือชี้บันไดที่มีคนจำนวนมากกำลังขึ้นไปอยู่
“พวกเขาเป็นศิษย์จากตำหนักเต๋าภูผาสวรรค์ แล้วเจ้าเล่า?” ชายชราชุดเทาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเรื่อย สีหน้าไม่ไยดี น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง
“เจ้า…” ชายหนุ่มโกรธาเสียจนพูดไม่ออก
“อันใด? คิดสร้างปัญหาในอาณาเขตเผ่าเทาเที่ยของข้าหรือ?” ชายชราชุดเทาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตาเป็นประกาย ราวกับมีกระบี่คมแทงใส่หน้าชายหนุ่มจนรู้สึกเจ็บไปหมด
“หึ!” ชายหนุ่มมีสีหน้าสลดลงในที่สุด ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ เขาส่ายหน้าและไม่คิดเข้าเมืองเทาเที่ยอีก แล้วจึงจากไปพร้อมกับสหาย
“ยังหนุ่มยังใจร้อนนัก แต่กลับไม่รู้อะไรดีไม่ดี ทั้งไร้ฐานะ ไร้ตำแหน่ง แต่อยากได้รับการปฏิบัติเช่นผู้อื่นหรือ? ความคิดตื้นเขินน่าขันเสียจริง!” ชายชราชุดเทาเอ่ยเยาะไม่หยุด
ทุกคนในแถวเงียบเชียบ แม้จะค่อนข้างสงสารชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีใครคิดกล่าวช่วย ช่วยไม่ได้นี่นะ แม้ว่าคำของชายชราชุดเทาจะไม่น่าฟัง แต่ก็เป็นความจริงที่โหดร้าย
พริบตาเดียวก็ถึงตาเฉินซีและคนอื่น ๆ
ชายชราชุดเทาเหลือบตาขึ้นมอง เมื่อมองผ่านเฉินซีและผู้คนด้านหลัง เจ้าตัวก็พลันชะงักไปเล็กน้อย “เจ้าต้องการนำคนเกือบร้อยคนเข้าเมืองหรือ?”
เฉินซีพยักหน้า หยิบตราคำสั่งเก้าลึกล้ำที่ปรมาจารย์ยงมอบให้ออกมา
ทว่าชายชราชุดเทากลับไม่คิดมอง และหัวเราะออกมา “วันนี้เป็นวันที่แปลกดีแท้ เหตุใดจึงมีผู้คนหลายคนคิดให้ค่าความสามารถตนเองไปไกลจนอยากท้าทายกฎกันเช่นนี้?”
เฉินซีขมวดคิ้ว แล้วจึงเก็บตราคำสั่งเก้าลึกล้ำไป
“เจ้าไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนก่อนหน้านี้หรือ?” ชายชราชุดเทาหรี่ตาลงมองเฉินซี เนื่องจากพลังชีวิตของชายหนุ่มบรรลุขั้นสูงเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นหากไม่ใช่ผู้มีพลังบ่มเพาะสูงกว่า คนนอกก็จะไม่สามารถเห็นพลังบ่มเพาะของชายหนุ่มได้เลย
รวมทั้งใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของเฉินซีเช่นนี้ จึงทำให้อีกฝ่ายเผลอประเมินเขาต่ำไป และมีท่าทีเย็นชาไม่เป็นมิตร
“ข้าเห็นแล้ว” เฉินซีพยักหน้า รู้สึกรังเกียจความคิดชายชราชุดเทาที่ดูเจ้ายศเจ้าอย่างเกินเหตุ
แต่เขาก็รู้ดีว่าในโลกแห่งการบ่มเพาะย่อมต้องเจอเรื่องพวกนี้มากมาย เพราะยังมีลำดับขั้นสูงต่ำอยู่ และตัวเขาคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนเรื่องนี้ได้ ดังนั้นจึงยับยั้งความโกรธไว้
“เห็นแล้วยังดื้อด้านอีกหรือ?” ชายชราชุดเทามุ่นคิ้วให้
“จะไปคุยอะไรกับผู้น้อยเช่นเขาให้มากความ? ยังมีคนต่อแถวรออีกยาว หากไม่เข้าเมืองก็โยนเขาออกไปเสีย! และหากงี่เง่าไม่ปฏิบัติตามก็สังหารทิ้ง!” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เขาเป็นสหายของชายชราชุดเทา เป็นผู้เฝ้าอยู่ที่นี่
“ได้ยินหรือไม่? จะเข้าหรือไม่เข้า? หากไม่ก็ไสหัวไป!” ชายชราชุดเทาถูกสหายตำหนิจึงโกรธขึ้นมา และกระทั่งพานไปลงกับเฉินซี
“เหมิงเหวย โม่ย่า ทุบเจ้าสองคนนี้ให้ที!” เฉินซีหันไปกล่าวคำด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพราะเห็นแล้วว่าบางครั้งการทำตัวสงบเสงี่ยมไปก็ไม่ได้อะไร อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น!
เหมิงเหวยกับโม่ย่าที่คล้ายรอจังหวะนี้มานานแล้ว แม้เฉินซียังพูดยังไม่ทันจบ คนทั้งสองก็พลันพุ่งออกไปก่อนแล้ว!
ครืน!
ทั้งสองราวกับเทพอสูร พริบตาที่ลงมือก็เผยพลังอันน่าเกรงขามของผู้ขัดเกลากายาขอบเขตสถิตกายา บดขยี้ชายชราชุดเทาและชายวัยกลางคนได้ในเวลาไม่นาน ทำให้สองคนนั้นถูกตีจนเลือดออกทางจมูกและปาก กรีดเสียงร้องน่าผวา ร่างนอนบนพื้นดั่งสุนัขตาย ไม่เหลือแววโอหังเช่นแต่ก่อนอีก
ขณะเดียวกัน คนที่ต่อแถวต่างพากันชะงัก …พานให้คิดพร้อมกันว่าคนกลุ่มนี้หาญกล้ายิ่งนัก ถึงกับกล้าทำร้ายคนจากเผ่าเทาเที่ยที่หน้าประตูบ้านทีเดียว!
โอหัง!
โอหังจริงเชียว!
ทุกคนตกตะลึงอยู่ในใจ แต่เมื่อเห็นผู้บ่มเพาะเผ่าเทาเที่ยทั้งสองร้องครวญครางอยู่กับพื้นก็เกิดความรู้สึกยินดีอยู่บ้าง เพราะเจ้าสองคนนี้ดูถูกคนไว้มาก สมควรแล้ว!
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย! กล้าสร้างปัญหาในเผ่าเทาเที่ยของพวกข้าได้ วันนี้อย่าได้คิดจะออกไปเลย!” ใบหน้าของชายชราชุดเทาและชายวัยกลางคนบิดเบี้ยว ขณะกรีดเสียงร้องโหยหวน
โครม!
เฉินซีโยนป้ายคำสั่งใส่ชายชราชุดเทาก่อนเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย “หากอยากเรียกใครมาช่วยก็รีบเสีย ข้าจะรอ”
“หึ! อย่าคิดว่าข้าไม่กล้า…” ชายชราชุดเทาพลันหยิบป้ายคำสั่งขึ้นมากำลังจะโยนทิ้ง แต่เมื่อสายตาเผลอไปเห็นตัวอักษรสีทองที่เขียนว่า ‘นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง’ สลักอยู่บนป้ายคำสั่ง เป็นลายเส้นดุดัน ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าเกรงขามชิ้นนั้นเข้า…
เสียงของเจ้าตัวพลันหยุดลงในทันใด ใบหน้ากลายเป็นซีดขาวไร้สีเลือด ในหัวคิดเพียงว่า… นิกายกระบี่เก้าเรืองรองหรือ? ชายหนุ่มผู้นี้เป็นศิษย์จากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจริงหรือ?!
เขาพลิกป้ายคำสั่งด้วยมือสั่นเทา ฉับพลันตัวคนเหมือนถูกฟ้าผ่าเมื่อเห็นตัวอักษรที่เรียงกันอยู่ด้านหลังป้ายคำสั่งอย่างชัดเจน!
“พี่หก เกิดอะไรขึ้น!? รีบเรียกกำลังเสริมเร็ว!” ชายวัยกลางคนด้านข้างยกมือขึ้นกุมหน้าบวมเป่งถามขึ้น
“เจ้า…เจ้า…เจ้าดูนี่…” ชายชราชุดเทาดูหวาดกลัวเป็นล้นพ้น จากนั้นก็รีบส่งป้ายคำสั่งให้ชายวัยกลางคนดู
ชายวัยกลางคนคว้าป้ายคำสั่งมาอย่างแรง ดูไม่พอใจอยู่เล็กน้อย มันก็แค่ป้ายคำสั่งของปลอมอันหนึ่งไม่ใช่หรือ? มันจะมีอะไร… หือ? พริบตาต่อมา เมื่อเขาเห็นตัวอักษรบนป้ายคำสั่ง นัยน์ตาก็เบิกกว้าง อ้าปากค้าง เกือบสำลักลมหายใจตายไปแล้ว
ตาเขาไม่ได้ฝากไปแน่ นี่เป็นป้ายคำสั่งของแท้!
‘หรือก็คือชายหนุ่มตรงหน้าคือ…’ ในหัวของชายวัยกลางคนสับสนไปหมด ดวงตาเห็นแต่ดาว ใบหน้าซีดขาวยิ่ง
คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังต่างสงสัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นภาพประหลาดเช่นนี้ ต่างพากันเหลือบมองป้ายคำสั่งพร้อมกัน และพยายามหาว่ามันคืออะไรกันแน่
น่าเสียดายที่เฉินซีเก็บป้ายคำสั่งไปแล้ว จึงยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยในใจว่า ‘ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่? แม้กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่าเทาเที่ยยังมีสีหน้าเช่นนั้นเมื่อเห็นป้ายคำสั่ง?’
พวกเขาถึงขนาดไม่กล้าเรียกกำลังเสริมทีเดียว!
“ข้าพาพวกเขาเข้าเมืองไปด้วยได้หรือไม่?” เฉินซีถามอีกครั้ง
ชายชราชุดเทาและชายวัยกลางคนทำท่าเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบพยักหน้ารัว ๆ ด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง นัยน์ตาเผยแววชื่นชมบูชาออกมา
“เหตุใดต้องทำตัวเช่นนั้นด้วย?” ชายหนุ่มถอนหายใจ แต่สายตากลับไร้ซึ่งความเวทนา มีแต่ความเกลียดชังเท่านั้น
…ชายหนุ่มเกลียดคนที่ชอบดูถูกคนอื่น ชอบใช้กำลังที่หนุนหลังตนรังแกผู้อื่นเป็นที่สุด!
“พวกข้าไม่กล้าแล้ว” ทั้งสองตัวสั่นราวกับหนอนน่าสมเพช
ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็เป็นต้องส่ายหัว หมดความสนใจไปทันที เขาไม่คิดจะชักช้าอีก จึงพาเหมิงเหวยและคนอื่น ๆ ขึ้นบันไดเมฆาไปยังเมืองเทาเที่ยทันที
ฟึ่บ!
เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว คนที่ยืนต่อแถวอยู่เป็นจำนวนมากก็พากันพุ่งเข้ามาถามพร้อมกัน “สหายเต๋า ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครกัน?”
ชายชราชุดเทาและชายวัยกลางคนต่างเหลือบมองกัน สีหน้าซับซ้อนยิ่ง ไม่หลงเหลือเค้าความเย่อหยิ่ง เหลือไว้เพียงความขมขื่นและไร้พลัง ทั้งยังมีความตกตะลึงแฝงอยู่
สิ่งนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะที่ต่อแถวยิ่งรู้สึกสงสัย พากันถามขึ้นอีกครั้ง
ชายชราชุดเทาจึงไม่ปิดบังอีก ไม่เช่นนั้นหากหลังถูกตีแล้วไม่กล้าเอ่ยนามอีกฝ่าย เช่นนี้มันก็คงจะเป็นเรื่องน่าอายเกินไป
ชายชราหายใจเข้าลึกแล้วถอนหายใจด้วยสีหน้าซับซ้อน “จะเป็นใครไปได้อีก? ย่อมต้องเป็นเฉินซี”
“เฉินซี?!” ทุกคนชะงักไป ไม่อาจตอบสนองต่อชื่อนั้นได้ แต่ไม่นานพวกเขาก็จำมันได้ เพราะมันเป็นชื่อที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันในหมู่ผู้บ่มเพาะช่วงนี้ และต่างพากันแสดงสีหน้าตกตะลึง พร้อมกับร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจไม่หยุด!
“เป็นเฉินซีจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองหรือ!?”
“สวรรค์โปรด! เขายังมีชีวิตอยู่นี่เอง หรือก็คือข่าวจากเมืองหลีหั่วเป็นเรื่องจริงน่ะสิ?”
“หลังจากหายตัวไปหลายเดือน พอปรากฏตัวขึ้นก็สังหารเยี่ยนสือซานแห่งนิกายวิถีกระแสสวรรค์ทันที จะมีใครในโลกแห่งการบ่มเพาะอาจหาญได้เท่าเขาบ้าง?”
ทุกคนร้องขึ้นด้วยความชื่นชม รู้สึกสงสารชายชราชุดเทาและชายวัยกลางคนขึ้นมา เพราะในหมู่คนทั้งหลาย สองคนนี้กลับไปล่วงเกินคนดุดันผู้นี้เข้า เช่นนี้ก็สมควรแล้ว!
ชายชรากับชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงขมขื่น และไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ใช่แล้ว แล้วเฉินซีมาที่เมืองเทาเที่ยทำไมกัน? หรือเขาอยากจะเข้าร่วมการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำด้วยอย่างนั้นหรือ?”
คนอื่น ๆ พากันอึ้งไป เพราะไม่กล้าคิดว่ายอดอัจฉริยะเช่นเฉินซีจะมาเข้าร่วมงานใหญ่ของพ่อครัววิญญาณเช่นนี้ด้วย
“ย่อมต้องมาเข้าการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำนั่นแล ก่อนหน้านี้ข้าเห็นชัดเจนว่าเขามีตราคำสั่งเก้าลึกล้ำ ป้ายคำสั่งนั่นมีแต่พ่อครัววิญญาณระดับสูงเท่านั้นที่จะถือครองได้!” เหมือนมีใครจำบางอย่างได้จึงร้องออกมาด้วยเสียงตื่นเต้น “เช่นนี้ไม่ได้แล้ว ข้าแทบรอเข้าเมืองไม่ไหวแล้ว หากเฉินซีเข้าร่วมงานนั้นจริง เช่นนั้นก็เป็นข่าวใหญ่แน่!”
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ก็พากันใจร้อนอยากเข้าเมืองขึ้นมาเช่นกัน พวกเขาพากันพุ่งขึ้นบันไดเมฆาแล้วรีบเข้าเมืองเทาเที่ยไปทันใด
ขณะที่อีกทางด้านหนึ่ง …ตอนนี้กลุ่มของเฉินซีได้เข้าเมืองเทาเที่ยมาแล้ว และพวกเขากำลังส่งเสียงชื่นชม ‘เมืองแห่งอาหารอันโอชะ’ ที่ถูกสร้างขึ้นกลางฟากฟ้าแห่งนี้อยู่!
มันช่วยไม่ได้จริง ๆ ก็ที่นี่มีของอร่อยเยอะแยะเต็มไปหมดนี่นะ!