บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 924 ทะลวงข้อจำกัดทั้งสิบแปดชั้นในคราวเดียว
ทที่ 924 ทะลวงข้อจำกัดทั้งสิบแปดชั้นในคราวเดียว
บทที่ 924 ทะลวงข้อจำกัดทั้งสิบแปดชั้นในคราวเดียว
แสงแดดส่องผ่านท้องฟ้า ย้อมหมู่เมฆและมวลหมอกเป็นสีแดงดั่งเปลวเพลิง
ณ ด้านหน้าประตูทางเข้าของนิกายวิถีกระแสสวรรค์
ร่างสูงของเฉินซีก้าวเดินไปข้างหน้า เส้นผมที่ปล่อยลงมา และอาภรณ์สีเขียวของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลม ในขณะที่เผยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามจากท่าทางที่เงียบสงบและลึกล้ำดุจหุบเหว
“การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น!” มีคนกล่าวเบา ๆ จากด้านนอกประตูทางเข้า และกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
“การเดิมพันยังไม่ปรากฏผู้แพ้ชนะ แต่เขากำลังบุกเข้าไปในนิกายวิถีกระแสสวรรค์หรือ?” ทุกคนต่างตกตะลึง ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปทางด้านหลังของประตูทางเข้าอย่างแน่วแน่ ด้วยกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็กน้อยไป
“หยุดมันซะ!”
“เร็วเข้า! รีบโจมตีมันพร้อมกัน!”
ณ ด้านหลังประตูทางเข้า เหล่าศิษย์ต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทุกทิศทางราวกับกระแสน้ำ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงพุ่งตัวออกมาทันทีที่เฉินซีปรากฏตัว
สมบัติวิเศษต่างส่งเสียงหวีดหวิว!
ศาสตร์เต๋าถูกซัดสาดอย่างดุเดือด!
ทันใดนั้น บริเวณด้านหลังประตูทางเข้าก็เต็มไปด้วยคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง หยินและหยางถูกพัดพาเข้าสู่ความโกลาหล ท้องฟ้าแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ
เฉินซีหาได้สนใจเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ มือของเขาไพล่อยู่ด้านหลัง ขณะที่ก้าวขึ้นภูเขาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน และไม่ได้แสดงเจตนาที่จะโจมตี
อย่างไรก็ตาม ในทุกย่างก้าวที่เขาเดิน ไม่ว่าจะสมบัติวิเศษ ศาสตร์เต๋า หรือพลังอิทธิฤทธิ์ที่โจมตีเข้ามา พวกมันราวกับถูกควบคุมโดยสนามพลังที่มองไม่เห็น และทันใดนั้น พวกมันก็ย้อนกลับไปสู่ที่ที่พวกมันจากมา
ฟู่! ฟู่! ฟู่!
เสียงของการทำลายล้างดังก้องออกมา ในขณะที่โลหิตหลั่งไหลลงมาราวกับน้ำตก และแขนขาขาดกระเด็นออกไปทั่วทุกทิศทาง ในชั่วพริบตา เหล่าศิษย์นิกายวิถีกระแสสวรรค์ที่พุ่งเข้าใส่เขา …ล้วนถูกบดขยี้จนหมดสิ้น!
เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพชเริ่มดังก้องไปในท้องฟ้า ในขณะที่เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้นในอากาศ
นิกายวิถีกระแสสวรรค์ดูจะกลายเป็นนรกบนดินที่เจิ่งนองไปด้วยโลหิต ศิษย์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าต่างบุกโจมตีอย่างกล้าหาญ ทว่าพวกเขากลับไม่ทันตั้งตัวและล้มตายอย่างฉับพลัน ทำให้โลหิตหลั่งไหลเป็นลำธาร ย้อมพื้นจนกลายเป็นสีแดงฉานอย่างน่าสะพรึง
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่ได้เหลือบมองไปรอบ ๆ แม้แต่น้อย และเขายังคงเดินขึ้นภูเขาโดยเอามือไพล่หลังไว้ อาภรณ์สีเขียวของชายหนุ่มยังคงสะอาดหมดจด และไม่แปดเปื้อนโลหิตเลยแม้แต่น้อย
แต่ทุกที่ที่เขาผ่านไป เฉินซีได้ทิ้งกองศพที่เหมือนภูเขาเปื้อนโลหิตไว้เบื้องหลังมากมาย!
นี่เป็นฉากที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
โลหิตที่เจิ่งนอง การฆ่าฟันที่ดุเดือด เสียงโหยหวนด้วยความโกรธแค้น และเสียงร้องโหยหวนก่อนหมดลมหายใจ มันเหมือนกับฉากที่น่าสยดสยองในขุมนรก แต่มันกลับดูจะไม่เกี่ยวข้องกับเฉินซีเลยแม้แต่น้อย
เขาเดินฝ่าสายฝนโลหิต และเดินท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ทั้งตัวของเขาสะอาดเรียบร้อย และไม่แปดเปื้อนด้วยฝุ่นหรือโลหิตแม้แต่น้อย
ฟู่!
ที่ด้านนอกประตูทางเข้า เหล่าผู้บ่มเพาะที่เห็นเหตุการณ์นี้ราง ๆ ต่างก็รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่ร่างกายของพวกเขารู้สึกหนาวเย็น ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง และวิญญาณของพวกเขาแทบจะหลุดออกจากร่าง
ตามตำนานในยุคบรรพกาล มีพุทธองค์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีมหาปณิธานที่ต้องการล้างบาปของยมโลก ดังนั้นเขาจึงเดินด้วยเท้าเปล่าและสวมจีวรที่ทำจากผ้ากระสอบ ปีนขึ้นไปบนภูเขาซากศพ ข้ามทะเลโลหิต และดูราวกำลังเดินอยู่บนเส้นทางของมหาเต๋า โดยท่าทางยังคงสงบนิ่งและสำรวม ราวกับมองว่านรกเป็นเพียงสิ่งที่ว่างเปล่า เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ไม่สามารถทำให้เขาแปดเปื้อนได้
ภาพตรงหน้าของพวกเขาช่างเหมือนกับตำนานนั้นเสียเหลือเกิน!
ฟิ้ว!
สายฝนสีทองโปรยปราย และดังกึกก้องเหมือนกระแสน้ำที่ซัดสาด ก่อนที่ปราณทองคำที่ปกคลุมท้องฟ้าจะลอยขึ้น และบังเกิดเป็นกลิ่นอายน่าเกรงขามดุจขุนเขา ซึ่งถาโถมเข้าใส่เฉินซีอย่างดุดัน!
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ได้เคลื่อนไหวแล้ว!
เฉินซีดูราวกับไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ และยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ตู้ม!
สายฝนสีทองที่ปกคลุมท้องฟ้าพลันแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปยังที่ที่มันจากมา และไม่สามารถขัดขวางฝีเท้าของชายหนุ่มได้เลย
“หยุดอาละวาด และเลิกทำเรื่องไร้ยางอายได้แล้ว!” เสียงตะโกนดังขึ้น ก่อนที่ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาจะปรากฏตัวขึ้น ซึ่งก็เป็นชายวัยกลางคนผู้นี้เองที่พยายามขัดขวางเฉินซีก่อนหน้านี้
ท่าทางของชายหนุ่มนั้นสงบนิ่ง ในตอนนี้ พิธีกำลังจะจัดขึ้น แต่คนผู้นี้จงใจขัดขวางเขา ดังนั้นคนผู้นี้จึงมีเจตนาไม่ดีอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนไม่ต้องการให้เฉินซีเข้าสู่โถงมหาวีรชนในช่วงเวลาวิกฤตนี้
“ไสหัวไปซะ!” เพียงคำเดียวก็ดูเหมือนการพิพากษาจากสวรรค์ และมันเผยให้เห็นถึงจิตสังหารที่ไร้ขอบเขต แม้ว่ารูปร่างของเฉินซีจะสงบนิ่งและไม่แยแส แต่เขาได้แผ่กลิ่นอายกดดันซึ่งสะกดใต้หล้า คล้ายว่าชายหนุ่มมีอำนาจควบคุมฟ้าดินออกไป
“พ่อหนุ่ม จงระงับความโกรธของเจ้าซะ งานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะนำความสุขมาสู่ทุกผู้คน แต่ในเมื่อจิตสังหารของเจ้านั้นรุนแรงมาก เหตุใดถึงไม่อยู่เงียบ ๆ สักครู่เล่า? มันคงไม่สายเกินไปที่จะขึ้นสู่ภูเขา หลังจากจิตสังหารของเจ้าได้สลายไปแล้ว”
ขณะที่กล่าว ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาก็ดึงระฆังสัมฤทธิ์ที่เปล่งแสงสีทองออกมา มันเหมือนกับภูเขาที่วางขวางทาง ขัดขวางเฉินซีไว้!
“เจ้าปล่อยให้เหล่าศิษย์ผู้บริสุทธิ์ในนิกายของเจ้าต้องล้มตาย เพียงเพราะความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของเจ้า แล้วเจ้ายังมีสิทธิ์กล่าวถึงจิตสังหารกับข้าอีกหรือ?” ขณะที่กล่าว ชายหนุ่มได้ใช้นิ้ววาดกระบี่ และฟันลงไปอย่างเด็ดขาด ราวกับว่าเขาไม่อยากเสียเวลาแม้แต่น้อย
เคร้ง!
ปราณกระบี่ที่กว้างใหญ่และเจิดจรัสพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันพวยพุ่งด้วยรัศมีแห่งสวรรค์และเฉียบคม ยิ่งกว่านั้น ผังอักขระยันต์จำนวนมากมายต่างวูบวาบอยู่ภายในนั้น ซึ่งพวกมันต่างประสานกันเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และกฎของฟ้าดิน
“หืม?”
สีหน้าของชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาเป็นผู้อาวุโสฝ่ายในของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ และครอบครองการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปด กอปรกับพลังฝีมือของเขานั้นแกร่งกล้ากว่าคนรอบตัวเป็นอย่างมาก เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาคงไม่ถูกส่งตัวให้มาเฝ้าคุ้มกันประตูทางเข้าในวันนี้
เดิมทีเขาคิดว่า แม้เฉินซีจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ตนคงสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการขัดขวางเฉินซีไว้ที่นี่เป็นระยะเวลาหนึ่งได้อย่างไม่ยากนัก
แต่ปราณกระบี่ที่เฉินซีซัดออกมาอย่างไม่ใส่ใจในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกถึงพลังทำลายล้างที่พุ่งตรงเข้าสู่ดวงวิญญาณ และทำให้ดวงจิตแห่งเต๋าของชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาเกือบเสียสมดุล
ชายวัยกลางคนจึงถ่ายเทปราณเซียนทั้งหมดในร่างลงในระฆังสัมฤทธิ์ตามสัญชาตญาณ จากนั้นคลื่นพลังที่ปั่นป่วนอย่างรุนแรงก็พัดโหมออกมาจากภายในระฆัง ทุกที่ที่มันผ่านไป ท้องฟ้าจะพังทลายและภูเขาจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งอานุภาพของมันนั้นไร้ขอบเขต
ตู้ม!
ท่ามกลางเสียงคำรามของกระบี่ที่สั่นสะเทือนท้องฟ้า ปราณกระบี่ของเฉินซีได้ทะลวงผ่านคลื่นพลังที่กว้างใหญ่ ราวกับมันกำลังกวาดใบไม้แห้งที่ร่วงหล่น สิ่งนี้จึงเกินความคาดหมายของชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีเทาเป็นอย่างมาก ทำให้เขาไม่มีเวลาได้ตอบสนอง ก่อนที่ปราณกระบี่จะฟันลงบนระฆังสัมฤทธิ์อย่างรุนแรง
ตู้ม!
เสียงระฆังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ชายวัยกลางคนเองก็ได้รับผลกระทบจากการปะทะครั้งนี้เช่นกัน อีกฝ่ายกระอักโลหิตออกมาคำโต ในขณะที่ใบหน้าซีดเซียว และร่างกายใกล้จะพังทลาย
“เนื่องจากเจ้าสามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้ เจ้าคงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ น่าเสียดายที่เจ้าช่วยคนชั่วกระทำเรื่องเลวทราม และการแสวงหาเต๋าของเจ้า คงจะต้องหยุดอยู่แค่นี้ไปชั่วนิรันดร์”
ท่ามกลางเสียงที่สงบและไม่แยแส เฉินซีไม่ได้สนใจชายวัยกลางคนเลยสักนิด ก่อนจะก้าวเดินต่อไป
เพราะเขารู้ดีว่า พลังที่แฝงอยู่ในการโจมตีของตัวเองนั้นทรงพลังเพียงใด พลังชีวิตของชายวัยกลางคนได้แตกสลายไปแล้ว และคนผู้นี้กำลังจะตายในไม่ช้า
“สารเลว! เจ้ายังคิดว่าจะไปทันอยู่อีกหรือ? หลังจากผ่านศพข้าไปแล้ว ยังมีข้อจำกัดสวรรค์อีกสิบแปดชั้นที่จะคอยขัดขวางเจ้าอยู่ ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเซียนปฐพีตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้า แม้แต่เซียนสวรรค์ก็ยังติดอยู่ในนั้นจนตาย!” ชายวัยกลางคนล้มลงกับพื้น เขากัดฟันแน่นในขณะที่กล่าวว่า “เมื่อพิธีของใต้เท้าปิงซื่อเทียนและปรามาจารย์ชิงซิ่วอี้สิ้นสุดลง มันคือช่วงเวลาแห่งความตายของเจ้า!”
เฉินซีแหงนหน้าขึ้นมองไปยังภูเขาที่อยู่ห่างไกล แน่นอนว่าเขาสังเกตเห็นข้อจำกัดมากมายที่มีกลิ่นอายคลุมเครือและน่าสะพรึงกลัว ซึ่งค่อย ๆ กระจายไปทั่วทั้งฟ้าดิน
“ดูเหมือนว่าปิงซื่อเทียนจะกังวลว่าข้าจะมาสร้างปัญหาในงานพิธีของมัน? เขายังคงไร้ยางอายเหมือนเมื่อก่อนจริง ๆ…” เฉินซีถอนหายใจเบา ๆ
โครม!
ทันใดนั้น พลังที่ไร้รูปร่างและน่าสะพรึงกลัวก็หลั่งไหลออกมาจากร่างของเฉินซี ปราณเซียนต่างส่งเสียงดังกึกก้อง ในขณะที่ท่วงทำนองแห่งเต๋าล่องลอยออกมา และมวลรัศมีแห่งสวรรค์ได้เปลี่ยนเป็นยันต์อักขระและยันต์เทวะที่หมุนวนอยู่รอบตัวชายหนุ่ม
ในขณะนี้ เฉินซีหยุดปกปิดพลังของเขา เผยอำนาจที่เป็นดุจจักรพรรดิยันต์อักขระผู้ยิ่งใหญ่จ้องมองโลกอย่างดูถูก ซึ่งโลกที่ว่าก็จมสู่ความมืดมิดใต้เงาของเขา!
“แล้วมาดูกันว่าข้อจำกัดพวกนี้จะหยุดฝีเท้าของข้าได้หรือไม่!”
ทันทีที่เสียงของเขาดังก้องออกไป ร่างกายของเฉินซีพลันเปล่งประกาย ในขณะที่ผิวหนังทุกส่วนของเขามีปราณกระบี่แผ่ออก ทำให้ตัวคนสว่างไสวเหมือนดวงอาทิตย์ จากนั้นชายหนุ่มจึงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และพุ่งตรงไปยังข้อจำกัดที่อยู่ตรงหน้า
“ทลายซะ!” ปราณกระบี่จำนวนมากพุ่งออกมาราวกับห่าฝน กระบี่ทุกเล่มในห่าฝนนี้มีอักขระยันต์ของเต๋ารู้แจ้งแห่งการกลืนกิน และพุ่งเข้าสู่ชั้นที่หนึ่งของข้อจำกัดเหมือนฉลามที่ได้กลิ่นโลหิต
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ข้อจำกัดแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ และกลายเป็นเสี้ยวแสงโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ผู้อาวุโสของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังข้อจำกัดไม่มีเวลาแม้แต่จะหลบ ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกปราณกระบี่ที่ไร้ขอบเขตทำลายกำจัดจนไม่เหลือซาก
ฟิ้ว!
ปราณกระบี่ซัดออกไปทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง ขณะที่พวกมันกลืนกินพลังของข้อจำกัดที่แตกสลายเป็นสายฝนแห่งแสง และจากนั้น… ปราณกระบี่ก็เปลี่ยนเป็นยันต์เทวะกลืนกินที่ลึกล้ำอย่างสมบูรณ์ มันมีสีดำสนิท และดูเหมือนหลุมดำในห้วงลึกจักรวาล ก่อนที่มันจะบินกลับเข้าไปในฝ่ามือของเฉินซี
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
ชายวัยกลางคนยังคงไม่กล้าเชื่อว่า เฉินซีจะสามารถทะลวงผ่านข้อจำกัดสวรรค์ชั้นที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาของเขาเอง!
หลังจากนั้น เขาก็ตายลงพร้อมกับความไม่เต็มใจ
ก่อนหน้านี้ ปราณกระบี่ของเฉินซีได้ทำลายพลังชีวิตในร่างกายของเขาไปหมดแล้ว ดังนั้นจิตใจที่กระทบกระเทือนอย่างมาก และความรู้สึกที่แปรปรวนอย่างรุนแรงในขณะนี้ จึงได้คร่าชีวิตของเจ้าตัวไปในทันที
หลังจากนั้น เฉินซีก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป ร่างกายของเขาพลุ่งพล่านราวกับมหาสมุทรแห่งอักขระยันต์ ในขณะที่ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาชั้นข้อกำจัดที่ทับซ้อนกัน
ข้อจำกัดคือค่ายกล ในขณะที่ค่ายกลก็สร้างจากอักขระยันต์ สำหรับเฉินซีที่บรรลุในเต๋าแห่งยันต์อักขระอย่างถ่องแท้แล้ว ข้อจำกัดในภพมนุษย์ทั้งหมดดูจะไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
แม้ว่ามันจะเป็นข้อจำกัดเซียน เขาก็ยังทำลายมันได้อย่างง่ายดาย เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ชายหนุ่มมีสุดยอดพลังอิทธิฤทธิ์ที่สามารถติดสามสิบอันดับแรกของเทียบพลังอิทธิฤทธิ์ทองคำของทั้งสามภพ …เนตรเทวะแห่งความจริง!
การมองผ่านความเป็นจริงและเห็นถึงแก่นแท้ของทุกสิ่งในโลกนั้น เป็นความสามารถเฉพาะตัวของเนตรเทวะแห่งความจริง
ดังนั้นแผนการที่จะใช้ข้อจำกัดเพื่อขัดขวางเฉินซีของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ จึงเป็นความคิดที่ไร้ประโยชน์อย่างยิ่ง
ครืน!
ข้อจำกัดที่น่าสะพรึงกลัวมากมายในนิกายวิถีกระแสสวรรค์ต่างถูกทำลายลง จากนั้นพวกมันก็ระเบิดเป็นสายฝนแห่งแสงที่กระจัดกระจายไปทั่วฟ้าดิน
หากมีใครมองลงมาจากท้องฟ้า จะมองเห็นเหมือนกับภูเขาไฟปะทุขึ้นในนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ฟ้าดินต่างสั่นสะท้าน ขณะที่คลื่นทำลายล้างได้กวาดเอาทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง บดขยี้ภูเขาไปมากมาย ทะเลสาบที่กว้างก็ระเหยจนแห้งเหือด และเกิดเป็นรอยแยกน่าสะพรึงอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ผู้อาวุโสและศิษย์เหล่านั้นที่ยืนอยู่ด้านหลังข้อจำกัดไม่มีโอกาสแม้แต่จะโต้ตอบ ก่อนที่พวกเขาจะถูกกระแสน้ำแห่งการทำลายล้างพัดพาหายไป และเสียชีวิตลง ณ ที่แห่งนั้น
เหตุการณ์นี้น่ากลัวเกินไป!
ถึงขนาดที่ผู้คนในเมืองสุริยศารทที่ห่างออกไปไกลแสนไกล ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งซัดผ่านท้องฟ้าและผืนดิน
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจและตื่นตระหนกไปทั่วทั้งเมือง จิตสัมผัสเทพและญาณเทวะอมตะนับไม่ถ้วนได้กวาดไปยังนิกายวิถีกระแสสวรรค์ในทันที
มีเพียงความคิดเดียวปรากฏขึ้นในใจของทุกคน
“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเฉินซีจะได้ต่อสู้กับปิงซื่อเทียนแล้ว?”
ในขณะนี้ เสียงกู่ร้องดังก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน
“ข้อจำกัดสวรรค์ทั้งสิบแปดชั้นช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ๆ! ปิงซื่อเทียน เจ้ายังมีลูกเล่นอะไรอีก? จงใช้มันออกมาได้ตามสบายเลย!”
เสียงนี้เหมือนเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของเทพอสูร และเหมือนเสียงฟ้าร้องที่เกรี้ยวกราด มันดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ ซึ่งแทบจะทำให้แก้วหูของผู้ได้ยินมันแตกกระจาย และแม้แต่วิญญาณก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงโดยไม่มีที่สิ้นสุด
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึงและหน้าซีดโดยพร้อมเพรียงกัน!