บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 30 รักแรกพบ
บทที่ 30 รักแรกพบ
“หยุดเดี๋ยวนี้! อย่าแตะต้องนายน้อยของข้า มิเช่นนั้นจะให้พวกเจ้าแบกรับผลที่ตามมา!”
ท่ามกลางความวุ่นวาย ผู้ติดตามของลั่วกูหยุนพูดเสียงดัง
ทุกคนที่กำลังทุบตีกันอยู่นั้นนิ่งสงบลง ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ถึงแม้นางโจวจะเป็นสตรี แต่ความสามารถในการต่อสู้ของนางแข็งแกร่งยิ่งนัก นางเสิ่นถูกกระชากผมจนยุ่งเหยิง ใบหน้าของท่านรองเย่เต็มไปด้วยรอยเล็บ
เย่เจียหยูเห็นภาพนี้ ขมวดคิ้วเป็นปม อับอายยิ่งนัก นางมองไปที่ลั่วกูหยุน
เห็นสีหน้าเย้ยหยันของลั่วกูหยุนตามคาด อ้าปากพูด:
“ตระกูลเย่ของพวกเจ้า ช่างวุ่นวายจริงๆ วันนี้ข้ามีความรู้เพิ่มขึ้นมาแล้ว”
“หมอเทวดาอย่าเข้าใจผิด พวกเขาเพียงกังวลว่ากุญแจสำคัญจะถูกคนขโมยไป เหตุเพราะร้อนใจมาก ดังนั้นจึงเป็นเช่นนี้…”
เย่เจียหยูก่นด่านางโจวในใจ หากไม่ใช่เพราะนางโจวบ้าคลั่ง ก็คงไม่ตบตีกัน ลั่วกูหยุนก็คงไม่เห็นเรื่องน่าอับอายของพวกเขา
นางปรารถนาที่ตบแต่งเข้าตระกูลลั่ว เป็นฮูหยินน้อย
“หึ พวกเขาทุบตีกันแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า”
ลั่วกูหยุนลุกขึ้น เดินไปทางเย่จายซิง
เย่เจียหยูคิดว่าเขาจะไป จึงรีบขวางหน้าเอาไว้ แกล้งทำเป็นพูดด้วยความร้อนใจ
“หมอเทวดา ท่านบอกว่าท่านย่าของข้าถูกพิษ ท่านยังไม่ได้ถอนพิษให้ท่านย่าเลยเจ้าค่ะ!”
ขณะพูด นางคิดอยากจะจับมือเขา
ลั่วกูหยุนหมดคำจะพูด เลี่ยงมือ สตรีคนนี้ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ!
“หมอเทวดา ท่านย่าของข้าถูกพิษแล้ว ท่านต้องถอนพิษให้ท่านย่าเจ้าค่ะ”
เย่จายซิงยิ้มบางๆ แล้วพูดกับเขา
ลั่วกูหยุนอยากจะบอกว่าพิษใกล้หายไปหมดแล้ว อีกไม่นานหญิงชราก็จะฟื้นขึ้นมา แต่เมื่อสบตากับแววตาเจ้าเล่ห์ของเย่จายซิง เขาก็เข้าใจขึ้นมาทัน
“ได้ ข้าถอนพิษให้ฮูหยินเฒ่า”
เขากระแอมไอเสียงเบา ให้บ่าวรับใช้หยิบเข็มออกมาจากกระเป๋ายา
หลังจากนั้นเขาก็ฝังเข็มให้ฮูหยินเฒ่าเรื่อยเปื่อย
เมื่อเขาฝังเข็มลงไป ทุกคนเห็นหนังตาของฮูหยินเฒ่ากระตุก ถึงแม้จะไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี
“หมอเทวดา ท่านช่างเก่งกาจจริงๆ!”
ใบหน้าของเย่เจียหยูฉายความดีใจ มองเขาด้วยแววตานับถือ นางกะพริบตาปริบๆ ราวกับปีกผีเสื้อ
ลั่วกูหยุนเกือบจะอาเจียนออกมา
ตอนเช้ากินอิ่มเกินไปแล้ว
เย่จายซิงยกมุมปากขึ้นแล้วพูด: “ท่านย่าใกล้จะฟื้นแล้ว ช่างดีเหลือเกิน พี่สะใภ้รองพี่สะใภ้สามพวกท่านไม่ต้องแย่งกุญแจคลังสมบัติกันแล้ว ให้ท่านย่ารักษาตัวก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
แย่งกุญแจคลังสมบัติ?
ฮูหยินเฒ่าที่ยังคงสะลึมสะลือได้ยินประโยคนี้ ตื่นขึ้นมาทันที ลืมตาขึ้น
“ผู้ใดจะแย่งกุญแจของข้า!”
ฮูหยินเฒ่าพูดเสียงเหี้ยม เปี่ยมไปด้วยความโหดร้าย คล้ายว่าหากผู้ใดชิงกุญแจของนางไปเช่นนั้นนางก็จะสู้สุดชีวิต
ลั่วกูหยุนจิปากส่งเสียงสองครั้ง ตระกูลเย่ นอกจากเย่จายซิงและเย่ยู่หยางสองคนพี่น้องแล้ว คนอื่นๆ ล้วนราวกับหญิงบ้า
“ท่านย่า ไม่มีผู้ใดแย่งกุญแจของท่าน เมื่อครู่หมอเทวดาบอกว่าท่านถูกวางยาพิษ พวกเราเพียงอยากจะดูว่ากุญแจยังอยู่ที่ท่านหรือไม่”
เย่เจียหยูพูดเสียงอ่อนโยน อยากจะปลอบฮูหยินเฒ่า จะได้ไม่ให้ลั่วกูหยุนเกลียดชัง
นางต้องสร้างความประทับใจให้ได้
“ถูกพิษ? ข้าจะถูกพิษได้อย่างไร?”
ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ลูบที่เก็บกุญแจเป็นอันดับแรก เมื่อพบว่ากุญแจยังอยู่ นางก็โล่งอก
ลั่วกูหยุนเปลี่ยนที่ยืนอย่างเนียบแนน ยืนข้างเย่จายซิง เขาเดาว่าเย่จายซิงเป็นคนวางยาหญิงชรา แต่ไม่ได้เปิดโปงนาง เพราะถึงอย่างไร นางก็ให้ตำรับยาที่ห่างหายไปนานก้ับเขา ตำรับยานั้นไม่ใช่สิ่งที่เงินทองสามารถประเมินค่าได้
“ในเมื่อฮูหยินเฒ่าหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
ลั่วกูหยุนพูดเสียงดัง
“เจ้าคะ? หมอเทวดาจะไปแล้วหรือเจ้าคะ? อยู่รับประทานอาหารด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปสิเจ้าคะ!”
เย่เจียหยูรีบรั้งเอาไว้ นางยังไม่ได้บ่มเพาะความสัมพันธ์กับเขาเลย
“ไม่เป็นเช่นไร”
ลั่วกูหยุนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เย่เจียหยูเห็นเช่นนั้น จึงทำได้เพียงพูดว่า:
“เช่นนั้นข้าส่งหมอเทวดาออกไปเจ้าค่ะ”
“ไม่จำเป็น คุณหนูสี่เย่ คุณหนูส่งข้าออกไปเถอะ”
ลั่วกูหยุนปฏิเสธเย่เจียหยู แล้วหันไปพูดกับเย่จายซิง
เย่เจียหยูอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธตนเองแล้วเลือกหญิงอัปลักษณ์เช่นเย่จายซิงไปส่ง
“ในเมื่อพี่รองอยากจะไปส่งท่านหมอ เช่นนั้นท่านหมอก็ให้นางไปส่งเถอะเจ้าค่ะ”
เย่จายซิงขี้คร้านไปส่งเขา
“ข้าจะให้เจ้าไปส่ง!”
ลั่วกูหยุนโมโหยิ่งนัก รู้สึกว่านางเป็นเหมือนจวินหยวน ชอบหลอกใช้ผู้อื่นแล้วโยนทิ้ง ข้ามสะพานแล้วรื้อสะพาน
สมกับเป็นสตรีของจวินหยวนจริงๆ!
เขาพูดจบ หันไปมองเย่เจียหยู เย่เจียหยูคิดว่าเขาเปลี่ยนความคิดกะทันหัน ดีใจยิ่งนัก แต่สุดท้ายเขากลับพูดเสียงเยือกเย็น:
“อะไรกัน ตระกูลเย่ของพวกเจ้าแม้แต่ค่ารักษาก็ไม่มีปัญญาจ่ายหรือ?”
เย่เจียหยูหน้าแดงก่ำทันที รีบพูด:
“แน่นอนว่ามีค่ารักษา เพียงแต่เมื่อครู่ลืมเท่านั้น ไม่รู้ว่าค่ารักษาของหมอเทวดาเท่าใดหรือเจ้าคะ พวกเราจะไปเอามาให้หมอเทวดาเดี๋ยวนี้”
“ห้าพันตำลึง”
“อะไรนะ!”
ท่านรองเย่อ้าปากกว้าง “ค่ารักษาห้าพันตำลึง นี่เป็นการปล้นกันหรืออย่างไร!”
ฮูหยินเฒ่าขมวดคิ้วเป็น: “ค่ารักษาอะไรแพงเช่นนี้ เป็นการเรียกค่ารักษาสูงเกินจริง!”
“พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน ค่ารักษาของนายน้อยล้วนเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นตำลึง คิดค่ารักษากับพวกเจ้าห้าพันตำลึงเป็นการให้เกียรติแล้ว หากไม่มีปัญญาจ่ายก็พูดตามตรง กล้าทำลายชื่อเสียงของนายน้อยได้อย่างไร ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ผู้ติดตามพูดเสียงเยือแกเย็น
ตระกูลลั่วคือหนึ่งในตระกูลใหญ่ของแผ่นดินเทียนเหย้า บริวารตระกูลลั่วล้วนเป็นผู้มากความสามารถ ความน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านออกมา ทำให้ท่านรองเย่ตกใจจนฉี่เกือบราด
เย่เจียหยูกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกท่านพ่อและท่านย่าของนางทำตัวน่าขายหน้ายิ่งนัก คล้ายว่าตระกูลเย่ของพวกเขาไม่อาจจ่ายเงินห้าพันตำลึงได้
ถึงแม้เงินห้าพันตำลึงจะเป็นเงินก้อนใหญ่ของตระกูลเย่ แต่เมื่อเปิดคลังสมบัติ ก็เป็นเพียงเงินเล็กน้อยไม่ใช่หรือ?
นางโมโหยิ่งนัก คนพวกนี้เอาแต่ถ่วงชีวิตนาง
“หมอเทวดาลั่ว ท่านอย่าโกรธเคือง ข้า…”
ขณะที่เย่เจียหยูกำลังจะอธิบาย ลั่วกูหยุนกลับโบกมือด้วยความหงุด ให้ผู้ติดตามอยู่รับค่ารักษา ส่วนเขาให้เย่จายซิงส่งออกไป
เย่จายซิงสีหน้าเกียจคร้าน เดินออกไปส่งหมอเทวดาลั่วอย่างช้าๆ
เย่เจียหยูโมโหจนกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ติดตรงที่มีคนนอกอยู่ ไม่อาจระบายอารมณ์ได้ จึงรีบบอกให้ท่านพ่อเอาค่ารักษาให้แก่ผู้ติดตามของลั่วกูหยุน
เมื่อพวกเขาออกไป ฮูหยินเฒ่าตำหนิเย่เจียหยู:
“ห้าพันตำลึง คือเงินก้อนสุดท้ายของจวนแม่ทัพของพวกเราแล้ว เจ้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“จริงด้วย! ไม่รู้จักเห็นค่าของเงิน!”
นางโจวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เย่เจียหยูตบโต๊ะ ชี้ไปที่นางโจวแล้วพูด:
“พี่สะใภ้สาม เป็นเพราะท่าน! นายน้อยลั่วหลงรักข้าตั้งแต่แรกพบแล้ว ข้ามีโอกาสไปเป็นฮูหยินน้อยของตระกูลลั่วที่เฉินตู ถ้าไม่ใช่เพราะท่านกับพ่อแม่ของข้าตบตีกัน นายน้อยลั่วก็ไม่อาจขมวดคิ้ว! ยิ่งไม่รู้สึกว่าตระกูลเย่ของเราว้าวุ่น จึงไม่ให้ข้าส่งเขาออกไปจากจวน!”
“น้องหยู! เจ้าบอกว่าเขาคือนายน้อยของตระกูลลั่วแห่งเฉินตู?!”
สีหน้าของฮูหยินเฒ่าฉายความตกตะลึง
ตระกูลลั่วแห่งเฉินตู นั่นคือตระกูลที่เลื่องชื่ออย่างมาก คิดไม่ถึงว่านายน้อยตระกูลลั่วจะชมชอบน้องหยู!
“ถูกต้องเจ้าค่ะ! แต่ว่าพี่สะใภ้สามจะแย่งกุญแจของท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่จึงห้ามนาง หลังจากนั้นทุกอย่างก็ชุลมุนวุ่นวาย จึงทำให้นายน้อยลั่วไม่สบอารมณ์ แล้วห่างเหินกับข้าไปด้วย”
เย่เจียหยูเจตนาโยนความผิดทุกอย่างให้นางโจว
ผู้ใดให้นางโจวทำลายเรื่องของนางและลั่วกูหยุนล่ะ!
“เพี๊ยะ!”
ฮูหยินเฒ่าโมโหจนสั่นเทา ตบหน้านางโจวอย่างแรง
“นางสารเลว! สร้างปัญหาเก่งจริงๆ!”