บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 879 วันนี้ที่รอคอย
บทที่ 879 วันนี้ที่รอคอย
บทที่ 879 วันนี้ที่รอคอย
ทัณฑ์สวรรค์…มาเยือน!
เมื่อเมฆลงทัณฑ์สีครามรวมตัวจนถึงขีดสุด ประมุขนิกายเวินหัวถิงและผู้อื่นต่างทราบได้ทันทีว่า ทัณฑ์สวรรค์เซียนปฐพีกำลังมาเยือนเฉินซีแล้ว
ในทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าชั้นของเซียนปฐพี ทุกทัณฑ์สวรรค์ที่ผู้บ่มเพาะประสบจะแตกต่างกันออกไป
เหมือนกับชั้นที่หนึ่งของทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม ที่เป็นบททดสอบแรกในการบรรลุเป็นเซียนปฐพี… ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามนี้เต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามของเต๋าแห่งสวรรค์ ซึ่งแตกต่างจากทัณฑ์สวรรค์ยามก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง รวมถึงทัณฑ์สวรรค์ตอนบรรลุสู่ขอบเขตจุติ
หากเขาข้ามผ่านไปได้ อำนาจทั่วกายจะแปรเปลี่ยนเป็นอำนาจเซียน จิตสัมผัสเทพจะกลายเป็นญาณเทวะอมตะ
หากไม่สามารถข้ามผ่านได้ ชะตาที่รอคอยอยู่คือความตาย!
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ การที่อัสนีสีครามอันคมปลาบได้ฉีกผ่านหมู่เมฆ และฟาดลงไปยังจุดที่เฉินซีอยู่กลางสุญญะ โดยที่ชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อนไปไหน!
ราวกับตัวคนหวาดกลัวจนกลายเป็นหุ่นเชิดดินเหนียว ไม่มีสัญญาณการต่อสู้ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว
ผู้อาวุโสเฉินซี…ทำแบบนี้เพื่ออะไร?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างน่าประหลาดใจ ม่านตาของศิษย์ทุกคนจากยอดเขาจรัสตะวันตกพลันหดตัว ต่างเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ เพราะนี่คือทัณฑ์สวรรค์ บททดสอบที่โหดเหี้ยมที่สุดจากสวรรค์เชียวนะ!
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น หัวใจของเวินหัวถิงและผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่น ๆ เองก็แทบกระโจนออกมา พวกเขาไม่ทราบว่ามียาดีใดอยู่ในขวดน้ำเต้าของเฉินซี แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ทำไมยังทำตัวเฉยชาได้อีก!?
ตู้ม!
อันที่จริง… มาพูดตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ในไม่ช้า ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามก็ฟาดลงมา สายฟ้าเจิดจ้าแผ่กลิ่นอายแห่งความสิ้นหวังและความหดหู่ที่ทำให้ผู้คนใจสั่น ซึ่งพอสิ้นเสียง ‘ตู้ม’ มันก็ได้ฟาดลงมาที่ร่างของเฉินซี!
ในยามนี้ ศิษย์ส่วนใหญ่หน้าซีดเซียว พวกเขาไม่อาจทนดูได้อีก
มีเพียงประมุขนิกายเวินหัวถิงและผู้อาวุโสบางส่วนที่ทราบดีว่า สายฟ้าสีครามไม่ได้แตะต้องร่างของเฉินซี ด้วยรอบผิวกายของเขามีวังวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และพวกมันกำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับวาฬยักษ์ดูดกลืนน้ำเข้าไป ทำให้อัสนีครามถูกกลืนกินเข้าไปจนไม่มีเหลือ!
กลืนกินทัณฑ์สวรรค์เข้าไป!
เพียงชั่วพริบตา ประมุขนิกายเวินหัวถิงและคนอื่นต่างตกตะลึง ในใจเต็มไปด้วยความคิดวุ่นวาย เนื่องจากไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเฉินซีจะใช้วิธีเช่นนี้…
ในอดีต เรื่องเช่นนี้ไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดกล้าจินตนาการถึงด้วยซ้ำ
เพราะถึงอย่างไร สิ่งนี้ก็คือทัณฑ์จากสวรรค์ เป็นตัวแทนพลังอันแก่กล้าของเต๋าแห่งสวรรค์ซึ่งโหดเหี้ยมที่สุด ดังนั้นใครบ้างจะกล้าใช้ร่างที่บ่มเพาะเพื่อกลืนกินทัณฑ์สายฟ้าเข้าไป?
แต่ช่างบังเอิญ เมื่อเฉินซีทำเช่นนี้ กลับไร้ซึ่งภัยใดเกิดขึ้นกับชายหนุ่ม! เหมือนกับการดื่มสุราหรือชาดีหนึ่งจอก ทั่วกายผ่อนคลายสบายตัว ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ประหลาดยิ่งนัก!
บรรดาผู้อาวุโสทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต่างเผยสีหน้าแปลกประหลาด พวกเขามองร่างของเฉินซีที่อยู่กลางอากาศ เหมือนกับกำลังจ้องสัตว์ประหลาดที่ลึกล้ำเกินหยั่งถึง
“ช่างเป็นพลังที่ไม่เหมือนใคร…”
เฉินซียืนตัวตรงกลางนภา ชุดของเขาพลิ้วไหว เส้นผมยาวลู่ไปตามลม มีสายฟ้าสีครามเส้นบางราวกับเส้นผมเคลื่อนไปมารอบกาย ไล้ไปตามแขนขาและกระดูก ผ่านเส้นลมปราณและจุดชีพจร ซึ่งไม่ว่าจะผ่านที่ใด มันก็จะกระตุ้นมัดกล้ามและกระดูก ให้ความรู้สึกสั่นสะท้านราวกับเข็มที่ทิ่มเยื่อหุ้มผิวหนัง
แต่มันไม่ใช่ความเจ็บปวด อีกทั้งมันก็ไม่ได้มากพอที่จะทำลายเส้นลมปราณในร่างกายได้ เพราะกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในนั้นได้ถูกลดทอนลงมากแล้ว
เฉินซีสังเกตเห็นทันทีว่า หลังจากแดนฮุ่นตุ้นของเขากลืนกินทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามเข้าไป มันก็เริ่มหดลงทีละชั้น ก่อนรวมตัวเข้าด้วยกัน
แดนฮุ่นตุ้นที่เดิมกว้างใหญ่ งดงามและศักดิ์สิทธิ์ และเต็มไปด้วยแสงสว่างสีทองของพลังธรรมเทพ ถึงกับมีแนวโน้มที่จะกลับคืนสู่สภาพโกลาหล…
ครืนนน!
หมู่เมฆสีครามแห่งทัณฑ์สวรรค์คล้ายกับเดือดดาล มันกระสับกระส่าย สวรรค์ทั้งเก้าก่อเกิดสายฟ้า สั่งสมจนเกิดเป็นทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามอีกครั้ง
สายฟ้าลงทัณฑ์นี้น่าสะพรึงยิ่งกว่าเก่า มันหนาราวกับเสา ร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง และเต็มไปด้วยพลังกฎเกณฑ์เลือนรางนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะยังไม่ถึงตัว แต่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนั้นได้แปรเปลี่ยนสีสันของโลกไป ฝุ่นทรายปลิวว่อน พายุหมุนส่งเสียงคำราม
ศิษย์บางส่วนที่มีขั้นพลังอ่อนแอต่างตกตะลึงกับกลิ่นอายของสายฟ้าลงทัณฑ์ในครานี้!
ในยามนี้ เฉินซีไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านอีกต่อไป เขาเงยหน้ามองท้องนภา ในสายตาเผยสุริยัน จันทรา และดวงดาวที่กำลังโคจรไปมา ก่อนที่ทั่วทั้งร่างจะระเบิดแสงจ้าออกมา!
หากสังเกตจากไกล ๆ จะได้ยินเสียงของวิถีดังขึ้นรอบข้าง มหาวิถีจำนวนมากกลายเป็นวงแหวนเซียนรอบกาย ราวกับเขากลายเป็นจักรพรรดิในวิถียันต์อักขระ ผู้เย่อหยิ่งทรงพลังและดูแคลนโลกหล้า!
ตู้ม!
ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามครั้งที่สอง ราวกับหอกสังหารโลกที่มาจากทวยเทพแห่งสวรรค์ มันเต็มไปด้วยอำนาจทำลายล้าง และพลังสังหาร!
“ดี!”
เฉินซีเผยยิ้ม ก่อนที่เสียงกู่ร้องยาวราวมังกรขับขานพยัคฆ์คำรามจะสั่นสะเทือนไปทั่ว …แทนที่จะถอย เขากลับทะยานไปข้างหน้า ตัวคนราวกับเดินอยู่ในอากาศ เอื้อมมือคว้าจับเอาไว้ ก่อนที่อักขระลึกลับนับไม่ถ้วนจะระเบิดออกมา!
โครม! โครม! โครม!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง แสงสว่างไร้ที่สิ้นสุดระเบิดออกมา ทำให้โลกปกคลุมด้วยแสงสว่างเจิดจ้าร้อนแรง ทิ่มแทงดวงตาของทุกคนจนเกิดความเจ็บปวดสุดแสน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก
ในตอนนี้ ราวกับทวยเทพกำลังเผชิญหน้ากัน ทั่วทั้งสวรรค์และโลกล้วนเต็มไปด้วยเสียงคำรามที่ทำให้แก้วหูแทบฉีกขาด แรงระเบิดอันน่าสะพรึงทำให้วิญญาณแทบแตกสลาย
“พลังของทัณฑ์สวรรค์นี้น่ากลัวยิ่ง ตอนที่ศิษย์พี่หลิ่วผู้มากพรสวรรค์ที่สุดก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ เขายังไม่เคยมาถึงจุดนี้มาก่อน” ผู้อาวุโสเลี่ยเผิงกล่าวด้วยความตกตะลึง
สำหรับผู้บ่มเพาะธรรมดาผู้เลื่อนขั้นสู่ขอบเขตเซียนปฐพี ทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม จะส่งสายฟ้าลงทัณฑ์ออกมาสี่ครั้ง หากพรสวรรค์สูงส่งกว่าเล็กน้อย สายฟ้าลงทัณฑ์ก็จะมีถึงหกสาย ส่วนตัวตนไร้เทียมทานเหล่านั้นที่มีพรสวรรค์ยิ่ง สายฟ้าลงทัณฑ์ก็จะส่งกระหน่ำลงมาถึงเก้าครั้ง!
ทว่านี่เป็นเพียงจำนวนเท่านั้น หากเป็นพลังละก็ ความแตกต่างก็จะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
เท่าที่เลี่ยเผิงทราบ ทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามที่เฉินซีกำลังเผชิญในครั้งนี้เพิ่งจะมาถึงครั้งที่สองเท่านั้น แต่พลังทำลายของมันกลับเทียบเท่ากับสายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่สี่ของวิปลาสหลิ่วในตอนนั้นแล้ว!
ตอนที่เลี่ยเผิงเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม เขาเพียงถูกสายฟ้าลงทัณฑ์หกครั้งเท่านั้น และพลังทำลายล้างก็เทียบกับสายฟ้าลงทัณฑ์ของเฉินซีไม่ติดเลย
แบบนี้จะไม่ให้เขาตกตะลึงได้อย่างไร?
ไม่เพียงแค่เลี่ยเผิงเท่านั้น เวินหัวถิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน เพราะพวกเขาล้วนคิดเหมือนกับเลี่ยเผิง และรับรู้ถึงความน่าสะพรึงของสายฟ้าลงทัณฑ์ที่เฉินซีกำลังเผชิญอยู่!
ส่วนศิษย์คนอื่น ๆ …ไม่ได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนี้แม้แต่น้อย ต่างคนต่างยืนตะลึงแข็งทื่อกับเหตุการณ์อันน่าสะพรึงนี้ ร่างกายจึงเสียการควบคุมไป ส่วนการที่พวกเขาจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป!
ครืนนน!
ระหว่างสวรรค์และโลก กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างปกคลุม ทั่วหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ และยิ่งรุนแรงทวีคูณ ราวกับทวยเทพผู้เกรี้ยวกราดต้องการที่จะระบายโทสะ จนกลิ่นอายอันน่าสะพรึงนี้ปกคลุมทั่วรัศมีหนึ่งล้านลี้โดยรอบ!
ภูเขาพังทลาย ต้นไม้โค่นล้ม ปฐพีแตกร้าว สรรพสัตว์หลบหนีด้วยความแตกตื่น ราวกับจุดจบกำลังมาเยือน ทำให้ทุกสิ่งดูน่าหวาดกลัวยิ่ง
ณ ใจกลางของทัณฑ์สวรรค์ ทั่วทั้งร่างเฉินซีส่องแสง และด้วยมือเปล่า เขาพลันหันหน้าไปทางสายฟ้าลงทัณฑ์ ร่างเหมือนกับหอก กระดูกสันหลังตั้งเหยียดตรง มือไขว่คว้าดาราจักร เผยอำนาจราวกับเทพสงครามผู้อยากทำลายล้างสวรรค์ทั้งเก้า ดูทรงพลังและไร้เทียมทานยิ่ง!
สายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่สามพังทลายลงด้วยประการฉะนี้!
สายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่สี่เองก็เช่นกัน!!!
…
พลังของสายฟ้าลงทัณฑ์ยิ่งถาโถมยิ่งน่ากลัว แต่มันกลับไม่สามารถหยุดยั้งฝีเท้าของชายหนุ่มได้เลย พวกมันแตกสลายต่อหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ร่างกายได้รับการเสริมพลัง จิตใจได้รับการขัดเกลา จิตวิญญาณได้รับการยกระดับ ช่วยให้พลังเพิ่มพูน!
ท่วงท่าไร้เทียมทานดังกล่าวทำให้ประมุขนิกายเวินหัวถิงและคนอื่น ๆ ตกตะลึง หัวใจแทบหลุดออกจากอก!
หากไม่พึ่งพาพลังภายนอกหรือสมบัติวิเศษ และใช้เพียงพละกำลังของตัวเองจะสามารถต่อต้านทัณฑ์สวรรค์ได้เช่นนี้เชียวหรือ? ทว่าจะมีกี่คนกัน… ที่สามารถครอบครองการบ่มเพาะอันสูงส่งเช่นนี้ได้?
ในตอนนั้น ชิงซิ่วอี้เอาชนะทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าได้ จึงสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก และได้รับชื่อเสียงอันยอดเยี่ยมตราบนิรันดร์!
แต่นั่นมันคือสถานการณ์ในตอนนั้น!
ยามนั้น เวินหัวถิงโชคดีพอที่จะได้เป็นสักขีพยานกับการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ของชิงซิ่วอี้ เขาจึงจดจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่หญิงสาวก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์อัสนีคราม พลังของสายฟ้าลงทัณฑ์ที่นางต้องเผชิญไม่อาจเทียบชั้นกับเฉินซีได้!
นี่ไม่ได้หมายความว่าชิงซิ่วอี้ด้อยกว่าเฉินซี ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ก้าวหน้าในชั่วข้ามคืน จากเซียนปฐพีระดับหนึ่ง …เป็นเซียนปฐพีระดับเก้า ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน!
ด้วยวิธีเดียวกัน ถึงแม้เฉินซีจะกำลังขึ้นสู่เซียนปฐพีระดับหนึ่ง ทว่าสายฟ้าลงทัณฑ์ที่ชายหนุ่มเผชิญ กลับทรงพลังและน่าสะพรึงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนไม่มีใครอาจเทียบเคียงได้เช่นกัน!
บางที คนทั้งสองนี้อาจนับเป็นคู่แท้ฟ้าประทานก็เป็นได้!
เวินหัวถิงถึงขั้นสงสัยว่า ถ้าเฉินซีกับชิงซิ่วอี้สลับตำแหน่งกัน ชายหนุ่มอาจสามารถก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าในชั่วข้ามคืน และหากชิงซิ่วอี้เผชิญหน้ากับสายฟ้าลงทัณฑ์ของเฉินซีด้วยเหตุผลเดียวกัน นางก็อาจจะสามารถสำแดงพลังไร้เทียมทานได้เช่นกัน!
“ครั้งที่แปด!”
ทันใดนั้น มีเสียงตกตะลึงดังอยู่ใกล้เคียง ทำให้เวินหัวถิงตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิด เขาเงยหน้าขึ้นไป และพบว่าเหนือท้องนภา มีทัณฑ์สวรรค์อัสนีครามจำนวนมากกำลังบรรจบกัน เคลื่อนไหวไปด้วยกัน เหมือนกับทะเลสีครามที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!
ส่วนเฉินซีที่ยืนอยู่กลางอากาศ ทั่วทั้งร่างยิ่งเกรี้ยวกราด ราวกับกระบี่ที่ซ่อนอยู่ในหุบเหวกำลังสาดแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างกะพริบตา สายฟ้าเย็นเยือกแผ่ออกมา!
ชายหนุ่มไม่ได้ดูเศร้าสร้อยหรือสุขใจ ไม่หวาดหวั่นกลัวเกรง สงบเสงี่ยม มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงร้อนแรงราวกับหินหลอมเหลว
นี่คือสีหน้าของผู้ที่มั่นใจในอำนาจของตัวเอง!
นี่คือความหนักแน่นในวิถีของตัวเอง
นี่คือวิถีที่มุ่งหมายทำลายพันธนาการแห่งสวรรค์ ปรารถนาที่จะตัดขาดขวากหนามทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้า!
ไม่มีใครรู้ว่า เฉินซีกำลังรอคอยวันนี้มานานเท่าไร ก่อนหน้านั้น พละกำลังของเขาได้ทะยานสู่ขีดจำกัดแล้ว และถ้าไม่ใช่เพราะตัวเขาเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ …เมื่อหนึ่งปีก่อน ชายหนุ่มคงเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ และบรรลุสู่ขอบเขตเซียนปฐพีไปแล้ว
ตอนนี้ ภายใต้การเสริมส่งของพลังธรรมเทพ ในที่สุดเขาก็สามารถเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ได้ แล้วเฉินซีจะไม่ยินดีได้อย่างไร?
เขาสำแดงสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกมาอย่างผ่าเผย หมัดมหาทำลายล้าง เคล็ดกระบี่สรรค์สร้าง ฝ่ามือหมื่นคลื่นใต้พิภพ เคล็ดธรรมเทพไร้ขอบเขต …สิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้กับทั้งสามภพได้ถูกปลดปล่อยออกมาในครานี้!
และในยามนี้เอง สายฟ้าลงทัณฑ์ครั้งที่แปดกำลังจะมา
ทว่าสีหน้าของชายหนุ่มยังคงสงบ ราวกับสายฟ้าลงทัณฑ์ก่อนหน้าเป็นเพียงสายลมพัดผ่านผิวหน้า เขาถึงขั้นมีเวลาเงยหน้ามองท้องนภา แล้วยกขวดน้ำเต้าสุราขึ้นดื่มอย่างไร้ความกลัวเกรง!
วิ้ง!
อึดใจต่อมา โดยไม่รอให้สายฟ้าลงทัณฑ์มาถึงตัว ชายหนุ่มพลันชิงลงมือก่อน ส่งยันต์ศัสตราข้ามผ่านท้องนภา ฟาดฟันปราณกระบี่ออกไป!