บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 797 จักรวาลสยบมาร
บทที่ 797 จักรวาลสยบมาร
สิ่งที่เวินเทียนซั่วพูดนั้นล้วนสมเหตุสมผล
ตอนนี้ข่าวที่ว่าเขาครอบครองแผนที่สมบัติภูเขาร้างเต๋านภา ได้รั่วไหลออกไปแล้ว และในเวลานี้ มันคงจะแพร่กระจายไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะแล้ว
หากผู้บ่มเพาะต้องการกระจายข่าว มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เพราะเพียงมีแผ่นหยกกับกระแสจิตธรรมดา ๆ ก็สามารถใช้แพร่กระจายข่าวไปยังทั่วทุกมุมโลกได้ในทันทีแล้ว
ในสถานการณ์ดังกล่าว การที่เวินเทียนซั่วจะรีบเดินทางเข้าสู่ภูเขาร้างเต๋านภาก่อนกำหนดนั้นก็ย่อมสมเหตุสมผล เพราะหากรั้งรอจนผู้เยี่ยมยุทธ์ภายนอกเข้ามาจำนวนมาก โอกาสที่เหตุการณ์ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นก็คงจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้กระทั่งผู้มีอำนาจบางคนอาจจะมาเยือนถึงประตูหน้าและเรียกร้องแผนที่ขุมทรัพย์จากพวกเขา
แต่เฉินซียังคงรู้สึกว่ามันแปลกอยู่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไร เขาเพิ่งปฏิเสธที่จะรับเวินหัวเป็นศิษย์เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ด้วยนิสัยของเวินเทียนซั่วแล้ว อีกฝ่ายจะสามารถเปลี่ยนไปคุยหารือเรื่องการเดินทางเข้าสู่ภูเขาร้างเต๋านภาในเวลาอันสั้น โดยไม่มีความข้องใจเลยแม้แต่น้อยได้จริงหรือ?
“ผู้กล้าเฉิน กล่าวกันตามตรง ข้ารู้ดีอยู่แล้วว่าท่านคืออันดับหนึ่งในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เฉินซี และหากข้าได้รับความช่วยเหลือจากท่าน การเดินทางในครั้งนี้ย่อมจะบรรลุผล โดยที่ข้าไม่ต้องกังวลถึงอันตรายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
เวินเทียนซั่วกล่าวด้วยความเคารพ “ผู้กล้าเฉินคิดว่าอย่างไร?”
“ไม่เลว” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เราจะไปกันเมื่อใด?”
“ตอนนี้เลย” เวินเทียนซั่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“แค่ท่านกับข้าหรือ?” เฉินซีรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอีกเล็กน้อย เขายังคงรู้สึกว่าปฏิกิริยาของเวินเทียนซั่วดูออกจะกระวนกระวายเกินไปหน่อย
“ยิ่งมีคนน้อยก็ยิ่งดี ด้วยความแข็งแกร่งของผู้กล้าเฉินและแผนที่ขุมทรัพย์ในมือข้า ก็ไม่จำเป็นต้องหาตัวช่วยอื่นแล้ว หากเราโชคดีพอจนพบคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภา เราจะแบ่งมันกันคนละครึ่ง และไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแบ่งส่วนเพิ่มอีก” เวินเทียนซั่วตอบอย่างรวดเร็ว
เฉินซีหัวเราะกับตัวเองในใจ ‘เจ้ามีเพียงแผนที่ขุมทรัพย์ แม้ว่าเจ้าจะพบคลังสมบัติ หากแต่ไม่มีกุญแจไขเปิดออก เจ้าก็ไม่อาจเข้าไปได้อยู่ดี จริงหรือไม่?’
เขาตัดสินใจแล้วว่าหากสามารถค้นหาคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภาในระหว่างการเดินทางครั้งนี้เจอได้จริง ๆ ชายหนุ่มก็ไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันผลประโยชน์บางอย่างให้แก่อีกฝ่าย
“ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว ไปกันเถอะ”
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ชั่วพริบตาต่อมา ลำแสงสองสายพลันทะลวงผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน มุ่งตรงไปยังภูเขาร้างเต๋านภา
…
ระหว่างทาง เวินเทียนซั่วรู้สึกประหลาดใจที่พบว่า เฉินซีดูจะคุ้นเคยกับเส้นทางภายในภูเขาร้างเต๋านภาเป็นอย่างดี และไม่ต้องการคำแนะนำจากเขาเพื่อบินตรงไปยังจุดหมายปลายทางเลย
สิ่งนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ผู้กล้าเฉิน ท่านเคย…เคยมาที่ภูเขาร้างเต๋านภามาก่อนหรือ?”
“อ้อ เมื่อครู่ก่อนหน้าข้าเพิ่งมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ และเมื่อข้ากลับที่พักก็พบท่านพอดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ”
เฉินซีพยักหน้าและกล่าวว่า “สถานที่ที่มีแม่น้ำรูปร่างเหมือนตัวอักษร ‘เต้า’ กับภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนหัวของมังกร นับเป็นสถานที่ที่หายากและไม่ธรรมดาจริง ๆ”
เปลือกตาของเวินเทียนซั่วกระตุกวูบเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกวิตกเล็กน้อย แผนการระหว่างตนกับนิกายวิถีกระแสสวรรค์คงไม่ได้ถูกชายผู้นี้สังเกตเห็นแล้วใช่หรือไม่?
เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเฉินซี แต่เมื่อเห็นว่าการท่าทางของอีกฝ่ายยังคงเป็นปกติและไม่มีอะไรผิดปกติ นั่นทำให้เจ้าตัวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เวินเทียนซั่วก็คงยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เพราะปฏิบัติการครั้งนี้ก็น่ากลัวเกินไป การเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ความตายโดยไร้ที่ฝัง ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล
“ท่านอ๋อง เป็นอะไรไป? ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรกวนใจท่านอยู่นะขอรับ?” จู่ ๆ เฉินซีก็หันกลับมา และถามขึ้นราวกับตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้
“หือ?” เวินเทียนซั่วชะงักไป จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและยิ้ม “ข้าแค่คิดว่า ในไม่ช้า ข้าอาจจะได้เห็นคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภาในตำนานแล้ว ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เราจะพบที่นั่นอยู่นิดหน่อย”
“ท่านอ๋อง โปรดระวังตัวด้วย มีผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนซ่อนอยู่ใกล้กับภูเขารูปหัวมังกร จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนเกินไป ท่านต้องไม่ประมาทแม้เพียงนิดนะขอรับ” ชายหนุ่มเตือน
“ผู้กล้าเฉินพูดถูก นี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภา เราจะประมาทไม่ได้จริง ๆ” เวินเทียนซั่วพยักหน้า
เฉินซียิ้มและไม่พูดอะไรอีก
ในเวลาไม่นาน พวกเขาก็สามารถมองเห็นภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนหัวมังกรในระยะสายตา มันถูกอาบด้วยแสงสีเงินของดวงจันทร์ สูงตระหง่านและดูงดงามยิ่ง
ทว่าทันใดนั้นเอง เฉินซีกลับหยุดเคลื่อนไหวและซ่อนตัวอยู่ในชั้นเมฆ “ท่านอ๋อง มีผู้บ่มเพาะมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาด้านหน้านี้ ดูเหมือนในหมู่พวกเขาจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอยู่มากมาย เหตุใดท่านไม่เอาแผนที่ขุมทรัพย์ออกมาก่อนเล่า เราจะได้วางแผนและตัดสินใจกันว่าจะทำอย่างไรต่อ?”
เวินเทียนซั่วตกใจและรีบพูดว่า “เอาล่ะ เอาเช่นนั้นเถิด”
ขณะที่พูด เขาก็ดึงแผ่นหยกออกมาและส่งต่อให้เฉินซี “ข้าได้สิ่งนี้มาจากโรงประมูลในเมืองวารีเมฆาเมื่อครึ่งปีก่อน ตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นทักษะบ่มเพาะ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าแผ่นหยกครึ่งหลังจริง ๆ แล้วจะเป็นแผนที่ขุมทรัพย์ ตามที่กล่าวไว้ในแผ่นหยก มันควรจะเป็นแผนที่สมบัติที่นำไปสู่คลังสมบัติของตำหนักเต๋านภาอย่างไม่ต้องสงสัย”
เฉินซียื่นมือออกไปรับ และเริ่มตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
เป็นดังที่เวินเทียนซั่วกล่าวไว้ ในแผ่นหยกนี้มีลวดลายของภูเขาและภูมิประเทศมากมาย โดยในบรรดาภูเขาแม่น้ำนั้น ยอดเขาที่มีรูปร่างเหมือนหัวมังกรกับแม่น้ำรูปร่างเหมือนตัวอักษร ‘เต้า’ ที่ล้อมอยู่รอบ ๆ ภูเขาเองก็ปรากฏอยู่เช่นกัน
และตามทิศทางที่แผนที่ขุมทรัพย์นี้ชี้นำ ทางเข้าสู่ตำหนักเต๋านภาไม่ได้อยู่บนยอดเขา แต่อยู่ก้นแม่น้ำอักษร ‘เต้า’ นี้!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายของเฉินซีอย่างมาก และที่ทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจที่สุดคือก้นแม่น้ำอักษร ‘เต้า’ นั้นมีความลึกถึงแสนจั้ง ราวกับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง!
นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมายอะไร แต่สิ่งที่เฉินซีประหลาดใจก็คือ ใต้แม่น้ำลึกนี้ไม่เพียงเต็มไปด้วยข้อจำกัด แต่ยังมีสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวแฝงตัวอยู่ในนั้นด้วย
และยิ่งเข้าไปลึกเพียงใด พลังของข้อจำกัดก็ยิ่งมากขึ้น ขณะที่ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย!
ที่ก้นแม่น้ำมีอุโมงค์มืดอยู่ และนั่นเป็นเพียงเส้นทางที่นำไปสู่พื้นที่ด้านนอกของคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภา นอกจากนี้มันยังเต็มไปด้วยอุปสรรค ข้อจำกัด และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้มันซับซ้อนและน่ากลัวยิ่ง
ในขณะที่เฉินซีกำลังสังเกตแผนที่ขุมทรัพย์อย่างระมัดระวัง เวินเทียนซั่วก็เฝ้าประเมินชายหนุ่มไว ๆ แวบหนึ่ง การแสดงออกของเขายังคงเหมือนเดิม แต่ถ้าหากมองอย่างระมัดระวัง จะสังเกตเห็นว่าดวงตาของเวินเทียนซั่วดูผิดปกติเล็กน้อย
แผนที่ขุมทรัพย์นี้เป็นของจริง และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับมัน เพราะหากเฉินซีสังเกตเห็นข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย มันอาจทำให้แผนการของเขาและนิกายวิถีกระแสสวรรค์ยุ่งเหยิง และนั่นจะทำให้เวินเทียนซั่วสูญเสียมากกว่าจะได้รับ
ซึ่งสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้คือปฏิบัติการในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เวินเทียนซั่วก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ไกล ๆ สถานที่ที่เขาเหลือบมองคือแม่น้ำที่กว้างใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนอักษร ‘เต้า’ ที่พวกเขาต้องลงไปในนั้นหากต้องการค้นหาคลังสมบัติของตำหนักเต๋านภา
“ดูเหมือนแผนที่ขุมทรัพย์นี้น่าจะเป็นของจริง” เฉินซีเงยหน้าขึ้น ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และมองไปที่แม่น้ำด้วยสายตาที่เฉียบคม
“แน่นอน หากข้าไม่มั่นใจ ข้าคงไม่กล้ารบกวนผู้กล้าเฉินแน่นอน” เวินเทียนซั่วปรับอารมณ์และตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“เช่นนั้นลงมือกันเลยไหม?” เฉินซีถาม
ตามที่ชายหนุ่มคิด มันเป็นเรื่องดีที่จะตรงเข้าไปเลย เพราะเขาสังเกตเห็นว่าผู้บ่มเพาะบางคนที่อยู่ใกล้กับภูเขา ได้สังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับแม่น้ำอักษร ‘เต้า’ และกำลังสำรวจแม่น้ำกันอยู่
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น หากจะมุ่งเข้าไปตอนนี้ และสิ่งเดียวที่ต้องกังวลคือตัวตนของเวินเทียนซั่ว เพราะถึงอย่างไร คนทั้งโลกก็ได้รับรู้แล้วว่าเวินเทียนซั่วได้ครอบครองแผนที่ขุมทรัพย์เอาไว้
“รุ่งสางยังมาไม่ถึง ดังนั้นเราจะฉวยโอกาสจากความมืดและปลอมตัวเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย” เวินเทียนซั่วเตรียมพร้อมตั้งแต่ต้น เขาใช้ทักษะลับบางอย่าง ทำให้ร่างสั่นไหวและกลายเป็นชายหนุ่มตัวใหญ่ในทันที
หลังจากนั้น คนทั้งสองพลันเดินเข้าไปใกล้แม่น้ำโดยพยายามไม่ให้เกิดเสียงรบกวน
ฟุ่บ!
น้ำในแม่น้ำใสกระจ่างไหลวนเป็นเกลียวสีเงินท่ามกลางแสงจันทร์ เฉินซีกับเวินเทียนซั่วปรากฏตัวขึ้นยืนอยู่บนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำ ตรงจุดมุมขวาบนของตัวอักษร ‘เต้า’
บริเวณโดยรอบแม่น้ำสายยาวในเวลานี้ได้มีเงาร่างมากมายกระจายอยู่ บางคนใช้ทักษะการเคลื่อนไหวใต้น้ำเพื่อแยกพื้นผิวของน้ำออกจากกันก่อนจะดำลงไป บางคนก็หยุดยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำราวกับพวกเขากำลังมองหาบางสิ่ง และไม่ได้รีบร้อนลงมือ
ยิ่งกว่านั้น ผู้บ่มเพาะเหล่านี้ดูจะรู้ดีว่า ตนไม่ควรมีข้อพิพาทกับคนอื่นก่อนจะพบขุมทรัพย์ ดังนั้นแม้จะมีสายตาระแวดระวังส่งให้กัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้รบกวนกันและกัน ต่างคนต่างแยกกันอยู่อย่างสงบสุข
“ข้าจะลงไปก่อน” เวินเทียนซั่วยืนอยู่บนผิวน้ำอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขามีสั่นเครือ ทำให้มันฟังดูแหบแห้งและทุ้มต่ำ
“ระวังให้ดี น้ำในแม่น้ำสายนี้ไม่ธรรมดา”
เฉินซีแผ่จิตสัมผัสเทพของเขาออกไปเพื่อกวาดดูแม่น้ำที่อยู่เบื้องล่าง ซึ่งสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มแอบประหลาดใจก็คือ ดูเหมือนจะมีสิ่งกีดขวางที่ไร้รูปร่างบางอย่างอยู่ในแม่น้ำ และมันกำลังขัดขวางการตรวจจับจากจิตสัมผัสเทพของเขา!
ฟุ่บ!
เวินเทียนซั่วไม่ตอบกลับ ราวกับเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เจ้าตัวพลันกระโดดลงไปในแม่น้ำและหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น เฉินซีก็ไม่ได้เคลื่อนไหวตามในทันที
เพราะเมื่อเขาตัดสินใจเคลื่อนไหว ความหวาดกลัวพลันผุดขึ้นในใจโดยไร้สาเหตุ ก่อนมันจะหายวับไป ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกระแวงขึ้นมาในทันที
‘จากที่ระบุไว้ในแผนที่ขุมทรัพย์ แม่น้ำสายนี้ลึกถึงหนึ่งแสนจั้งและถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นด้วยข้อจำกัด พร้อมสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงมากมาย เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีตัวตนที่อยู่ภายในแม่น้ำนี้สามารถคุกคามชีวิตของข้าได้?’ ชายหนุ่มครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ใช้เนตรเทวะแห่งความจริงและก้มลงมองดูแม่น้ำ
ครืน!
แต่ทันทีที่สายตาสัมผัสกับพื้นผิวของแม่น้ำ พื้นผิวของแม่น้ำด้านล่างพลันระเบิดออกส่งเสียงดังกึกก้อง ราวกับสายฟ้าร้องจากสวรรค์ทั้งเก้า
ในเวลาเดียวกัน ละอองน้ำมหาศาลที่สาดกระเด็นขึ้นมานั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นดาบคมกริบ สร้างเสียงหวีดร้องแหลมสูงพุ่งผ่านอากาศกระจายตัวไปรอบ ๆ อย่างดุร้าย ราวกับดาบนับพันเล่มเปิดฉากโจมตี สร้างความน่ากลัวอย่างยิ่ง!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน บริเวณผิวน้ำอยู่ห่างจากเท้าของชายหนุ่มไม่ถึงสามฉื่อ ดังนั้นแม้เฉินซีจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว แต่เขาก็ตั้งตัวไม่ทันและต้องหลบอยู่หลายครั้งอยู่ดี
น่าเสียดายที่เขายังก้าวช้าเกินไป!
ทันใดนั้นลำแสงที่พร่างพราวและเจิดจรัสก็พุ่งออกมาและกลายเป็นม่านแสง กักขังเฉินซีไว้ภายใน
“ค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารก่อตัวสำเร็จแล้ว!”
“ฮ่า ๆ! เด็กคนนี้ไม่มีทางรอดพ้นหายนะในครานี้ได้อย่างแน่นอน!”
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋อง ที่ช่วยให้เราจับตัวเด็กคนนี้ได้อย่างราบรื่นในวันนี้”
“ท่านอาจารย์ลุง โปรดอย่าได้ประมาท มันยังไม่สายที่จะเฉลิมฉลองหลังจากสังหารเฉินซีเรียบร้อยแล้ว”
เสียงระเบิดดังขึ้นมาจากทางขอบฟ้า ในช่วงอึดใจต่อมา เฉินซีก็ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ อีกต่อไป ราวกับเขาได้เข้าสู่โลกอีกใบที่ถูกแยกออกจากโลกภายนอก ภาพเบื้องหน้าในตอนนี้คือฉากสีขาวโพลนที่กว้างใหญ่ไพศาล และเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน!