บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 800 สังหารอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 800 สังหารอย่างต่อเนื่อง
ณ ริมฝั่งแม่น้ำตัวอักษร ‘เต้า’
ทันใดนั้น ท่ามกลางสายตาที่กำลังเพ่งมองของทุกคนที่อยู่ที่นี่ ม้วนภาพวาดที่ปกคลุมท้องฟ้า ซึ่งลอยอยู่กลางอากาศจู่ ๆ ก็เปล่งรัศมีเซียนอันไร้ขอบเขต พุ่งเข้าสู่สวรรค์ทั้งเก้า จากนั้นมันก็ปัดเป่าความมืดมิดแห่งรัตติกาลออกไปทันที!
“ค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารได้สำแดงพลังแล้ว!”
“ผู้ชนะได้ถูกตัดสินแล้วใช่หรือไม่?”
“ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวจริง ๆ เมื่อค่ายกลสังหารนี้สำแดงพลัง จะมีสักกี่คนในโลกที่สามารถหลบหนีได้”
ดวงตาของทุกคนต่างจดจ้องไปยังม้วนภาพวาด ซึ่งก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร ผู้คนต่างก็ตกใจและระเบิดความโกลาหลออกมา พวกเขาต่างมีสีหน้าหนักใจ ในขณะที่จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง ราวกับพวกเขากลัวอย่างยิ่งว่าจะพลาดรายละเอียดใดไป
“ค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารได้สำแดงพลังแล้วจริง ๆ ดูเหมือนค่ายกลมหาเบญจธาตุพิฆาตกระแสสวรรค์จะไม่สามารถบดขยี้เฉินซีได้” เหลิ่งฉานเอ๋อร์ถอนหายใจ บนใบหน้าของนางเผยความรู้สึกซับซ้อนออกมาเล็กน้อย “คนเช่นเฉินซีไม่อาจหาใครเทียบได้จริง ๆ น่าเสียดายที่เขาหาญกล้าต่อต้านใต้เท้าปิงซื่อเทียน เขาจึงได้ถูกกำหนดให้เป็นศัตรู!”
หลังจากนั้น นางก็ฟื้นความสงบกลับมาและแย้มยิ้ม ขณะที่กล่าวกับผู้อาวุโสอวิ๋นจูที่อยู่ใกล้เคียงว่า “ท่านอาจารย์ลุง ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือในครั้งนี้”
ผู้อาวุโสอวิ๋นจูที่ยืนเอามือไพล่หลัง ตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “เมื่อเผชิญกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งสิบสามคนและค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร แม้แต่ข้าก็ยังมีความมั่นใจเพียงสี่ส่วนที่จะหลบหนี นับประสาอะไรกับเจ้าเด็กนั่น!”
เหลิ่งฉานเอ๋อร์ยิ้มแล้วมองไปทางเวินเทียนซั่วที่อยู่ใกล้เคียง “ท่านอ๋อง อีกไม่นาน เฉินซีจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เหตุใดเราไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนที่สมบัติเสียเลยล่ะ?”
เวินเทียนซั่วจ้องมองม้วนภาพวาดกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวทั้งแปดผืน ซึ่งลอยอยู่กลางอากาศตลอดเวลา และเขาดูจะกำลังตกอยู่ในภวังค์ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น จู่ ๆ เจ้าตัวก็ได้สติกลับคืนมาทันที จากนั้นจึงพยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง”
ในขณะนี้ เมื่อเขารู้ว่าเฉินซีจะต้องตายอย่างแน่นอน ในที่สุดท่านอ๋องผู้นี้ก็กล้าถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเสียที
หากกล่าวด้วยความสัตย์จริง เมื่อร่วมมือกับคนของนิกายวิถีกระแสสวรรค์เพื่อดักจับชายหนุ่มในสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้ เขามักจะมีความวิตกกังวลและหวาดกลัวตลอดเวลา
แต่สิ่งนี้ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเฉินซีนั้นน่ากลัวเกินไปจริง ๆ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงมีพลังที่สามารถท้าทายสวรรค์ แม้แต่ภูมิหลังของเขาก็ยังน่ากลัวยิ่ง และตำหนักอ๋องของเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน หากเฉินซีไม่ตายในครั้งนี้
ถึงขนาดที่ว่า แม้เขาจะหลบหนีไปขอความคุ้มครองจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ เขาก็จะกลายเป็นหนามทิ่มแทงเนื้อ รอคอยความตายที่อาจมาเยือนในสักวันหนึ่ง!
แต่ตอนนี้เมื่อคาดว่าอีกฝ่ายจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย มันก็ถือว่าเป็นการปลอบใจที่วิเศษยิ่ง ซึ่งทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก
ต่อจากนั้น เหลิ่งฉานเอ๋อร์ก็ไม่ได้สนใจสถานการณ์ในค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารอีกต่อไป นางเริ่มหารือกับเวินเทียนซั่วเกี่ยวกับแผนที่สมบัติที่นำไปสู่ขุมสมบัติของตำหนักเต๋านภาแทน
คนกลุ่มนี้ต่างเผยสีหน้าไร้กังวลออกมา ราวกับพวกเขากำลังรอให้เฉินซีถูกสังหาร ก่อนที่จะไปขุดค้นขุมสมบัติ
…
พรวด!
เฉินซีกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ในขณะที่ร่างของเขาโซเซไปมา ทั่วทั้งกายอาบไปด้วยเลือด เป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง พร้อมจะถูกบดขยี้ในอีกไม่ช้า
ทว่าเฉินซียังคงฝืนกัดฟันแน่น และโคจรปราณจ้าววิญญาณเพื่อซ่อมแซมร่างกาย ในเวลาเดียวกัน แดนฮุ่นตุ้นภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาก็สั่นสะเทือน ในขณะที่มันโคจรอย่างเต็มกำลัง ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มเปล่งแสงอันสว่างไสว ในขณะที่ตัวคนพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
ยันต์ศัสตราในมือของเฉินซีเองก็พุ่งทะยานไปบนท้องฟ้า ซึ่งสาดปราณกระบี่รังสรรค์ที่แพรวพราวออกมาทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ทำให้ดูราวกับทางช้างเผือกที่ถาโถมมาจากสวรรค์ทั้งเก้า ชายหนุ่มฝืนเข้าต่อสู้ในขณะที่ร่างกายอาบไปด้วยเลือด อีกทั้งเขายังแผ่กลิ่นอายที่ห้าวหาญและเด็ดเดี่ยวออกมาอย่างต่อเนื่อง!
การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดเท่าที่เขาเคยประสบ นับตั้งแต่ออกจากนิกายเพื่อขัดเกลาตนเอง แม้แต่หลวงจีนจื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเทียบได้กับพวกสุนัขเฒ่าน่ารังเกียจเหล่านี้จากนิกายวิถีกระแสสวรรค์!!
แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะใกล้เคียงกัน แต่พลังการต่อสู้และความร่วมมือของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร ค่ายกลใหญ่นี้ถูกสร้างขึ้นจากสมบัติอมตะแปดชิ้น และเป็นค่ายกลเซียนที่แท้จริง ซึ่งหากถูกใช้ในมือของเซียนสวรรค์ มันก็จะมีอานุภาพที่สามารถทำลายล้างโลกได้!
แต่ในขณะนี้ มันก็ได้สำแดงพลังภายใต้การร่วมมือของผู้อาวุโสจิ้งคงและผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ดังนั้น แม้ว่าอานุภาพของมันจะไม่สามารถทำลายล้างโลกได้ แต่ก็เพียงพอที่จะกักขังและสังหารตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีระดับหกลงได้
“ฮึ่ม! เจ้าคงคิดว่าตัวเองเลิศเลอ เพราะสามารถต่อสู้ได้จนถึงตอนนี้ และหากเจ้ามีเวลาบ่มเพาะเพียงพอ เจ้าก็น่าจะเติบโตเป็นสุดยอดฝีมืออย่างแน่นอน …แต่น่าเสียดาย วันนี้เจ้าจะต้องตายที่นี่อย่างแน่นอน!”
ผู้อาวุโสจิ้งคงหัวเราะเย้ยหยัน ในขณะที่กระบี่อมตะในมือของเขาได้กวาดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า และสอดประสานกับค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร มันได้สาดปราณกระบี่จำนวนมหาศาลอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้ดูเหมือนพายุฝนโหมกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้า ถาโถมเข้าใส่เฉินซีอย่างดุเดือด!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เฉินซีถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ทำให้ร่างของเขาแกว่งไปมา สีหน้าของชายหนุ่มขาวซีด ในขณะนี้ เขาเป็นเหมือนใบไม้ขนาดเล็กในมหาสมุทรกว้างใหญ่ ซึ่งกำลังถูกคลื่นซัดสาดอย่างรุนแรง ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันและอันตรายอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนกลับต้องประหลาดใจ เพราะเฉินซีซึ่งดูเหมือนจะตายอยู่ร่อมร่อ แท้จริงแล้วกลับฟื้นฟูได้ทุกครั้ง และยืนหยัดมาได้ราวหนึ่งถ้วยชาแล้ว!
“การบ่มเพาะของไอ้เด็กบัดซบนี่ลึกล้ำมาก ปราณแท้ในร่างกายของมันดูจะไม่มีที่สิ้นสุด และความอดทนของมันก็แข็งแกร่งเช่นกัน ราวกับมันถูกเติมเต็มอย่างไม่รู้จบ ไม่แปลกใจเลยที่มันจะสามารถก้าวข้ามขอบเขตเพื่อต่อสู้ จนสามารถสังหารหลวงจีนจื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ ได้”
“ฆ่า! วันนี้เราต้องฆ่าไอ้เด็กบัดซบคนนี้ให้จงได้ ยิ่งมันแกร่งกล้าขนาดนี้ ก็ยิ่งเป็นภัยคุกคามมากขึ้นเท่านั้น หากมันเติบโตได้มากกว่านี้ มันจะต้องเป็นศัตรูตัวฉกาจของนิกายวิถีกระแสสวรรค์อย่างแน่นอน!”
“ถูกต้อง ในเมื่ออัจฉริยะผู้ท้าทายสวรรค์ที่ร้ายกาจเช่นนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเรา ก็มีแต่ฆ่ามันเท่านั้น เพื่อขจัดปัญหาทั้งหมดที่อาจเกิดในอนาคต!”
พลังชีวิตที่ดื้อรั้นอย่างมากของเฉินซี ทำให้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีตกตะลึง และยิ่งเห็นชายหนุ่มเป็นเช่นนั้น จิตสังหารของพวกเขาก็ยิ่งพวยพุ่งมากขึ้นเท่านั้น!!
ตอนนี้เฉินซีอยู่ที่ขอบเขตสถิตกายาเท่านั้น หากเขาสามารถบรรลุไปสู่ขอบเขตเซียนปฐพีได้ เขาจะธรรมดาได้หรือ?
ศัตรูตัวฉกาจนี้จะต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด!
“แสงอันเยือกเย็นอุบัติขึ้นเมื่อโลกเกิดสงคราม และกระบี่ที่ส่งเสียงคำรามก้องก็เพื่อกำจัดปีศาจร้ายทั้งมวล!” ผู้อาวุโสจิ้งคงตะโกนเสียงดังสนั่น สั่งให้ทุกคนใช้หนึ่งในสามกระบวนท่าสุดยอดของค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร... ทลายจักรวาล!”
ตู้ม!
มวลเมฆเคลื่อนตัวไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่กระบี่ส่งเสียงคำรามพุ่งออกมาเหมือนกระแสน้ำ บรรยากาศโดยรอบพลันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นกระแสปราณกระบี่อันแหลมคมนับไม่ถ้วน กวาดออกไปยังเฉินซีซึ่งอยู่ตรงกลาง!
เมื่อเผชิญหน้ากับสุดยอดกระบวนท่าอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งปิดผนึกและปกคลุมสภาพแวดล้อมเอาไว้ เฉินซีจึงไม่มีที่ที่จะให้หลบแม้แต่น้อย แม้เขาจะได้รับการปกป้องจากชุดเกราะขนนกหมอกใต้พิภพ ซึ่งเป็นสมบัติอมตะ แต่ชายหนุ่มก็ยังสั่นสะท้านจนเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด และทั่วร่างกายก็ปรากฏบาดแผล ซึ่งเกิดจากการถูกปราณกระบี่คมกริบฟัน ทำให้เลือดไหลออกมาดุจสายน้ำ เกิดเป็นฉากที่สะเทือนขวัญเป็นอย่างยิ่ง!
ทันใดนั้น ทั่วทั้งร่างของเขาก็ถูกปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวปกคลุม จนดูเหมือนเป็นพายุมรสุม
“มันตายแล้วหรือ?”
“มันสมควรตาย!”
“ฮ่า ๆ! ถ้าการโจมตีในครั้งนี้ไม่สามารถฆ่ามันได้ พวกเราก็คงไร้ความสามารถเกินไป!”
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนต่างหยุดโจมตี ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังใจกลางสนามรบด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจและผ่อนคลาย
“เฉินซีผู้นี้ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ น่าเสียดายที่เขายังเด็กเกินไป… ไปกันเถอะ ข้าคิดว่าใต้เท้าปิงซื่อเทียนจะต้องยินดีอย่างมากเมื่อทราบข่าวนี้” ผู้อาวุโสจิ้งคงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะออกคำสั่ง
โครม!
แต่ในเวลานี้ คลื่นพลังผันผวนที่ไม่มีใครเทียบได้และน่าสะพรึงกลัวพลันแผ่ขยายออกมาจากใจกลางสนามรบ จนดูเหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้จากยุคบรรพกาลได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลและมองลงมายังโลก!
“นั่นมัน…”
ทันใดนั้น ใบหน้าของจิ้งคงและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดก็แข็งค้าง จากนั้นพวกเขาก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
ภายในระยะสายตาของพวกเขา ร่างสูงเดินออกมาจากภายในความโกลาหลที่กว้างใหญ่ และแม้ร่างกายของอีกฝ่ายจะอาบไปด้วยเลือด ทว่าทุกย่างก้าวที่เขาย่ำเดินนั้นราวกับเทพอสูรกำลังตีกลองแห่งสวรรค์ ซึ่งกำลังปล่อยเสียงก้องกังวานที่สั่นสะเทือนบรรยากาศและพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งบริเวณโดยรอบ
เขาคือเฉินซีนั่นเอง!
แต่ผมดำขลับและหนาดกของเฉินซีไม่เหมือนเมื่อก่อน มันกลับกลายเป็นสีขาวดุจหิมะ และส่องสว่างพร่างพราวมาก กอปรกับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม จึงทำให้เขามีกลิ่นอายที่อำมหิต มากประสบการณ์ และเยือกเย็น!
รูปร่างของชายหนุ่มตั้งตรงดุจหอก ถือยันต์ศัสตราไว้ในมือ และฝีเท้าของเขายังเป็นราวกับเสียงฟ้าร้อง ในขณะที่ผมสีขาวก็ดูเหมือนน้ำตกที่กำลังไหลริน ในขณะนี้ กลิ่นอายของเฉินซีได้ทวีคูณเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
เพียงแค่กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมา ก็ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนรู้สึกวิตกในใจ พลังการต่อสู้ของเฉินซีก่อนหน้านี้สามารถเทียบได้กับขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่ และตอนนี้มันกลับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า… นี่เขาจะน่ากลัวไปถึงไหนกัน?
“หรือว่ามันจะปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองมาโดยตลอด?”
“ระเบิดสังหารเทวะ! สุดยอดเคล็ดวิชาของเผ่าหยาจื้อ!” หนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีดูจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ระเบิดสังหารเทวะ!”
หัวใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ต่างก็สั่นสะท้าน และใบหน้าของพวกเขาก็มืดมนยิ่งในทันที
ศาสตร์เต๋าที่น่าสะพรึงกลัวนี้มาจากหยาจื้อ ซึ่งเป็นสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาล เมื่อมันถูกใช้ออกไป ก็จะสามารถควบแน่นวิญญาณ พลังงานและแก่นแท้ภายในร่างกายทั้งหมด ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าโดยใช้เคล็ดวิชาลับ!
จึงไม่เหมือนกับพลังการต่อสู้ที่เพิ่มทวีคูณของผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา หากผู้บ่มเพาะที่ใช้ศาสตร์เต๋านี้มีพลังการต่อสู้สิบเท่า เขาก็จะสามารถใช้พลังต่อสู้ได้ถึงยี่สิบเท่า!
ในยุคบรรพกาล สัตว์ร้ายที่น่าเกรงขามอย่างหยาจื้อ ครั้งหนึ่งเคยสังหารทวยเทพมาแล้ว จึงทำให้มันมีชื่อเสียงที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยใช้ศาสตร์เต๋าที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ซึ่งเกือบจะเป็นการท้าทายสวรรค์เพื่อสร้างตำนานที่ว่านั่น!
เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายอหังการที่ชายหนุ่มเผยออกมาในเวลานี้ สอดคล้องกับลักษณะของเคล็ดระเบิดสังหารเทวะ!!
“จู่โจม! แม้ว่าเคล็ดวิชานี้จะทรงพลัง แต่ก็มีข้อบกพร่องอย่างมาก ทุกครั้งที่มันถูกใช้ มันจะกลืนกินวิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้จำนวนมหาศาลจนหมด นอกจากนี้ มันยังสามารถคงอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาที่สั้นมากเท่านั้น เมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไป มันจะกลับมาเป็นปกติและอาจจะได้รับผลข้างเคียงด้วยซ้ำ!”
“ใช่แล้ว! รีบโจมตีและฆ่าไอ้เด็กบัดซบนี่ซะ!”
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีต่างโห่ร้องด้วยความโกรธอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะโจมตีอีกครั้ง ด้วยการใช้ค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารระเบิดพลังเข้าใส่!
“ไอ้พวกสุนัขเฒ่า! พวกเจ้าคิดว่าข้าจะให้โอกาสงั้นรึ?!” ท่ามกลางน้ำเสียงไม่แยแสและเต็มไปด้วยจิตสังหารของเขา ร่างของเฉินซีพลันหายวับไป ในชั่วพริบตาต่อมา ชายหนุ่มได้มาถึงตรงหน้าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว และยันต์ศัสตราก็กวาดทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!
พรวด!
ศีรษะถูกฟันขาดกระเด็น!
ฝนสีทองโปรยปรายลงมา จนกระทั่งเสียชีวิต ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวได้อย่างไร
“ศิษย์น้องติ้งหรง!” ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ คร่ำครวญด้วยความโกรธและตกใจ พวกเขาโกรธจัดเสียจนเลือดไหลออกมาจากดวงตา และต่างก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!
“ตายซะ!”
ผมและเสื้อผ้าสีขาวของเฉินซีได้พลิ้วพัดตามกระแสลม ในขณะนี้ เขาเป็นเหมือนเทพอสูรที่เดินออกมาจากภูเขาซากศพและทะเลโลหิต โดยตั้งใจจะใช้กระบี่ในมือเพื่อปรนเปรอตัวเองด้วยเลือดของศัตรู!
ตูม!
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกคนถูกสังหาร ร่างของคนผู้นั้นถูกผ่าออกเป็นสองท่อน ก่อนจะระเบิดกลางอากาศ และกลายเป็นฟองเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า บังเกิดเป็นฉากที่น่าสยดสยอง แต่ก็งดงามและน่าตกใจ
ฆ่า!
เฉินซีก้าวยาวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ไม่แยแส เขาจะฆ่าหนึ่งคนในทุก ๆ สิบก้าว และไม่มีใครสามารถหยุดชายหนุ่มได้ ทุกที่ที่เขาเดินผ่าน เสียงโหยหวนและน่าสมเพชมากมายจะดังก้องออกมา ในขณะที่สายเลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปรอบ ๆ
ทั่วทั้งฟ้าดินถูกปกคลุมไปด้วยเสียงร้องโหยหวน ขณะที่ฝนเลือดและแขนขาที่ขาดวิ่นกระจัดกระจายไปทั่ว มันเหมือนกับทุ่งสังหารในนรกอเวจี และเป้าหมายของการสังหารคือโลหิตและวิญญาณของเซียนปฐพีพวกนั้น!
ทุกที่ที่ปลายกระบี่ของเขาไปถึง จะไม่มีใครหยุดมันได้!
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ชีวิตของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเก้าคนก็ถูกเก็บเกี่ยวราวกับวัชพืช และพวกเขาก็ล้มลงตรงนั้น
ฉากที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ ทำให้ผู้อาวุโสจิ้งคงและคนอื่น ๆ ตกตะลึง จนพวกเขาไม่สามารถทนต่อความตกใจและความหวาดกลัวในใจได้อีกต่อไป พวกเขาต่างกรีดร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า “เป็นไปได้อย่างไร!? เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”