บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 832 การโจมตีอันอุกอาจ
บทที่ 832 การโจมตีอันอุกอาจ
เวิ่นเทียนเซี่ยวคาดไม่ถึงว่าอสรพิษจะพูดจาหน้าไม่อายขนาดนี้ ดวงตาของเขาเบิกถลน ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด ปากกู่คำราม ราวกับอดใจที่จะอยากอัดใครบางคนแทบไม่ไหว
แต่ก่อนจะทันได้ลงมือ เขาก็ถูกเฉินซีห้ามไว้
เมื่ออสรพิษเห็นดังนี้ เจ้าตัวก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้ ขณะกล่าวเหยียดหยันว่า “ข้าขอบอกเจ้าตามตรง ในพิภพยันต์อักขระ ไม่ว่าภูมิหลังของเจ้าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าสถานะของเจ้าจะสูงส่งเพียงใด เจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า หาไม่แล้วเจ้าก็คงได้รู้ว่าความตายคืออะไร!”
สิ้นเสียง ‘ปัง’ พื้นใต้เท้าของเวิ่นเทียนเซี่ยวพลันแตกร้าว นี่เป็นเพราะไม่อาจต้านทานอำนาจที่กำลังเอ่อล้นออกมาได้! …เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับอสรพิษผู้หยิ่งทะนง เวิ่นเทียนเซี่ยวก็ทำได้เพียงสะกดโทสะเอาไว้ในใจ
เขาสูดหายใจเข้า หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ขณะเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร?”
อสรพิษลูบคาง เขาตอบช้า ๆ ว่า “ง่ายมาก เอาสมบัติอมตะออกมาอีกชิ้น แล้วข้าจะไปจากที่นี่ทันที”
เวิ่นเทียนเซี่ยวหัวเราะ เขากัดฟันแล้วกล่าวว่า “เจ้าทำเหมือนสมบัติอมตะเป็นของข้างถนนอย่างนั้นล่ะ นึกจะเอาก็เอาง่าย ๆ เลยหรือ?”
อสรพิษยักไหล่ ขณะตอบอย่างเกียจคร้านว่า “ข้าไม่สามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้”
“แล้วถ้าเจ้าไม่ได้ไปล่ะ?” เฉินซีพลันถามขึ้น
อสรพิษคล้ายคาดการณ์ถึงคำถามนี้เอาไว้แล้ว จึงชูนิ้วหนาสองนิ้วขึ้นมาเป็นสัญญาณ “มีสองทาง หนึ่งคือตาย สองคือออกปากสัตย์สาบานต่อวิถีสวรรค์ว่าจะเป็นทาสรับใช้ข้าชั่วชีวิต!”
เฉินซีหรี่ตา แสงสว่างเย็นเยือกพลันวาบผ่านดวงตา “แสดงว่าไม่มีที่ว่างให้ไกล่เกลี่ยเลยกระมัง?”
เขาเคยได้ยินเรื่องทาสรับใช้มาบ้าง ตัวตนที่คล้ายกับทาสนี้ มีสถานะต่ำต้อย ชีวิตอยู่ในกำมือของผู้อื่น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอก เลวร้ายยิ่งกว่าสุนัข
ดังนั้นคำว่า ‘ทาส’ จึงเปรียบเสมือนรสชาติของความอัปยศอย่างร้ายแรงในโลกแห่งการบ่มเพาะ ที่ผู้บ่มเพาะยอมตายเสียยังดีกว่าการกลายเป็นทาสผู้อื่น
อสรพิษชำเลืองมองเฉินซีอย่างเวทนา เขากล่าวว่า “เจ้าหนูน้อย เจ้ามีสิทธิ์จะมาต่อรองกับข้าด้วยหรือ? ต่อให้เปลี่ยนเป็นเซียนปฐพีผู้แข็งแกร่ง มันก็ไม่แตกต่างจากที่ข้าบอก พวกเขายังต้องเชื่อฟังเช่นกัน!”
เฉินซีเงียบไปสักพักใหญ่ จากนั้นก็หยิบกระบี่เซียนออกมา เขาถามว่า “เจ้าคิดอย่างไรกับกระบี่เล่มนี้?”
อสรพิษตกตะลึง ราวกับประหลาดใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายยอมหยิบสมบัติอมตะชิ้นที่สามออกมา แต่เมื่อสายตาจับจ้องมองกระบี่เซียนที่ส่องประกายด้วยแสงสว่างล้ำค่า ความละโมบและความเร่าร้อนพลันปรากฏขึ้นที่แก้ม “ใช่แล้ว มันคือสมบัติอมตะ”
เวิ่นเทียนเซี่ยวคว้าแขนของเฉินซีเอาไว้ เจ้าตัวกล่าวอย่างวิตกว่า “เฉินซี อย่าทำ…”
ชายหนุ่มส่ายหน้า เป็นสัญญาณว่าให้เงียบ จากนั้นมองไปยังอสรพิษ “ทีนี้ เจ้าจะยอมไปได้หรือยัง?”
อสรพิษครุ่นคิดสักพัก จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “กระบี่เซียนเล่มนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ… แต่มันเป็นของเจ้าจริง ๆ หรือ? เมื่อไม่นานมานี้สหายของข้าเหมือนจะเพิ่งทำสมบัติอมตะที่คล้ายกับชิ้นนี้ไปด้วยสิ”
เมื่อได้ยินอสรพิษวางแผนจะเล่นตุกติก ไม่ยอมทำตามกฎ เฉินซีจึงลอบถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ หันไปมองเวิ่นเทียนเซี่ยว “ข้าฝากเจ้าจัดการด้วยได้หรือไม่?”
เวิ่นเทียนเซี่ยวตกตะลึงก่อนยิ้มออกมา เขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที แววความตื่นเต้นกระหายโลหิตทอประกายในดวงตา “ไม่มีใครหนีรอดแน่นอน!”
เฉินซีพยักหน้า “งั้นก็ดี”
ใบหน้าของอสรพิษเคร่งขรึม “เจ้าเด็กน้อยสารเลว เจ้า…”
ก่อนจะทันได้กล่าวจบ สีหน้าของอีกฝ่ายพลันแข็งทื่อ ด้วยรู้สึกถึงแรงกดดันสังหารเย็นเยือกสองกลุ่มพุ่งตรงมาที่ร่างกาย ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น!
มันคือจิตสังหาร!
อสรพิษถึงขั้นได้กลิ่นอายโลหิตที่เข้มข้นราวน้ำตกกำลังชะล้างตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายาควรจะมี!
ตู้ม!
ก่อนจะทันได้ตอบสนอง เกลียวสายรุ้งพลันระเบิดออกจากลูกตาอย่างรวดเร็ว จิตสังหารรุนแรงนั่น ราวกับกระบี่ไร้เทียมทานที่ถูกชักออกจากฝักในความมืด ทะลวงผ่านสุญญากาศ!
ชิ้ง!
ความว่างเปล่าถูกทะลวงฉีกขาดอย่างง่ายดายราวกระดาษ ก่อนตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังขึ้น ทำให้สุญญะเดือดพล่าน ก่อนจะพังทลาย
การโจมตีนี้รุนแรงนัก!
มันทำให้ทั่วทั้งร่างของอสรพิษขนลุกขนพอง ความรู้สึกถึงอันตรายที่ยากจะอธิบายก่อตัวขึ้นในใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก โดยไม่ลังเล เจ้าตัวพลันยื่นมือออกไปคว้าค้อนยักษ์ที่ถูกปกคลุมด้วยสายฟ้า และเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรง!
หลังจากกระทำทั้งหมดนี้ เขาพลันลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในใจบังเกิดแววเหยียดหยัน ‘นี่ข้าวิตกเกินไปหรือ? มันก็แค่เจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายา แต่ข้าอยู่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสามเชียวนะ!’
รูปลักษณ์เดิมของอสรพิษย่อมเป็นอสูรงูตัวหนึ่ง แต่เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองยิ่งนัก หลังจากบ่มเพาะด้วยความโหดเหี้ยมและเล่ห์เหลี่ยมมาสามพันปี ทำให้เขาได้รับพลังกับสถานะในปัจจุบันมาครอบครอง เช่นเดียวกับประสบการณ์การต่อสู้ที่มีมากมาย!!
ถึงแม้เจ้าเด็กน้อยจะฉวยโอกาสก่อนในตอนนี้ แต่เมื่อสงบสติลงได้ อสรพิษก็ไม่รู้สึกแตกตื่น เพราะเขาเคยเผชิญอันตรายถึงชีวิตมาแล้วนับไม่ถ้วน นับประสาอะไรกับสถานการณ์เช่นนี้?
ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายเป็นเพียงเจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายาเองไม่ใช่หรือ?
ตู้ม!
สิ้นเสียงดังสนั่น ทั้งสองปะทะกันราวกับดวงดาวขนาดใหญ่ระเบิด สวรรค์และปฐพีโกลาหล ความปั่นป่วนนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านขึ้นมา กำเนิดแสงสว่างร้อนแรงกับเสียงคำรามรอบข้าง
โชคยังดีที่ความผันผวนสีขาวน้ำนมไร้ที่สิ้นสุดได้ปกคลุมทั่วทุกทิศทาง จองจำพื้นที่เอาไว้ หาไม่แล้ว เมืองนกนางแอ่นแดงอาจจะได้รับความเสียหายร้ายแรง เพราะเมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีสำแดงพลังออกมา พวกเขาย่อมสามารถเคลื่อนย้ายขุนเขาและทะเลได้ตามต้องการ
ความผันผวนสีขาวน้ำนมนั่นมาจากหอคอยยันต์อักขระในใจกลางของเมืองนกนางแอ่นแดง และก็เป็นเพราะหอคอยดังกล่าว จึงทำให้เมืองคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
ในแสงสว่างอันร้อนแรง ร่างกำยำของอสรพิษถอยออกไปสิบก้าวติดต่อกัน ทุกย่างก้าวที่ถอยออกมา รอยแยกนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนพื้น หินแหลกละเอียด ควันธุลีกระจายออกมา เผยให้เห็นผลกระทบมหาศาล
อสรพิษตกตะลึง ‘…เจ้าเด็กน้อยในขอบเขตสถิตกายาถึงกับป้องการโจมตีของข้าได้? พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้มันคืออะไร?’ หัวใจของเจ้าตัวสั่นสะท้าน เพราะรู้สึกว่ามันช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!!!
ต้องทราบก่อนว่า เขาคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี ผู้มีสถานะสูงส่ง อยู่เหนือคนธรรมดา กลายเป็น ‘เซียน’ ไปแล้ว ดังนั้นมนุษย์จะมาเทียบได้อย่างไร?
“ฆ่า! อย่าปล่อยให้เจ้าเด็กน้อยสารเลวสองคนนี้หนีไปได้!”
แม้จะมีความคิดมากมาย แต่การตอบสนองของอสรพิษก็ไม่ได้เชื่องช้า เขาแผดเสียงคำรามราวกับฟ้าร้องออกมาทันที
โดยไม่จำเป็นต้องสั่งสิ่งใด ทันทีที่เฉินซีเริ่มลงมือ เวิ่นเทียนเซี่ยวก็ลงมือเช่นกัน เขาพุ่งเข้าหาลูกน้องของอสรพิษ! ทำให้ตอนนี้สมรภูมิอีกแห่งได้อุบัติขึ้น และพวกเขาก็กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด!!!
ตอนนี้ เฉินซีได้ก้าวมาข้างหน้าแล้ว พลางใช้ปราณจ้าววิญญาณปกคลุมทั่วร่าง สร้างวังวนพายุสายฟ้านับไม่ถ้วนจนมันคำรามไปทั่วทุกทิศทาง ราวกับเทพมังกรเคลื่อนลงมาจากความมืด ดูแล้วช่างน่าประหลาดยิ่งนัก!
“ฆ่า!”
อสรพิษตะโกนเสียงดัง เหวี่ยงค้อนยักษ์ลงมาอีกครั้ง ทำให้แสงสว่างสีเงินที่บดบังท้องนภาแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว
สายตาของชายหนุ่มมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เขาซัดหมัดมหาทำลายล้าง แผ่พลังแห่งการทำลายล้างออกไป ตรงเข้าหาค้อนยักษ์ทันที!
พลังของหมัดนี้สามารถกำจัดหยินหยาง และทำลายดาราจักรได้!
สิ้นเสียง ‘โครม’ อสรพิษสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ร่างกำยำของเขากระเด็นถอยหลังออกไปเพราะแรงกระแทก มือที่คล้ายกับพัดขนาดใหญ่สั่นไหว แทบจะจับค้อนเอาไว้ไม่อยู่
ใบหน้าของอสรพิษพลันเปลี่ยนไป ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายาตรงหน้า ครอบครองพลังที่จะต่อสู้ข้ามขอบเขตได้!
ตัวประหลาดนี้มาจากไหน! เหตุใดถึงมีคนเช่นนี้อยู่ในโลกได้?
อสรพิษบังเกิดความสงสัย รู้สึกถึงภัยคุกคามขนาดใหญ่ เขาจึงไม่กล้าประมาทหรือดูถูกอีกฝ่ายอีกต่อไป
ตู้ม!
ในตอนนี้ เฉินซีได้โจมตีอีกครั้ง ใช้พลังอันแก่กล้าอย่างไม่เก็บกัก เขาไม่คิดจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พักหายใจสักนิด
“ข้าอยากรู้นักว่า สารเลวตัวน้อยอย่างเจ้าจะสามารถท้าทายสวรรค์ได้หรือไม่!” อสรพิษกัดฟัน ร่างของเขายกขึ้น ร่างสูงตระหง่านราวกับขุนเขาลูกยักษ์พลันก้าวเข้าไปในความว่างเปล่า พร้อมเหวี่ยงค้อนยักษ์และแผดเสียงคำราม
เพียงชั่วอึดใจ สายรุ้งอันน่าตกตะลึงสองสายพลันพุ่งหายเข้าไปในหมู่เมฆ …ทั้งสองได้เข้าสู่การต่อสู้ในท้องนภา!
สายลมแรงกระโชกส่งเสียงหวีดหวิว ฟ้าแลบฟ้าร้องปั่นป่วน นิมิตทั้งหลายปรากฏขึ้นในท้องนภา ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด จนภาพอันน่ากลัวนานาชนิดปรากฏขึ้น
ทุกคนในเมืองนกนางแอ่นแดงต่างตกตะลึง พวกเขาล้วนตื่นกลัว และตื่นตากับภาพที่เห็น คิดในใจว่านี่คือการปะทะระหว่างเซียนปฐพีอย่างนั้นหรือ? ระดับการเผชิญหน้านี้น่าสะพรึงเกินไปแล้ว มันสามารถทำลายขุนเขาได้อย่างง่ายดาย จนทำให้เมืองราบเป็นหน้ากลองได้เลย!
ทว่าเพราะความผันผวนสีขาวน้ำนมที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากหอคอยยันต์อักขระ สถานที่ที่ทั้งสองต่อสู้จึงถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ จึงมิอาจมองเห็น พวกเขาไม่อาจรับรู้ได้ว่าการเผชิญหน้าอันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นอย่างไรแล้ว
ปัง!
สิ้นเสียงดัง ‘ปัง’ ข้อมือขวาของอสรพิษกระเด็นหลุด และหากหลบไม่ทันเวลา แขนขวาจะต้องแหลกสลายเพราะแรงกระแทกอย่างแน่นอน!
ในขณะนั้น อสรพิษกัดฟันด้วยความเจ็บปวด บังเกิดความหวาดกลัวในใจ เขาคิดว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจ้าเด็กน้อยคนนี้แข็งแกร่งเกินไป แต่ต้องทราบก่อนว่าเขามีสมบัติอมตะในมือ กลับยังไม่สามารถทะลวงหมัดของอีกฝ่ายได้เลย!
“สารเลว! เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ในใจของอสรพิษตอนนี้แตกตื่นในที่สุด ก่อนเอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า ชายหนุ่มผู้ท้าทายสวรรค์อย่างเฉินซีจะต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบ สีหน้าของเขายังคงเย็นชา ร่างเพียงลอยขึ้นในอากาศ ขึ้นสู่ท้องนภาก่อนจะกระแทกลงปฐพี สร้างวังวนพายุสายฟ้ารุนแรงที่หมายบดขยี้เป้าหมายให้แหลกเป็นผุยผง!
ก่อนหน้านี้ เพราะอำนาจของตระกูลหลัว ทำให้ชายหนุ่มอดทนได้สักพักใหญ่ และไม่ลังเลที่จะสูญเสียอย่างใหญ่หลวง จนกระทั่งหยิบกระบี่เซียนออกมาเพื่อคลี่คลายปัญหานี้ แต่ใครจะคาดคิดว่าอสรพิษจะโลภมาก ทำให้เขาเดือดดาลยิ่งนัก
ในเมื่อตอนนี้เริ่มลงมือแล้ว เฉินซีจึงตัดสินใจจะฆ่าจริง ๆ เขาจะมาพูดจาเหลวไหลกับอีกฝ่ายไปทำไม?
ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสามแล้วอย่างไร?
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่ตายด้วยมือของเขามีไม่ต่ำกว่าสิบคน หลายคนแข็งแกร่งกว่าอสรพิษด้วยซ้ำ ดังนั้นเฉินซีจะมาสนใจอีกฝ่ายไปทำไม?!
“เจ้าเด็กน้อย เจ้ารนหาที่ตายแล้ว! หากขัดขืนกลุ่มวิญญาณทมิฬของข้า ย่อมไม่มีใครในโลกช่วยเจ้าได้หรอก”
เมื่อเห็นเฉินซีมีท่าทีเด็ดขาด อสรพิษจึงตกตะลึงและเดือดดาล ทำให้ตะโกนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
พรวด!
สายตาของเฉินซีน่าสะพรึงกลัวยิ่ง ร่างของเขาวูบไหว อึดใจต่อมาชายหนุ่มก็มาถึงหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้า และทันทีที่สิ้นเสียงกร๊อบ แขนขวาของอสรพิษก็ถูกฉีกกระชาก โลหิตไหลหลั่งราวน้ำตก กระเซ็นไปทั่วท้องนภา!
อสรพิษแผดเสียงกรีดร้องน่าขนลุก แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาไม่อยากเชื่อว่าจะถูกเจ้าเด็กน้อยขอบเขตสถิตกายาทำร้าย ทั่วทั้งร่างพลันรู้สึกเย็นเยือก เขาหวาดกลัวว่าตนเองจะถึงแก่ความตาย
ว่าแล้วอสรพิษก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ตัวคนหันหลังและหลบหนีทันที ในใจหมายเพียงจะเอาชีวิตให้รอดก่อน จากนั้นค่อยหาผู้ช่วยเหลือเพื่อมาสังหารเจ้าเด็กน้อยแปลกประหลาดคนนี้
ตู้ม!
แต่เมื่อหันหลัง เขาก็ตกตะลึงที่พบว่า วังวนพายุสายฟ้าลูกใหญ่ได้พุ่งออกมาจากความว่างเปล่า ราวกับกำลังรอให้เขาเข้าไปติดกับดักอย่างไรอย่างนั้น!