บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 772 ผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง
บทที่ 772 ผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง
เสิ่นหลางหยาตกตะลึง จากนั้นเขาก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คือผลึกกำเนิดโกลาหลจริง ๆ แต่ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเจ้าได้มันมาจากที่ใดกัน?”
“ข้าได้มันมาโดยบังเอิญหลังจากมาถึงชั้นที่ห้าสิบหกของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต น่าเสียดาย ที่นั่นมีวิญญาณโลหิตเพียงตนเดียวเท่านั้น ขณะที่วิญญาณโลหิตตนอื่นถูกกวาดล้างจนหมดแล้ว” เฉินซีกล่าว “แต่ตามที่เจ้าบอกก่อนหน้านี้ …นั่นคือจะมีวิญญาณโลหิตหนึ่งตนในทุกชั้นของถ้ำที่ครอบครองผลึกกำเนิดโกลาหลสินะ …ดูท่าโชคของข้าก็ไม่แย่เท่าไร”
มุมปากของเสิ่นหลางหยากระตุกอย่างรุนแรงเมื่อได้ยิน โชคไม่แย่เท่าไรหรือ มันคือการท้าทายสวรรค์ต่างหาก!
ถึงอย่างไร เขาก็ต่อสู้ในชั้นที่ห้าสิบหกของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตในช่วงหลายปีมานี้อยู่ตลอด กระทั่งเกือบจะกวาดล้างวิญญาณโลหิตในชั้นนั้นจนหมด แต่เสิ่นหลางหยากลับไม่พบผลึกกำเนิดโกลาหลแม้แต่ก้อนเดียว
…ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะพบว่าการบ่มเพาะของตนเองพัฒนาขึ้นมา เขาจึงตัดสินใจลงมายังถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่ห้าสิบเจ็ด แต่อนิจจา…น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่พบผลึกกำเนิดโกลาหลแม้แต่ก้อนเดียว!!
ผิดกับเฉินซีที่แม้จะเพิ่งมา อีกฝ่ายกลับได้รับผลึกกำเนิดโกลาหลไปครอบครอง และโชคที่ว่านี้จะไม่ถือว่าเป็นการขัดขืนสวรรค์ได้อย่างไร?
“จริงสิ สิ่งนี้เอาไว้ใช้ทำอะไรกันแน่?” เฉินซีถาม เพราะเขาไม่อาจทราบได้เลยว่า ผลึกกำเนิดโกลาหลเอาไว้ใช้ทำอะไร เพราะพื้นผิวของมันถูกปกคลุมด้วยปราณโลหิตที่ไม่มีทางกำจัดออกไปได้
“ง่ายมาก นั่นคือการขัดเกลาสมบัติ!” เสิ่นหลางหยาอธิบาย “ผลึกกำเนิดโกลาหลคือวัสดุขัดเกลาสมบัติที่ดีที่สุดในโลก ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก เพียงแค่สกัดปราณกำเนิดโกลาหลที่อยู่ข้างในออกมา ก็ทำให้สมบัติในครอบครองของเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพแล้ว”
“ยกตัวอย่างเช่น สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ขั้นสุดยอดต้องดูดกลืนผลึกกำเนิดโกลาหลในมือของเจ้าก่อน จึงจะสามารถกลายเป็นสมบัติกึ่งอมตะได้ ยิ่งกว่านั้น มันยังเต็มไปด้วยร่องรอยของปราณกำเนิดโกลาหล ทำให้กลายเป็นตัวตนสูงสุดในหมู่สมบัติวิเศษระดับเดียวกัน”
“หากเจ้าสามารถรวบรวมผลึกกำเนิดโกลาหลได้มากขึ้น เช่นนั้นการขัดเกลาสมบัติวิเศษโกลาหลที่แท้จริงก็เป็นไปได้ และนั่นคือตัวตนอันไร้เทียมทานยิ่งกว่าสมบัติอมตะ มันคงอยู่เพียงช่วงเริ่มต้นของโลกและมีมูลค่ามหาศาล!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เสิ่นหลางหยาก็เม้มริมฝีปากขณะสายตาเผยร่องรอยความปรารถนาอันร้อนแรงออกมา “ภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มีเพียงประมุขนิกายที่ครอบครองสมบัติวิเศษโกลาหล …มันคือสุดยอดสมบัติของนิกายที่สังหารตัวตนกล้าแกร่งมาแล้วนับไม่ถ้วน!”
“ในเมื่อมีผลึกกำเนิดโกลาหลมากมายอยู่ที่นี่ เหตุใดผู้อาวุโสของนิกายถึงไม่รวบรวมให้เยอะ ๆ ไปเลยเล่า?” เฉินซีขมวดคิ้วขณะถามด้วยความงุนงง
เสิ่นหลางหยาส่ายหน้า “ที่เจ้าพูดมาก็ถูกเช่นกัน แต่เจ้าดูถูกจำนวนผลึกกำเนิดโกลาหลที่จำเป็นต่อการขัดเกลาสมบัติวิเศษโกลาหลมากเกินไป ผลึกกำเนิดโกลาหลในมือของเจ้าไม่ต่างจากหยดน้ำในถัง ยามขัดเกลาสมบัติวิเศษโกลาหล”
เฉินซีเข้าใจในทันที เขาตกตะลึงอย่างยิ่งเพราะว่ามูลค่าของผลึกกำเนิดโกลาหลหนึ่งก้อนก็น่าตกตะลึงพอแล้ว ในขณะที่ต้องใช้ผลึกกำเนิดโกลาหลจำนวนมากเพื่อขัดเกลาสมบัติวิเศษโกลาหลหนึ่งชิ้น …สิ่งนี้นับว่าน่าตกตะลึงยิ่ง การขัดเกลามันให้สำเร็จนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย!
ระหว่างสนทนากันอยู่นี้ เขาต้องยอมรับว่าความรู้ของเสิ่นหลางหยานั้นกว้างขวางยิ่ง มันน่าสนใจกว่าการบ่มเพาะของอีกฝ่ายเสียอีก
“แต่เจ้าต้องระวังไว้ ปราณโลหิตที่อยู่บนผลึกกำเนิดโกลาหลชั่วช้าและดุร้ายยิ่งนัก มันเกิดจากปราณชั่วช้าของศัตรูที่บงกชศักดิ์สิทธิ์โบราณฆ่าเมื่อหลายปีก่อน หากประมาทเพียงนิดอาจจะทำให้ผลึกกำเนิดโกลาหลปนเปื้อน ส่งผลให้เสียคุณค่าไป” เสิ่นหลางหยาเตือน
“เจ้ามีวิธีจัดการกับมันหรือไม่?” เฉินซีถาม
“มี อย่างแรกคือขอให้ผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีค่อย ๆ ขัดเกลามันด้วยปราณเซียนก่อน สองคือขอให้ประมุขนิกายทำลายปราณโลหิตด้วยสมบัติวิเศษโกลาหล” เสิ่นหลางหยาตอบอย่างมั่นใจและกระตือรือร้น เขาก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าถึงแม้การบ่มเพาะของตนจะด้อยกว่าเฉินซี แต่ถ้าเป็นความรู้ละก็ เฉินซีก็ยังด้อยกว่าเขา
เสิ่นหลางหยานิ่งไปสักพักแล้วกล่าวต่อว่า “แน่นอนว่า ยังมีวิธีที่สามอยู่อีก มันคือการชำระล้างผลึกกำเนิดโกลาหลด้วยน้ำจากน้ำพุใต้พิภพ วิธีนี้จะปลอดภัยที่สุด แต่น่าเสียดาย น้ำของน้ำพุใต้พิภพพบแค่ในยมโลกเท่านั้น ในภพมนุษย์หาได้ยากยิ่งนัก”
เฉินซีคลี่ยิ้มออกมา เขามีหลายสิ่งไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นน้ำพุใต้พิภพก็มีมากมายดั่งทะเลสาบ!
เฉินซีประสานมือ “ขอบคุณ” เขาหันหลังแล้วจากไปทันทีที่กล่าวจบ
“นี่ เจ้าจะไปไหนน่ะ?” เสิ่นหลางหยาตกตะลึงพลางเอ่ยถาม
“เจ้ายังต้องการอะไรอีกหรือ?” เฉินซีไม่หันกลับมา
เสิ่นหลางหยาสูดหายใจเข้าก่อนจะยืนขึ้น จากนั้นกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “เฉินซี ข้าจะต้องตามเจ้าให้ทันเพื่อทวงตำแหน่งอันดับหนึ่งคืน ดังนั้นเจ้าอย่าเกียจคร้านเชียวล่ะ!”
เฉินซีพลันหยุดเคลื่อนไหว ก่อนหันมามอง แล้วกล่าวว่า “ข้าจะตั้งตารอวันนั้นแล้วกัน”
ขณะมองร่างที่ค่อย ๆ หายไปไกล เสิ่นหลางหยาก็เอาแต่เหม่อลอยพักใหญ่ จากนั้นจะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาพลันพบว่าสหายเฉินซีผู้นี้น่าสนใจไม่เบา…
‘ข้าจะต้องตามเจ้าให้ทันแน่นอน! ดังนั้นเจ้าต้องมีชีวิตรอดให้ได้ล่ะ!’ เสิ่นหลางหยากล่าวกับเฉินซีอยู่ในใจ
…
ณ ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่ห้าสิบแปด
ร่างหนึ่งเคลื่อนอยู่ในอากาศธาตุ เป็นเฉินซีที่มาถึงที่นี่เมื่อเจ็ดวันก่อน!
ในช่วงเจ็ดวันนี้ เขาประสบกับการต่อสู้ดุเดือดมาไม่น้อยกว่าสิบครั้ง ศัตรูเกือบทั้งหมดต่างเป็นวิญญาณโลหิตขอบเขตเซียนปฐพีระดับสอง …พวกมันทั้งชั่วช้าและดุร้าย มีครั้งหนึ่งที่เขาถูกล้อมโดยวิญญาณโลหิตสี่ตน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งผลให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลบหนี
วิ้ง!
ที่แห่งนี้คือเนินสีน้ำตาลโลหิต มันคือห้องลับที่ถูกเปิดขึ้นใต้ผิวถ้ำราวหกลี้ ภายในนั้นเฉินซีกำลังนั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยกลิ่นอายแห่งเต๋าขณะรักษาบาดแผล
นอกจากตัวชายหนุ่มแล้ว ยันต์ศัสตราสีดำสนิทไร้ความมันเงาได้ทะลวงเข้าไปในพื้น โดยมีก้อนหินสีเทาที่มีขนาดเท่ากำปั้นกำลังแผ่ปราณกำเนิดโกลาหลสีเทาขุ่นออกมาจากยันต์ศัสตรา
นี่คือผลึกกำเนิดโกลาหลหลังจากเฉินซีชำระล้างด้วยน้ำพุใต้พิภพ และตอนนี้เขากำลังใช้ปราณกำเนิดโกลาหลที่อยู่ข้างในเพื่อหล่อเลี้ยงและขัดเกลาคุณภาพของยันต์ศัสตรา
เกลียวปราณกำเนิดโกลาหลสีเทาได้เข้าปกคลุมตัวกระบี่เอาไว้ ก่อนจะรวมตัวกันที่ปลายด้าม จากนั้นจึงเกิดเป็นลวดลายอันไม่โดดเด่นที่มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วขึ้น
ลวดลายนี้เป็นสีเทาขุ่น มีรูปกลีบดอกบัวทบซ้อนกันนับครั้งไม่ถ้วน มันถูกประทับบนยันต์ศัสตรา และแผ่กลิ่นอายอันน่าทึ่งออกมา
แกนกลางของยันต์ศัสตราถูกหลอมขึ้นจากวัสดุเซียน เคียวสังหาร ร่างของคมเคียวไม่เพียงจะเต็มไปด้วยยันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าเท่านั้น แต่ยังมีสมบัติล้ำค่าที่เต็มไปด้วยแก่นแท้ของเบญจธาตุอย่างไม้ศักดิ์สิทธิ์สีคราม เหล็กพลังสุริยัน ผลึกเพลิงเทวะและวารีทมิฬเอกะอยู่ภายในเช่นกัน
ซึ่งการเข้ามาของปราณกำเนิดโกลาหลในตอนนี้ได้ทำให้คุณภาพของยันต์ศัสตราเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอย่างเงียบงัน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เด่นชัดจนถึงขั้นมองไม่เห็น แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ยันต์ศัสตราคล้ายกับเต็มไปด้วยกลิ่นอายโกลาหลที่ยากจะอธิบาย ทำให้มันลึกลับมากยิ่งขึ้น
ยันต์ศัสตราชิ้นนี้ไม่เหมือนกับสมบัติวิเศษชิ้นอื่น คุณภาพของมันไม่ได้มีความแตกต่างตามระดับของสมบัติวิเศษชิ้นอื่นเท่าใดนัก
แต่เมื่อได้ปราณกำเนิดโกลาหลเข้าไป คุณภาพของยันต์ศัสตรากลับพัฒนาขึ้นอีกครั้งจนทัดเทียมกับสมบัติอมตะ และเหลือเพียงการสั่งสมเชิงปริมาณและการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเท่านั้น!
สามวันต่อมา เฉินซีตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ บาดแผลทั่วทั้งร่างกายได้รับการรักษาทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น เขายังใช้โอกาสนี้ฝึกฝนเส้นลมปราณทั่วทั้งร่างอีกครั้งตามความรู้สึกที่ได้รับจากแรงกดดันในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต ทำให้การโคจรของปราณแท้ราบรื่นและสมบูรณ์กว่าเดิม มันให้ความรู้สึกคล้อยตาม รวมถึงหลอมรวมกับมหาเต๋าอย่างน่าอัศจรรย์!
ผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ชายหนุ่มสามารถดูดกลืนและโคจรปราณแท้ได้มากขึ้นในระหว่างต่อสู้ ดังนั้นพลังที่สามารถปลดปล่อยออกมาได้จึงมากกว่าก่อนหน้านี้อย่างต่ำห้าในร้อยส่วน
ถึงแม้จะเพียงแค่ห้าในร้อยส่วน แต่มันก็เป็นการก้าวหน้าที่หาได้ยากสำหรับเฉินซี ผู้มีการบ่มเพาะและความเข้าใจในเต๋าก้าวเข้าสู่ ‘ขอบเขตขีดสุด’ และ ‘ขั้นสูงสุด’ แล้ว!
เพราะถึงอย่างไร การบ่มเพาะของเขาได้บรรลุ ‘ขอบเขตขีดสุด’ จนเกือบทะยานเข้าสู่ขอบเขตเซียนปฐพี โดยระหว่างนั้นการที่สามารถปลดปล่อยพลังในขอบเขตสถิตกายาได้เพิ่มขึ้นนอีกห้าในร้อยส่วน มันก็นับว่ามีประโยชน์ในหลาย ๆ ความหมายทีเดียว
การบ่มเพาะปราณแท้ของเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม และเป็นการยากยิ่งที่จะสังเกตเห็นความไม่สมบูรณ์แบบจากมัน …เฉินซีลืมตาขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย
สิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจเป็นพิเศษคือ การต่อสู้นองเลือดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้ความเข้าใจในกระบี่สรรค์สร้างของเขายิ่งลึกล้ำขึ้น จนชายหนุ่มรู้สึกได้ราง ๆ ว่าสามารถจับต้องมันได้ ยิ่งกว่านั้น พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็น่าสะพรึงจนเกินจินตนาการไปแล้ว!
เช่น เวลาที่เขามั่นใจว่าจะสามารถกำจัดชายในชุดคลุมโลหิตของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่ห้าสิบห้าได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว!
หากความแข็งแกร่งของยันต์ศัสตราถูกเสริมเข้ามา เช่นนั้นพลังทำลายล้างของมันจะมากยิ่งขึ้นกว่านั้นอีก!
เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองยันต์ศัสตราที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นผลึกต้นกำเนิดโกลาหลถูกดูดกลืนจนสิ้น เขาก็คว้ายันต์ศัสตราไว้แล้วรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในของมันอย่างระมัดระวัง
ไม่เลว! จากที่เห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน ชายหนุ่มเพียงต้องรวบรวมผลึกต้นกำเนิดโกลาหลอีกสักหน่อยก็เพียงพอที่จะพัฒนาคุณภาพของยันต์ศัสตราไปถึงระดับสมบัติอมตะได้!
หลังผ่านไปสักพัก เฉินซีจึงเก็บยันต์ศัสตราไปก่อนเปิดเนตรเทวะแห่งความจริง ปล่อยให้สายตาของเขาทะลวงพื้นลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะค้นหาทุกสิ่งภายในชั้นที่ห้าสิบแปดของถ้ำกระบี่
อึดใจต่อมา ดวงตาของเฉินซีพลันทอประกาย จากนั้นเขาก็พุ่งออกจากห้องลับในทันที
คราวที่แล้ว ชายหนุ่มได้ประสบกับวงล้อมของวิญญาณโลหิตสี่ตน ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตกอยู่ในสภาพน่าเวทนายิ่ง ดังนั้นเมื่อบาดแผลของเขาหายดีจนพลังฟื้นตัวแล้ว เฉินซีจะไม่หาโอกาสล้างแค้นได้อย่างไร?
หลังจากผ่านช่วงหนึ่งก้านธูป โลหิตได้ไหลอาบเป็นสายภายในช่องเขาที่พังทลาย ขณะที่วิญญาณโลหิตสี่ตนที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีระดับสอง…ถูกสังหาร!
ชุดของเฉินซีถูกย้อมด้วยโลหิตอีกครั้ง แต่ร่างของเขากลับไม่ไหวติงราวกับขุนเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะหัวเราะลั่นออกมา “ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสองก็ไม่เห็นจะเท่าไร!”
น้ำเสียงของเขาราวกับเสียงคำรามของมังกร มันดังก้องทั่วชั้นที่ห้าสิบแปดของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต!
ครั้งนี้ชายหนุ่มทุ่มสุดกำลังเพื่อกำจัดวิญญาณโลหิตสี่ตนนี้ และคาดไม่ถึงว่าจะได้รับผลึกกำเนิดโกลาหลมา จากนั้นเขาก็ได้ชำระล้างมันด้วยน้ำพุใต้พิภพทันที ก่อนเริ่มขัดเกลายันต์ศัสตรา
ผลึกกำเนิดโกลาหลพวกนี้ช่างวิเศษนัก เพราะถึงแม้มันจะนับว่าเป็นตัวช่วยในการขัดเกลา แต่เขากลับไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงแค่สร้างการเชื่อมโยงระหว่างมันกับสมบัติวิเศษขึ้น เท่านี้ปราณกำเนิดโกลาหลก็จะไหลเข้าสู่สมบัติวิเศษด้วยตัวเองแล้ว!
หลังจากทำทั้งหมดนี้ เฉินซีได้มุ่งสู่ชั้นที่ห้าสิบเก้า!
เดิมที เขาตั้งใจจะพัฒนาการบ่มเพาะและเสริมสร้างความเข้าใจในกระบี่สรรค์สร้างระหว่างฝึกฝนในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะได้รับสมบัติล้ำค่าอย่างผลึกกำเนิดโกลาหลมา …ยิ่งกว่านั้น การบ่มเพาะของเขายังก้าวหน้าขึ้นเมื่อผ่านการต่อสู้มามากขึ้น มันจึงน่าประหลาดใจระคนยินดีนัก!
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เฉินซีเต็มไปด้วยความคาดหวังกับถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต!