บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 18 เจ้าเห็นแก่สาวงามไม่เห็นแก่เพื่อน
บทที่ 18 เจ้าเห็นแก่สาวงามไม่เห็นแก่เพื่อน
เย่จายซิงกลั้นเอาไว้ไม่อยู่จึงหัวเราะออกมา ชื่อเจ้าแดงก็เป็นชื่อที่น่าขำอยู่แล้ว นึกไม่ถึงว่าน้องชายของนางจะพ่นน้ำออกมาใส่หน้าลั่วกูหยุนอีก
“หัวเราะออกมาเถิด อีกเดี๋ยวหมอก็จะไปฝังเข็มให้เจ้าแล้ว ข้าจะรักษารเจ้าอย่างดีเชียวล่ะ ฮึ!”
ลั่วกูหยุนตั้งใจย้ำคำว่า “รักษา” สองคำนี้โดยการเน้นเสียง
เย่จายซิงสั่งให้สาวใช้ออกไปก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องรักษาให้ข้าแล้วก็ได้ เพราะข้าได้แก้ปัญหาให้ตัวเองไปบ้างบางส่วนแล้ว”
นางไม่กลั่วคำขู่ของเขา นางไม่ใช่ว่าไม่กลัวการฝังเข็ม แต่ต่อให้ฝังเข็มก็ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นผลได้เร็วเท่ายาที่นางกลั่นเอง
“จะคุยโม้อะไรก็ควรต้องใช้ความคิดหน่อยนะ ยื่นมือของเจ้าออกมา หมอเทวดาจะทำการตรวจชีพจรให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
ลั่วกูหยุนเบะปาก เพราะเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด ร่างกายของนางแย่ขนาดนั้น เมื่อวานตอนที่เขาจับชีพจรให้นางก็พอรู้อะไรๆ บ้างแล้ว
ลั่วกูหยุนตรวจชีพจรให้นาง เย่จายซิงจึงยื่นมือออกมาให้เขา
จวินหยวนมองลั่วกูหยุนอย่างด้วยสายตาเย็นยะเยือก ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าการสัมผัสโดนตัวเย่จายซิงเป็นเรื่องผิดบาปใหญ่หลวงจนเขารู้สึกกังวลใจ
“เจ้าอย่ามองข้าแบบนี้สิ ข้าก็แค่จับชีพจรให้นางเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรให้นางเสียหายสักหน่อย”
นี่มันเรียกว่าเห็นสาวงามแล้วลืมความเป็นเพื่อน ตนคือคนที่สวรรค์ตั้งใจส่งมาให้ทำการรักษาแก่เขาโดยเฉพาะ แต่เขากลับเห็นสาวงามสำคัญกว่าตนเสียได้
ประเด็นที่สำคัญที่สุดอยู่ที่เย่จายซิงก็ไม่ได้สวยเสียด้วย!
ต้องตรวจสายตาให้เขาหน่อยเสียแล้ว
“ช้าก่อน”
ในขณะที่มือของลั่วกูหยุนกำลังจะสัมผัสโดนข้อมือของเย่จายซิงอยู่นั้นเอง จวินหยวนก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าออกมาคลุมมือของนางเอาไว้
“เจ้าตรวจชีพจรได้แล้ว”
เย่จายซิง : ……
นี่มันยุคศักดินาประเภทไหนกัน!
ลั่วกูหยุน : ……
ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามไม่ได้
“บนมือของเจ้ามีน้ำลาย”
จวินหยวนกล่าวเสียงแข็ง แต่น้ำเสียงทุ้มลึกของเขาน่าฟังอย่างยิ่ง
เย่ยู่หยางหน้าแดง : ……
หากมีอุโมงค์ใต้ดิน ข้าก็จะมุดหัวเข้าไป!
“ข้าก็แค่อยากจะตรวจชีพจรเท่านั้น ทำไมมันยากขนาดนี้!”
ลั่วกูหยุนกัดฟันกรามแน่น สุดท้ายก็วางมือลงเพื่อตรวจชีพจรของเย่จายซิงจนได้
ต่อจากนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป โดยจ้องนางอย่างเหลือเชื่อ “เดี๋ยวนะ! เส้นเลือดของเจ้าไม่มีอะไรอุดตันแล้ว! เป็นไปได้อย่างไร เห็นชัดๆ ว่าเส้นเลือดถูกอุดตันไปหมดแล้ว”
“ใช่แล้ว ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว”
เย่จายซิงเผยอยิ้มแล้วกล่าวว่า “ก็แค่ยาชะล้างไขกระดูกก็เท่านั้น”
“เป็นไปไม่ได้! ยาชะล้างไขกระดูกไม่มีทางมีประสิทธิภาพดีขนาดนี้!”
ลั่วกูหยุนส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักยาชะล้างไขกระดูก ว่ากันว่าสามารถชะล้างไขกระดูกและเส้นเลือดได้ แต่อันที่จริงแล้วไม่ได้มีประสิทธิภาพดีขนาดนั้น มันทำได้เพียงแค่ขจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกายเท่านั้น โดยมากมักจะใช้กับสตรีเพราะมีส่วนช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น
เย่จายซิงเลิกคิ้วแล้วกล่าวอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร “ยาที่ข้ากับท่านพูดถึงคือยาชะล้างไขกระดูกตัวเดียวกันหรือไม่”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร หรือว่ายาชะล้างไขกระดูกมีหลายประเภท?”
ระหว่างที่กล่าว ลั่วกูหยุนก็หยิบยาชะล้างไขกระดูกออกมาจากถุงเก็บของ
ยาที่หยิบออกมาเป็นเพียงแค่ยาสีส้มขั้นสองเท่านั้น
ยาชะล้างไขกระดูกขั้นสองเท่านั้นเองหรือ น่าจะมีบางอย่างไม่ถูกต้องเสียแล้ว
นางแสร้งทำเป็นหยิบออกมาจากแขนเสื้อ อันที่จริงแล้วคือหยิบยาชะล้างไขกระดูกออกมาจากโซน
ตอนที่นางหยิบออกมา ลั่วกูหยุนก็รับไปด้วยสีหน้าตกตะลึงงัน “ยาชะล้างไขกระดูกของเจ้าเป็นถึงขั้นห้าเชียวหรือ กลิ่นๆ นี้คือยะล้างไขกระดูกไม่ผิดแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ต่างออกไป”
“ไหนท่านลองบอกสูตรยาไขกระดูกมาหน่อยสิ” เย่จายซิงเองก็สงสัยเช่นกัน ทำไมยาที่กลั่นจากโซนถึงต่างจากยาที่กลั่นจากโลกข้างนอก
ลั่วกูหยุนรีบสาธยายออกมาทันที
“ผิดแล้ว ยาชะล้างไขกระดูกของแท้ไม่ใช้ดอกพุดตาน แต่ต้องเป็นดอกมือผี”
นางชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างกันของสูตรยา สมุนไพรอื่นๆ ล้วนเหมือนกัน มีเพียงดอกพุดตานเท่านั้นที่ต่างกัน
“ยาชะล้างกระดูกเม็ดนี้ใช้ดอกมือผีหรอกหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกมือผีกลั่นยากขนาดไหน หากใส่ดอกมือผีลงไป โอกาสที่จะกลั่นยาสำเร็จมีไม่ถึงหนึ่งส่วนด้วยซ้ำไป”
หรือจะกล่าวอีกอย่างได้ว่า กลั่นยาชะล้างไขกระดูกสิบครั้งก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“หากไม่รู้ก็อย่ากล่าวมั่ว!”
ลั่วกูหยุนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ จึงปฏิเสธคำกล่าวของนางออกไปโดยอัตโนมัติ
“ยากรึ ข้าไม่รู้สึกว่ามันยาก ฝีมือการกลั่นยาของท่านไม่ถึงขั้นต่างหาก”
เย่จายซิงกล่าวความจริง เพราะนางกลั่นยาชะล้างไขกระดูกสำเร็จได้ภายในครั้งเดียว ครั้งหนึ่งๆ สามารถกลั่นได้หนึ่งเตา หนึ่งเตาได้ยาถึงหกเม็ด
ลั่วกูหยุนรู้สึกราวกับมีมีดปักเข้าไปกลางหัวใจ “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ข้าคืออัจฉริยะด้านการกลั่นยา จะบอกว่าฝีมือไม่ถึงขั้นได้อย่างไร เจ้ากลั่นยาไม่ได้ถึงได้คิดว่าการกลั่นยาเป็นเรื่องง่ายล่ะสิ!”
เย่จายซิงกลั่นยาไม่ได้เพราะไม่มีพลังทิพย์ จึงไม่มีใครคิดว่านางกลั่นยาได้ ลั่วกูหยุนจึงได้แต่สงสัยว่านางเอายามาจากที่ใด ไม่มีคาดคิดว่านางจะกลั่นยาด้วยตนเอง
แววตาของจวินหยวนที่นั่งอยู่ด้านข้างล้ำลึก แฝงไปด้วยการสำรวจด้วยความภาคภูมิใจ
ไม่เสียแรงที่เป็นผู้หญิงที่ข้ารัก
“น้องซิงบอกว่าฝีมือการกลั่นยาของเจ้าไม่ถึงขั้น เจ้ากลับไปฝึกกลั่นยาให้ดีเถิด ไปเดี๋ยวนี้เลย”
ลั่วกูหยุนแทยจะถลึงตาออกมา เขามองจวินหยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ปัดโธ่ เจ้าไล่ข้าเชียวรึ”
ดูทำ ดูทำเข้า คนเราพูดกันแบบนี้หรือ
มีคนที่ให้ความสำคัญกับสาวงามมากกว่าเพื่อนขนาดนี้ด้วยหรือ
ลั่วกูหยุนโกรธจนแทบจะกระอักเลือกออกมา เพราะไม่คาดคิดว่าตนที่เป็นถึงนายน้อยของตระกูลลั่ว จะมีวันที่โดนขับไล่ออกมาเช่นนี้ และสาเหตุเป็นเพราะผู้หญิงอัปลักษณ์คนหนึ่ง
“เฮอะ หากข้าไปไปแล้ว เจ้าก็อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน วันหน้าต่อให้เชิญข้ามา ข้าก็ไม่มาแล้ว”
เมื่อกล่าวจบ เขากับสะบัดเดินออกมาด้วยความโกรธ
“เอ่อ……เสด็จอา ให้หมอเทวดาลั่วออกไปอย่างนี้ คงไม่ดีเท่าไหร่กระมัง”
เย่จายซิงเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างลั่วกูหยุนกับจวินหยวนไม่เลว แต่เมื่อมีนางเข้ามาก็เหมือนกับว่านางเป็นหญิงร้ายที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต้องแตกหักกัน
“ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เขาไม่มีทางออกไปจากเมืองหลวง อีกอย่างการที่เขาอยู่ที่จวนอ๋องก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
น้ำเสียงของจวินหยวนเต็มไปด้วยความแน่วแน่ หากเขารู้สึกว่าไม่เหมาะสมก็คือไม่เหมาะสม
เย่จายซิงรู้สึกว่าเขาวางอำนาจมากเกินไป ค่อนไปทางลัทธิผู้ชายเป็นใหญ่
แต่นางคิดไม่ถึงว่าจวินหยวนจะกล่าวได้อย่างแม่นยำ เพราะลั่วกูหยุนยังไม่ยอมไปไหนจริงๆ แต่เข้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเถิงหยุนในเมืองหลวง ในเมืองหลวงโรงเตี๊ยมเถิงหยุนจัดได้ว่าเป็นโรงเตี๊ยมอันดับสูงสุดในเมือง ส่วนที่ที่เย่จายซิงพักอยู่ตอนนี้ถูกจวินหยวนจองเอาไว้หมดแล้วจึงไม่รับคนนอกเข้าพัก ไม่เช่นนั้นลั่วกูหยุนอาจจะเข้าพักที่นี่ด้วยอีกคน
หลังจากลั่วกูหยุนเข้าไปอยู่ในโรงเตี๊ยมแล้ว ก็กลั่นยาชะล้างไขกระดูกอย่างไม่ยอมแพ้ เขาเปลี่ยนจากใช้ดอกพุดตานเป็นดอกดอกมือผี โดยกลั่นยาไปทั้งหมดเจ็ดครั้งจึงจะสำเร็จ
ตอนที่เขาทำสำเร็จ นอกจากความตื่นเต้นแล้วเขาก็พบว่าเขาเข้าใจเย่จายซิงผิดไป ปัญหาที่นางชี้ให้เขาเห็น เขากลับบอกว่านางพูดเหลวไหล
มิน่าจวินหยวนถึงปกป้องนาง
คนอย่างลั่วกูหยุนคือสุภาพชน เมื่อผิดก็รู้จักแก้ ในวันนั้นเขาจึงย้อนกลับไปยังโรงเตี๊ยมเถิงหยุนที่อยู่ตรงกันข้ามกับจวนอ๋องเพื่อขอโทษเย่จายซิง
เมื่อองครักษ์ได้ยินคุณชายลั่วจอมเย่อยิ่งมาขอโทษเย่จายซิงเช่นนี้ก็ได้แต่ตกใจจนอ้าปากค้าง
“เรื่องเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย”
เย่จายซิงโบกมือ นางไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจด้วยซ้ำ
แววตาของลั่วกูหยุนสอดส่ายไปมา พลางเอ่ยอย่างหยั่งเชิง “คุณหนูสี่ พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าได้ยาพวกนั้นมาจากที่ใด และรู้จักสูตรยาชะล้างกระดูกได้อย่างไร”
เขามหัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ยาชะล้างกระดูกที่เขากลั่นได้วันนี้มีประสิทธิภาพแตกต่างจากยาชะล้างไขกระดูกทั่วไปอย่างมาก เรียกได้ว่าสามารถชะล้างไขกระดูกได้อย่างแท้จริง หากนำไปขายคงจะขายได้ราคาสูงเสียดฟ้า
ส่วนคุณหนูสี่ที่อยู่ข้างหน้าเขาตอนนี้ ได้ชื่อว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ในแคว้นหงส์แดงแห่งนี้ แต่ยารักษ์ทิพย์กับยาชะล้างไขกระดูกที่มีประสิทธิภาพสูงและสูญหายไปนานแล้วกลับมาอยู่ที่นาง เป็นเรื่องที่ทำให้เขามหัศจรรย์ใจอย่างมาก
“ขอโทษด้วย แต่นี่เป็นความลับ ข้าไม่สามารถบอกท่านได้ แต่ข้าสามารถบอกสูตรกลั่นยาสองสูตรแก่ท่านได้” นางกล่าว
ลั่วกูหยุนค่อนข้างผิดหวัง แต่เมื่อเขาเห็นนางหยิบกระดาษกับปากกาออกมาแล้วเริ่มลงมือจรดปลายพู่กันเพื่อเขียนสูตรยานั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง นัยน์ตาจ้องเขม็ง
“ยาป้องจิต! ยาทลายหล้า! นี่มัน……สองสูตรยาที่หายสาบสูญไปนานแล้วทั้งสองสูตร!”
เขามองไปที่เย่จายซิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือของเขาสั่นเทา “เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ สูตรยาที่หายสาบสูญไปแล้วพวกนี้เป็นของจริงหรือ”