บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 976 หมู่เกาะหมื่นดารา
บทที่ 976 หมู่เกาะหมื่นดารา
บทที่ 976 หมู่เกาะหมื่นดารา
เฉินซีย่อมเข้าใจว่าเหริ่นฉางเฟิงหมายถึงสิ่งใด
หากกล่าวโดยเปรียบเทียบ หวังเยี่ยนเสียชีวิตอย่างอนาถด้วยน้ำมือของทังอวิ๋น ในขณะที่ทังอวิ๋นเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเฉินซี ส่วนเหริ่นฉางเฟิงก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากการติดพิษที่ไม่อาจขจัดได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนสมบัติอย่างโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ หรือม้วนไม้ไผ่ที่จารึกคัมภีร์พระสูตรปัดเป่าภัยพิบัติ สมบัติทั้งสองจะต้องตกไปอยู่ในมือของเฉินซีและเป้ยหลิงอย่างแน่นอน
นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และนั่นคือเหตุผลที่เหริ่นฉางเฟิงถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่บอกว่ามันเป็นชะตาลิขิต
เขาวางแผนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเช่นนั้น หากไม่ใช่ชะตาฟ้าลิขิต แล้วมันคือสิ่งใด?
เฉินซีไม่กล้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาก้าวตรงไปข้างหน้าและตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเหริ่นฉางเฟิงอย่างระมัดระวัง จากนั้นชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
พิษชนิดนี้ขจัดยากอย่างแท้จริง มันไม่เพียงแพร่กระจายไปทั่วร่างเท่านั้น แต่ยังแทรกซึมถึงดวงวิญญาณอีกด้วย ดังนั้นหากไม่มียาแก้พิษก็ไม่มีทางขจัดมันด้วยวิธีอื่นได้
ยิ่งกว่านั้น ยาพิษชนิดนี้รุนแรงมาก ทุกที่ที่มันแล่นผ่านไป พลังชีวิตก็จะเหือดแห้ง ทำให้มันทรงพลังอย่างมาก และถ้าเฉินซีไม่สามารถช่วยเหริ่นฉางเฟิงได้ ในไม่ช้าเหริ่นฉางเฟิงจะต้องสิ้นชีพโดยไม่ต้องสงสัย
“นี่คือผงกาฬนภาใต้พิภพ มันเป็นยาพิษสูตรลับของนิกายลำธารโลหิต ตามตำนานกล่าวว่า มันกลั่นมาจากดอกปีศาจมันดาลาที่อยู่ใต้ธารโลหิตยมโลก รวมกับปราณชั่วร้ายของซากศพโบราณ เพียงแค่เศษเสี้ยวของมันก็สามารถพรากชีวิตของเซียนสวรรค์ได้ และมีเพียงผู้บรรลุขอบเขตเซียนลึกลับหรือสูงกว่านั้น จึงจะสามารถต้านทานยาพิษนี้ได้” เป้ยหลิงกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบาจากทางด้านข้าง “ยาพิษชนิดนี้หายากมาก และมีเพียงไม่กี่คนในนิกายลำธารโลหิตที่ครอบครองมัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเขา”
“เนื่องจากยาพิษมาจากทังอวิ๋น บางทีเขาอาจมียาแก้พิษอยู่ในมือ ดังนั้นข้าจะลองไปตรวจสอบดูก่อน” เฉินซีขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงตรงไปที่ศพของทังอวิ๋น และค้นหามันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะในที่สุด เพราะนอกจากผลึกใต้พิภพและวัตถุวิญญาณแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นที่เป็นประโยชน์ในคลังสมบัติวิเศษของคนผู้นี้เลย
“ขอบคุณเจ้าทั้งสอง แต่นี่คือโชคชะตาของข้า!” เหริ่นฉางเฟิงพยายามที่จะยืนขึ้น ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ ในขณะที่แววตาของเจ้าตัวดูขุ่นมัวไร้ชีวิตชีวา เขาหอบหายใจถี่เร็ว ก่อนที่จะกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว หากพวกเจ้าต้องการไปให้ถึงอีกฟากหนึ่งของทะเลทุกข์ ก็จงฟังคำพูดของข้าให้ขึ้นใจ”
“ทะเลทุกข์แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิยมโลกได้ต่อสู้กับเหล่าทวยเทพเมื่อหลายปีก่อน มันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และมีพื้นที่หวงห้ามมากมายอยู่ภายในนั้น เจ้าทั้งคู่ต้องจดจำเส้นทางที่ข้าบอกให้ดี เพราะการก้าวผิดเพียงครั้งเดียวจะทำให้ทุกสิ่งที่ตามมาผิดพลาดทั้งหมด และทุกย่างก้าวก็จะเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ดังนั้นเจ้ามิอาจเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า มิฉะนั้น แม้แต่เซียนทองคำก็ยังสูญหายไปในทะเลแห่งนี้…”
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของเหริ่นฉางเฟิงก็เบาลงเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเบาลงจนไม่สามารถได้ยินได้…
“เขาจากไปแล้ว” เป้ยหลิงกล่าวจากด้านข้าง
“ฝังเขาเถอะ” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว
เหริ่นฉางเฟิงไม่ลืมที่จะบอกเส้นทางที่จะไปถึงอีกฝั่งของทะเลทุกข์ ก่อนที่จะเสียชีวิต เขาเป็นคนที่รักษาคำพูดและสมควรได้รับความเคารพจากเฉินซี
เฉินซีลงมือเผาเหริ่นฉางเฟิงและหวังเยี่ยนทันที ก่อนที่จะผนึกอัฐิของพวกเขาไว้ในไหสองใบ จากนั้นชายหนุ่มก็โยนมันลงทะเล
ส่วนเป้ยหลิงได้เก็บกวาดสนามรบ และได้รับธนูอมตะ ลูกธนูทองคำสิบสามดอก แหวนสัมฤทธิ์ที่เสียหาย โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ และคัมภีร์พระไตรปิฎกโบราณมา
สำหรับทรัพย์สินของเหริ่นฉางเฟิงและหวังเยี่ยน พวกเขาไม่ได้แตะต้องมัน คนทั้งคู่เพียงผนึกมันไว้ในไห จากนั้นจึงปล่อยให้มันจมลงไปในทะเลพร้อมกับอัฐิของเหริ่นฉางเฟิงและหวังเยี่ยน
หลังจากทำเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว เฉินซีก็ระบุทิศทาง ก่อนจะจากไปพร้อมกับเป้ยหลิง
…
ฟิ้ว!
กระแสโคลนในทะเลทุกข์ซัดสาด ขณะที่เมฆสีดำเป็นเหมือนภูเขาที่บดขยี้ท้องฟ้า เรือเหาะสมบัติดุจเศษฟางแกว่งไกวไปตามแรงลมและฝน ขณะที่มันบินไปในระยะไกล ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะพลิกคว่ำในชั่วพริบตาต่อมา
แต่กลับน่าประหลาดใจยิ่ง… ไม่ว่าพายุจะโหมกระหน่ำอย่างไร เรือเหาะสมบัติก็ยังมั่นคงดั่งขุนเขา และยังคงบินไปข้างหน้าตามเส้นทางที่แน่นอน ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่น่ากลัวมากมายได้อย่างปลอดภัย
ภายในห้องโดยสาร เฉินซีนั่งขัดสมาธิบนพื้น ในขณะที่นิ้วของเขาลูบเบา ๆ ที่โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติบนฝ่ามือ
นี่เป็นพุทธศาสนสมบัติตามที่เหริ่นฉางเฟิงว่าไว้ มันเป็นสมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยบุคคลสำคัญจากภพพุทธองค์ และเปลวไฟที่เผาไหม้ไส้ตะเกียงเรียกว่า เปลวเพลิงชำระปัดเป่าภัยพิบัติ มันสามารถทำลายล้างทุกชีวิตและทำลายความชั่วร้ายทั้งหมด …เป็นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงในสวรรค์และโลก
นอกจากนี้ พื้นผิวของมันยังถูกจารึกด้วยข้อจำกัดสูงสุดของนิกายพุทธ มีข้อจำกัดทั้งหมดสามพันข้อ ซึ่งทุกข้อล้วนมีพลังวิถีพุทธที่ทั้งบริสุทธิ์และทรงพลัง แต่ข้อจำกัดส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย และมีเพียงร้อยกว่าข้อเท่านั้นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์
แต่ถึงอย่างนั้น พลังของโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัตินี้ก็ยิ่งใหญ่มากเป็นพิเศษ และเกินขอบเขตของสมบัติอมตะระดับสามัญโดยสิ้นเชิง มันสามารถเทียบได้กับสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬ!
“โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัตินี้ได้รับความเสียหายมาก แต่ก็ยังเทียบเท่ากับสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬ ถ้ามันได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ ข้าสงสัยว่าระดับของมันจะสูงขึ้นไปถึงไหน”
เฉินซีวางโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติลง ก่อนจะหยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นมา เขาอ่านมันสั้น ๆ ก่อนจะพบว่าพระสูตรที่บรรจุอยู่ภายในนั้น แท้จริงแล้วได้บันทึกวิธีการใช้และวิธีหล่อเลี้ยงโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติเอาไว้
“ไม่น่าแปลกใจที่เหริ่นฉางเฟิงเสี่ยงชีวิตเพื่อฆ่าวิญญาณชั่วร้าย …เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติโดยไม่มีพระสูตรนี้ และด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะได้มันมาแล้วก็ตาม แต่มันก็จะไร้ประโยชน์”
เฉินซีถอนหายใจ ก่อนจะจ้องมองไปยังอีกด้านหนึ่ง มันเป็นแหวนสัมฤทธิ์ที่เสียหายซึ่งมีขนาดเพียงกำปั้นเท่านั้น มันไม่แวววาวและมีรอยสนิมเป็นชั้น ๆ
เขาวางมันบนฝ่ามือและพินิจมันอย่างตั้งใจ สิ่งนี้มีน้ำหนักที่หนักมากเหมือนแบกภูเขาเอาไว้ นอกจากนี้ ชายหนุ่มไม่รู้สึกถึงพลังใด ๆ ราวกับว่ามันไร้ซึ่งพลังวิญญาณ
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีไม่สามารถละเว้นจากการตกตะลึงได้ เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อวิญญาณชั่วร้ายใช้โคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ ก็เป็นแหวนนี้ที่เกาะติดโคมอย่างเหนียวแน่น ก่อนที่จะถูกมันชิงไป ดังนั้นมันจึงน่าอัศจรรย์และน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
ตามความคิดของเฉินซี มูลค่าของสมบัตินี้ยิ่งใหญ่เสียจนมากกว่าโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ แต่ทำไมมันถึงไม่มีร่องรอยของปราณวิญญาณเลย?
“นี่คือแหวนพิชิตโมฆะ ว่ากันว่ามันสามารถสยบสมบัติทั้งหมดได้ ตราบใดที่ถูกแหวนนี้โจมตี สมบัติใด ๆ ก็จะสูญอำนาจไป ซึ่งในยุคบรรพกาล มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่เลื่องลือไปทั่วทั้งสามภพ” หม้อใบจิ๋วอธิบายด้วยเสียงที่แผ่วเบา “น่าเสียดายที่พลังของมันหมดลงไปแล้ว และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อมแซมมัน”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ ว่ากันว่ามันสามารถสยบสมบัติทั้งหมดได้ ดังนั้นหากสมบัติเช่นนี้มีสภาพสมบูรณ์ มันจะเป็นสุดยอดอาวุธในใต้หล้าเชียวนะ!
ลองคิดดูสิ หากศัตรูเพิ่งควักสมบัติออกมา แต่กลับถูกแย่งชิงไปในทันที มันจะรู้สึกดีแค่ไหน?
เฉินซีส่ายศีรษะและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางแหวนสัมฤทธิ์ลงในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ เพราะถ้าเขาบังเอิญพบวิธีซ่อมแซมมัน บางทีชายหนุ่มอาจจะซ่อมแซมมันได้ในอนาคต
“เป็นการดีที่จะเก็บมันไว้เช่นกัน ถึงอย่างไร สมบัตินี้เป็นสิ่งล้ำค่าในฟ้าดิน และมันมีเอกลักษณ์เฉพาะของทั้งสามภพ บางทีเจ้าอาจจะสังเกตเห็นร่องรอยบางอย่างของเต๋า และซ่อมแซมมันได้หลังจากที่เจ้าบรรลุขอบเขตราชันเซียน ซึ่งขณะนั้นเจ้าคงเข้าใจถึงความลึกล้ำของการย้อนเวลาแล้ว” หม้อใบจิ๋วกล่าว
“ย้อนเวลา!”
“ขอบเขตราชันเซียน!”
แค่ได้ยินเรื่องนี้ ก็ทำให้เฉินซีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะขอบเขตดังกล่าวอยู่ไกลจากเขามากจริง ๆ และชายหนุ่มไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เขาจะสามารถไปถึงมันได้
แต่สิ่งนี้ทำให้เฉินซีคิดอะไรบางอย่างในใจ และเอ่ยถามออกไปว่า “ผู้อาวุโส เนื่องจากสมบัตินี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก แล้วมันเสียหายได้อย่างไรกัน?”
“มันถูกทำลายด้วยน้ำมือของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามอย่างแน่นอน ท่ามกลางสวรรค์และโลกใบนี้ มีเพียงพู่กันพิพากษามารของเขาที่หลอมรวมเข้ากับกฎของสังสารวัฏเท่านั้นที่สามารถตอบโต้แหวนพิชิตโมฆะได้” เห็นได้ชัดว่าหม้อใบจิ๋วค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องราวในอดีต และดูจะรู้เรื่องทุกอย่างราวกับว่ามันอยู่ที่ปลายนิ้ว
“กฎของสังสารวัฏ…” เฉินซีตกตะลึงเพราะนี่คือขอบเขตที่เขาไม่รู้จัก
“กฎกับเต๋ารู้แจ้งนั้นแตกต่างกัน มหาเต๋านั้นไม่สามารถรวมเข้าด้วยกันได้ ในขณะที่กฎสามารถหลอมรวมเต๋ารู้แจ้งจำนวนมากเข้าไว้ด้วยกัน และเจ้าจะเข้าใจโดยปริยาย เมื่อเจ้าบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์” หม้อใบจิ๋วกล่าวว่า “จากนั้นกฎของสังสารวัฏจะก่อตัวขึ้นจากการหลอมรวมสุดยอดเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ ของยมโลก”
“หากเป็นเช่นนี้ ข้ามีโอกาสที่จะเข้าใจเส้นทางดังกล่าวหรือไม่” ดวงตาของเฉินซีเป็นประกาย
“หากเจ้าไม่กลัวที่จะล่วงเกินเทพเจ้าของโลก ไม่เช่นนั้น เจ้าก็ควรล้มเลิกความคิดนี้ซะ” หม้อใบจิ๋วกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าน่าจะรู้เหตุผลดี เต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏในภพทั้งสามโดยเด็ดขาด ในขณะที่กุญแจสำคัญในการสร้างกฎของสังสารวัฏคือเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบ”
เฉินซีขมวดคิ้ว “เป็นเพราะเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบอีกแล้ว!”
นี่แทบจะเป็นข้อห้าม ไม่ว่าจะเป็นจี้อวี๋หรือหม้อใบจิ๋ว ทั้งสองต่างเตือนเขาว่าอย่าพยายามเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบ แต่เห็นได้ชัดจากสิ่งนี้ว่า เหล่าทวยเทพในภพทั้งสามนั้นหวาดกลัวต่อเต๋ารู้แจ้งนี้เพียงใด
เฉินซีครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะเงียบไปในที่สุด ชายหนุ่มได้ทำความเข้าใจต่อพระสูตรปัดเป่าภัยพิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะ
สามวันต่อมา ลมและฝนพัดกระหน่ำใส่เรือเหาะสมบัติจากโลกภายนอก ฟ้าร้องกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง และทะเลทุกข์ที่ปกคลุมไปด้วยสีเทาอันไร้ขอบเขต ในขณะที่ห้องโดยสารภายในเรือนั้นเงียบสงบ และไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอกแม้แต่น้อย
เป้ยหลิงได้วาดแผนที่ตามคำอธิบายของเหริ่นฉางเฟิง ในขณะนี้ นางกำลังเปรียบเทียบมันกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ขับเคลื่อนเรือเหาะสมบัติไปข้างหน้า
ในขณะเดียวกัน เฉินซีได้ขัดเกลาโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติอย่างสมบูรณ์ และทำให้เขาเป็นเจ้าของของมัน
ปัจจุบัน สมบัติโบราณจากภพพุทธองค์นั่นลอยและหมุนวนอยู่ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ไส้โคมแกว่งไกวและเปล่งแสงสีขาวหยกที่เคร่งขรึม ซึ่งทอประกายเจิดจ้า
ลำแสงแห่งพลังพุทธองค์หลั่งไหลอยู่รอบ ๆ โคมสีเขียว และมันก่อตัวเป็นฉากแห่งความสุขสันต์มากมาย เช่น มังกรสวรรค์ที่เลี้ยวคดเคี้ยวไปทั่วท้องฟ้า วิหคอมตะกระพือปีกทะยานสู่ท้องฟ้า ดอกบัวสีทองร่วงหล่นดุจสายฝนสีทอง เสียงสวดมนต์ของพุทธศาสนิกชนดังก้องไปทั่วหล้า…
ตราบเท่าที่เขาค่อย ๆ หล่อเลี้ยงมัน สักวันหนึ่ง ชายหนุ่มก็จะสามารถฟื้นฟูข้อจำกัดทั้งสามพันข้อที่จารึกอยู่บนพื้นผิวมันได้อย่างสมบูรณ์
สิ่งที่ทำให้เฉินต้องประหลาดใจคือ ในระหว่างกระบวนหล่อเลี้ยงและขัดเกลาโคมเขียวปัดเป่าภัยพิบัติ แสงของพลังพุทธองค์ที่เปล่งออกมาจากมันได้แฝงพลังรักษาที่น่าตกใจไปยังเจดีย์บำเพ็ญทุกข์!
เจดีย์บำเพ็ญทุกข์นี้ได้มาจากเมืองทะเลสาบมังกรในแผ่นดินซ่ง และเนื่องจากมันได้รับความเสียหายรุนแรงเกินไป ในขณะที่วิญญาณสมบัติก็พลอยหายไปด้วย เฉินซีจึงใช้มันเป็นที่เก็บสมบัติวิเศษขนาดใหญ่มาโดยตลอด
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าชายหนุ่มยังขาดแคลนเคล็ดวิชาของนิกายพุทธในการซ่อมแซมสมบัติชิ้นนี้
ดังนั้นเมื่อเขาค้นพบว่าพระสูตรปัดเป่าภัยพิบัติมีผลการรักษาต่อเจดีย์บำเพ็ญทุกข์จริง ๆ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง!
ตามการคาดคะเนของเขา เมื่อเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างน้อยมันจะกลายเป็นพุทธศาสนสมบัติระดับอมตะ แต่เขาไม่สามารถประเมินได้อย่างแน่ชัดว่า ณ เวลานั้นสมบัติอมตะจะอยู่ในระดับใด
“เรามาถึงหมู่เกาะหมื่นดาราแล้ว!” ในขณะเดียวกัน เป้ยหลิงที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือก็กล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน และปลุกเฉินซีให้ตื่นขึ้นทันที
“ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วหรือ?” เฉินซีก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและก้าวยาว ๆ มาถึงด้านนอกห้องโดยสาร เมื่อมองจากระยะไกลและเห็นว่ามีจุดสีดำเล็ก ๆ จำนวนมากปรากฏขึ้นในทะเลโคลนที่ห่างไกล ซึ่งจุดสีดำเหล่านี้ก็หนาแน่นและดูจะไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อลองมองอย่างระมัดระวัง จุดสีดำเหล่านั้นคือเกาะเล็ก ๆ จำนวนมากที่ดูเหมือนดวงดาวกระจัดกระจายอยู่บนพื้นผิวทะเล และจำนวนของพวกมันก็มหาศาล
หมู่เกาะหมื่นดารา!
นี่เป็นเขตแดนระหว่างภูมิภาคราชหกวิถีและภูมิภาคราชานรก หลังจากที่มาถึงที่นี่ ก็เท่ากับได้เข้าสู่ภูมิภาคราชานรกแล้ว
และตามคำแนะนำของเหริ่นฉางเฟิง ผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่าปรภพจำนวนมากได้ประจำการอยู่ที่เกาะหมื่นดารา และพวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้คำสั่งของราชาฉู่เจียง ผู้เป็นราชานรกองค์ที่สอง!