บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 777 พื้นที่ลับภายในแอ่งอสนีบาต
บทที่ 777 พื้นที่ลับภายในแอ่งอสนีบาต
เฉินซีที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศอย่างฉับพลัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเองในขณะที่เขาส่ายศีรษะ “ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจผิดแล้ว ศิษย์แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น แล้วศิษย์จะกล้าร้องขอสิ่งตอบแทนได้อย่างไร?”
อวี้เฟิงและคนอื่น ๆ ล้วนเข้าใจในทันที สีหน้าของพวกเขาต่างผ่อนคลายลง ตลอดระยะเวลาที่สื่อสารกับเฉินซี ความประทับใจที่อีกฝ่ายมอบให้กับพวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก และดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ใช่คนโลภที่ไม่รู้จักพอ!
“ไม่ได้ ไม่ได้ ในเมื่อเจ้าทำความดีความชอบ ย่อมต้องได้รับการตอบแทน หากครั้งนี้เราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า เราก็คงไม่อาจค้นพบวิญญาณอัสนีตนนี้ได้ง่ายดายเป็นแน่ ดังนั้นจงอย่าได้ปฏิเสธเลย” อวี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว หลานเฉินซี เจ้าควรยอมรับมัน มิฉะนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ย่อมทำให้เรานั้นดูตระหนี่เกินไป” ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ต่างก็กล่าวในทำนองเดียวกัน
ดังนั้นเฉินซีจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ตกลง แต่ตอนนี้ศิษย์ไม่ต้องการสมบัติกึ่งอมตะแล้ว”
ขณะที่กล่าว เขาชี้ไปยังวิญญาณอัสนีที่อยู่ระหว่างความเป็นและความตาย พร้อมกล่าวว่า “ถ้าผู้อาวุโสเห็นด้วย ศิษย์ขอเป็นผู้จัดการกับสัตว์ร้ายตัวนี้ได้หรือไม่ขอรับ?”
ทุกคนล้วนตกตะลึง วิญญาณอัสนีนี้ก่อตัวขึ้นจากวิญญาณโลหิต และมีความแข็งแกร่งที่เทียบได้กับขอบเขตเซียนปฐพีระดับที่ห้า แม้ว่าตอนนี้มันจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันจะกลายเป็นหายนะอย่างแน่นอน หากมันไม่ถูกฆ่าในวันนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณอัสนีนี้ก็สยบได้ยาก ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายดายมาก ด้วยแม้ว่ามันจะมีสติปัญญา แต่ก็มีนิสัยที่โหดเหี้ยมและรุนแรง มันดูเหมือนมนุษย์แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์ เหมือนวิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่วิญญาณเช่นกัน และตัวตนเช่นนี้ก็เป็นสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้คนรู้สึกวิตกกังวลเมื่อเก็บไว้ข้างกาย!
“ตกลง เราจะให้เจ้าจัดการกับมัน” อวี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ มันเป็นเพียงวิญญาณโลหิตที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และด้วยความสามารถในปัจจุบันของเฉินซี ชายหนุ่มคงไม่ได้รับบาดเจ็บจากมัน
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย เท่าที่พวกเขาคาดการณ์ เหตุผลที่เฉินซีต้องการวิญญาณอัสนีนี้คงมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือชายหนุ่มต้องการปราณโลหิตที่พลุ่งพล่านและวารีอัสนีที่อยู่ภายในร่างกายของมัน!
เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า วัตถุทั้งสองชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นวัตถุหายากที่มีมูลค่าอย่างน่าตกใจ และพวกมันยังมีคุณสมบัติอันน่าเหลื่อเชื่อ เมื่อใช้ในการขัดเกลากายา
หลังจากนั้นไม่นาน อวี้เฟิงและคนอื่น ๆ ก็จากไป โดยตั้งใจว่าจะกลับไปที่นิกายก่อน แล้วค่อยกลับมาขัดเกลาสมบัติวิเศษโกลาหล
แต่เฉินซีกลับเลือกที่จะอยู่ต่อ และเขากำลังจ้องไปที่วิญญาณอัสนีที่อยู่บนพื้นอย่างแน่วแน่ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างใจร้อน
…และมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคาดการณ์ เฉินซีต้องการปราณโลหิตและวารีอัสนีที่อยู่ในร่างของวิญญาณอัสนีตนนี้นั่นเอง!
ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรเกี่ยวกับปราณโลหิต มันเป็นแหล่งพลังงานของวิญญาณโลหิต และมันก็มีมากมายมหาศาล อีกทั้งความแข็งแกร่งของวิญญาณอัสนีที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มก็เทียบได้กับขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้า ดังนั้นปราณโลหิตในร่างของมันจะต้องมีมหาศาลจนน่าตกใจเป็นแน่!
ในขณะที่วารีอัสนีถูกควบแน่นจากพลังชีวิตที่เกิดขึ้นภายในสายฟ้า และเป็นเรื่องยากมากที่จะได้มา ถึงอย่างไร สายฟ้าก็เป็นตัวแทนของพลังแห่งการลงทัณฑ์จากสวรรค์ และมีคนมากมายต้องการสกัดพลังชีวิตของมันออกมา แต่สิ่งนี้จะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร?
วิญญาณอัสนีถือกำเนิดขึ้นภายในสายฟ้า และวารีอัสนีจำนวนมหาศาลได้ควบแน่นอยู่ภายในร่างของมันเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าตราบใดที่มันถูกฆ่า ก็จะสามารถสกัดวารีอัสนีจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าหนู ปล่อยข้าไป แล้วข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่ล้ำลึกให้แก่เจ้า แน่นอนว่ามันจะทำให้เจ้าท่องไปในฟ้าดินได้อย่างอิสระ ยืนหยัดอย่างภาคภูมิท่ามกลางจักรวาล มีสถานะสูงสุดและมีอำนาจยิ่งใหญ่!” วิญญาณอัสนีกล่าวโพล่ง ในขณะที่ประกายแห่งความชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ฉายผ่านดวงตาสีแดงเลือดของมัน นอกจากนี้ เสียงที่ทุ้มต่ำของมันยังเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดที่มีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ
เคร้ง!
ใบหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาชักยันต์ศัสตราออกจากฝัก ก่อนจะตัดแขนขวาที่หนาและใหญ่ของมัน ทำให้เลือดหลั่งไหลออกมา ในขณะที่ร่างของวิญญาณตนนั้นสั่นสะท้าน พร้อมกับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมา
เมื่อเห็นดังนี้ เขาจึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “มนต์สะกดของเจ้าใช้ไม่ได้กับข้าหรอก ดังนั้นข้าแนะนำให้เจ้าตอบคำถามของข้าอย่างเชื่อฟัง มิฉะนั้น ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ จนกว่าจะตาย”
ขณะที่กล่าว ชายหนุ่มก็ยื่นมือออกไปหยิบแขนที่ขาดของวิญญาณอัสนี จากนั้นเขาก็ชโลมด้วยน้ำพุใต้พิภพเพื่อกำจัดความชั่วร้ายที่ติดอยู่บนนั้น ทำให้มันกลายเป็นปราณโลหิตบริสุทธิ์ จากนั้นชายหนุ่มจึงเก็บมันไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์
“น้ำจากน้ำพุใต้พิภพ!” วิญญาณอัสนีทั้งตกใจ โกรธเกรี้ยว และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ร่างที่แท้จริงของมันคือวิญญาณโลหิต ซึ่งเป็นวิญญาณประเภทหนึ่งที่มีพลังปราณชั่วร้ายและมุ่งร้ายอย่างไร้ขอบเขตผสมอยู่ ดังนั้นมันจึงรู้สึกหวาดกลัวต่อน้ำพุแห่งโลกใต้พิภพมากที่สุด
เดิมทีมันคิดว่า ตราบใดที่สามารถประวิงเวลาไปได้อีกสักระยะหนึ่ง มันก็จะสามารถจัดการเฉินซีได้ในคราวเดียว หากอาการบาดเจ็บทุเลาลง แต่มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ชายหนุ่มคนนี้จะเด็ดเดี่ยวและไร้ความปรานีมากกว่าชายชราเหล่านั้น คนคนนี้ไม่เพียงจะฟันแขนของมันขาดเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างน้ำพุใต้พิภพอีกด้วย!
ทว่าเฉินซีไม่สนใจท่าทีของมัน และกล่าวออกมาว่า “บอกข้ามา เจ้าไปได้ผลึกต้นกำเนิดโกลาหลมาจากที่ใด?”
วิญญาณอัสนีตกตะลึง ดูราวกับไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยถามเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้น มันก็เข้าใจและฝืนกล่าวว่า “เจ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่? หากข้ายอมบอก?”
เฉินซีส่ายศีรษะ “เลิกฝันกลางวันเสียที”
วิญญาณอัสนีหัวเราะอย่างน่าสมเพช จากนั้นมันก็ถอนหายใจ “เฮ้อ ไม่นึกเลยว่า หลังจากติดอยู่ที่นี่มาหลายปี และอยู่ห่างจากการบรรลุร่างโกลาหลอีกเพียงก้าวเดียว ผลึกต้นกำเนิดโกลาหลของข้าไม่เพียงจะถูกแย่งชิงไปในท้ายที่สุด ข้ายังถูกข่มเหงโดยผู้น้อยอย่างเจ้าอีกด้วย สวรรค์ช่างตาบอดเสียจริง ๆ!”
เฉินซียังคงไม่ไหวติง และกล่าวอย่างใจเย็นว่า “เจ้าจะบอกหรือไม่?”
วิญญาณอัสนีนิ่งเงียบไปนาน ก่อนที่มันจะกล่าวอย่างหดหู่ว่า “ย่อมได้ ในส่วนลึกที่สุดของแดนจำกัดอัสนีนี้มีแอ่งอสนีบาตที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยแอ่งนี้อยู่ท่ามกลางสายฟ้าราวกับเป็นเกาะเล็ก ๆ ใต้มหาสมุทร ซึ่งมันจะสังเกตเห็นได้ยาก ตัวข้าได้พบเจอมันโดยบังเอิญ และได้รับผลึกต้นกำเนิดโกลาหลมาจากที่นั่น”
คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น “อืม กล่าวต่อสิ”
ไม่รู้ว่าวิญญาณอัสนีจะจำอะไรได้บ้าง แต่ใบหน้าที่ชั่วร้ายและบิดเบี้ยวของมันได้เผยความหวาดกลัวเล็กน้อยที่แวบผ่านขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนจะกลับสู่สภาวะปกติ “มีผลึกต้นกำเนิดโกลาหลมากกว่าหนึ่งชิ้นภายในแอ่งอสนีบาตนั้น อย่างน้อยที่สุด เท่าที่ข้าทราบมา ที่นั่นมีผลึกต้นกำเนิดโกลาหลที่สูงถึงสองลี้ราวกับยอดเขาตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น”
เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “พาข้าไปที่นั่น”
ขณะที่กล่าว เขาก็ยื่นมือออกมา พร้อมกับใช้ผนึกมิติจองจำและศาสตร์เต๋ามหาพันธนาการบนวิญญาณอัสนี ก่อนจะยกมันขึ้นและทะยานเข้าไปในแดนจำกัดอัสนี
ในขณะนี้ วิญญาณอัสนีได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และด้วยการนำทางของมัน เฉินซีก็มาถึงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสายฟ้าที่ส่งเสียงดังกึกก้องราวกับน้ำตกอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าของที่นี่เป็นเหมือนกับแม่น้ำสีเงินที่ถาโถมลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า และมันก็หนาแน่นจนน่าหวาดหวั่น จนแม้แต่เฉินซีก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้กระบี่สรรค์สร้างด้วยกำลังทั้งหมดของเขา จึงจะสามารถทำลายสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวได้
“แอ่งอสนีบาตอยู่ใต้น้ำตกสายฟ้านี้” วิญญาณอัสนีนำทาง
เฉินซีไม่ได้กล่าวอะไร แต่ดวงตาแนวตั้งพลันปรากฏอย่างเงียบ ๆ บนหว่างคิ้วของเขา และกำลังพินิจมองน้ำตกสายฟ้าอย่างระมัดระวัง ในขณะนี้ การจ้องมองของชายหนุ่มได้ทะลุผ่านสายฟ้าชั้นแล้วชั้นเล่า และมันก็มองเห็นทุกสิ่งในนั้นทันที
หลังจากผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา เฉินซีพลันพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ที่เจ้ากล่าวก็เป็นความจริง”
วิญญาณอัสนีส่ายศีรษะและถอนหายใจ “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจะกล้าหลอกเจ้าได้อย่างไร? ข้าหวังเพียงว่าเจ้าจะให้ข้าตายอย่างรวดเร็ว และไม่ทรมานข้าเช่นนี้ต่อไป หลังจากค้นพบผลึกต้นกำเนิดโกลาหล”
เฉินซีพยักหน้า “ตกลง ข้าจะให้เจ้าตายอย่างรวดเร็วทันที”
ในขณะที่กล่าว เขาก็พลิกยันต์ศัสตราในมือขวา ก่อนจะฟันลงมาโดยตรง ชายหนุ่มต้องการฆ่าวิญญาณอัสนีในตอนนี้!
“เจ้ามันสารเลว! ข้าอุตส่าห์บอกเจ้าทุกสิ่งอย่างชัดเจนแล้ว แต่เจ้า…” วิญญาณอัสนีตกใจ เพราะมันดูจะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จู่ ๆ อีกฝ่ายจะลงมือโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
ทว่าก่อนที่จะทันได้กล่าวจบ มันก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับว่าร่างกายถูกหั่นเป็นพันชิ้น และมันก็ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ ก่อนที่ในช่วงเวลาถัดมา มันจะสิ้นสติไปอย่างสมบูรณ์
ฟิ้ว!
ศพที่สูงถึงสามสิบหกจั้งของวิญญาณอัสนีถูกยันต์ศัสตราฟันออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนเฉินซีจะชำระล้างมันด้วยน้ำพุใต้พิภพ และนำไปเก็บไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยื่นมือออกไปและคว้าจับดวงแสงสายฟ้าที่พร่างพราวมากในระยะไกล ที่มีท่าทีตั้งใจจะหลบหนี …นี่คือวารีอัสนีที่เปี่ยมไปด้วยพลัง และมันคือสิ่งที่หลงเหลือจากวิญญาณอัสนีตนนั้น!
“เจ้าได้แต่โทษตัวเองแล้วล่ะ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า เจ้าจะสามารถหลบหนีจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังได้ด้วยการพึ่งพาค่ายกลสังหาร?” เฉินซีส่ายศีรษะ และก็อดไม่ได้ที่จะขบขันอย่างมาก หลังจากนึกถึงท่าทางของวิญญาณอัสนีก่อนหน้านี้
ไม่จำเป็นต้องกล่าว สติปัญญาของวิญญาณอัสนีตนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใด และยังฉลาดแกมโกงด้วยซ้ำ ตั้งแต่มันเริ่มกล่าวและตอบเขา มันก็เริ่มสานใยแห่งการโกหกและกับดักเข้าด้วยกันแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาครอบครองเนตรเทวะแห่งความจริงที่สามารถมองทะลุความเป็นจริงได้ ชายหนุ่มคงไม่ทราบเป็นแน่ว่า ไม่มีผลึกต้นกำเนิดโกลาหลอยู่ในระหว่างน้ำตกสายฟ้าและแอ่งอสนีบาต แต่กลับมีค่ายกลสังหารโบราณอยู่ที่นั่น …บางที เขาคงเชื่อคำพูดของวิญญาณอัสนีด้วยซ้ำถ้าไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้น
“หืม? นี่มัน… ค่ายกลสังหารนี้ใช้พลังสายฟ้าที่อยู่ในบริเวณนี้เป็นรากฐาน หากเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่ธรรมดาทั่วไป พวกเขาอาจต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!”
ยิ่งกว่านั้น มหาค่ายกลที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อาจจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยวิญญาณอัสนี มิฉะนั้น หากมันซ่อนตัวอยู่ภายในค่ายกล มันย่อมสามารถฆ่าล้างผู้อาวุโสอวี้เฟิงและคนอื่น ๆ ได้
เฉินซีจ้องมองไปที่แอ่งอสนีบาต ในขณะที่เขาครุ่นคิดอย่างหนัก
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของชายหนุ่มพลันพุ่งเข้าสู่แอ่งอสนีบาต
ครืน! ครืน! ครืน!
เหนือแอ่งอสนีบาตมีสายฟ้าถาโถมลงมาดุจแม่น้ำสีเงิน ในทันทีที่เฉินซีเข้าไปในนั้น เขาก็ทุกข์ทรมานจากแรงระเบิดที่สุดแสนจะน่าสะพรึงกลัว และถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มได้ฟันสายฟ้าส่วนใหญ่ด้วยยันต์ศัสตราในมือ การโจมตีเหล่านี้ก็เพียงพอที่บดขยี้ตัวเขาให้แหลกสลาย!
ถึงกระนั้น ร่างของเขาก็ยังโงนเงน และถูกเผาไหม้จนดำเป็นตอตะโก เลือดลมในกายยังคงปั่นป่วนอย่างรุนแรง และไม่อาจอดกลั้น จนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
แต่อาศัยแรงกระแทกนี้ ร่างของเฉินซีจึงเคลื่อนตัวตามแรงนั้นและบินตรงเข้าไปในแอ่งอสนีบาต!
ข้างใต้แอ่งคือค่ายกลสังหารโบราณ และสายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากด้านบน จะถูกดึงดูดโดยค่ายกลสังหารนี้ ก่อนที่มันจะพลุ่งพล่านไปยังทุกซอกทุกมุมของมหาค่ายกล กลายเป็นพลังงานรุนแรง ซึ่งไหลเวียนอยู่ในแกนกลางของค่ายกล
ด้วยเหตุนี้ ในขณะที่เขายืนตัวตรงต่อหน้ามหาค่ายกลนี้ และไม่พบจิตสังหารของค่ายกลแม้แต่น้อย ที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และกระทั่งรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าการยืนอยู่ในโลกภายนอกเสียอีก
เพราะหากเขาอยู่ในโลกภายนอก ชายหนุ่มจะต้องต้านทานพลังงานอันบ้าคลั่งของสายฟ้าที่กระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ที่แห่งนี้ เขาเพียงต้องระวังค่ายกลสังหาร แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสายฟ้าโจมตี
“มหาค่ายกลที่เทียบเคียงได้กับพลังของธรรมชาติ ข้าอยากรู้จริงว่าผู้ใดเป็นคนวางค่ายกลไว้ บางทีอาจเป็นผู้อาวุโสของนิกายใช่หรือไม่?” เฉินซีใช้เนตรเทวะแห่งความจริงตรวจสอบโดยรอบอย่างระมัดระวัง ในเวลาเดียวกัน เขาก็พอคาดเดาได้อย่างเงียบ ๆ ว่าเส้นทางในการเข้าสู่ค่ายกลที่ปลอดภัยนั้นอยู่ที่ใด
ด้วยความเข้าใจในปัจจุบันและความเข้าใจในเต๋าแห่งยันต์อักขระของชายหนุ่ม มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่า ตราบใดที่มันไม่ใช่ค่ายกลเซียน ก็คงมีมหาค่ายกลเพียงไม่กี่ชนิดในโลกนี้ที่สามารถทำอันตรายตัวเขาได้
แต่ค่ายกลสังหารโบราณนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา เฉินซีได้อนุมานมันมาตลอดทั้งวัน ก่อนที่เขาจะสามารถอนุมานถึงร่องรอยของเส้นทางที่ปลอดภัยจากมันได้
หลังจากครุ่นคิดหลายต่อหลายครั้ง เฉินซีก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้พลาดอะไรไป ชายหนุ่มจึงขบฟันแน่น ก่อนจะเดินไปยังค่ายกลสังหารตามเส้นทางที่แปลกประหลาด
เขาสงสัยมากว่า เหตุใดค่ายกลสังหารโบราณนี้จึงถูกวางอยู่ภายในแอ่งอสนีบาตที่อยู่ก้นน้ำตกสายฟ้า และมีความลับอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังค่ายกลสังหารนี้กัน?