บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 34 เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
บทที่ 34 เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
ตลาดมืด คือสถานที่แลกเปลี่ยนของของจอมยุทธ์ในเมืองหลวง
คนที่นี่โดยมากล้วนเป็นพ่อค้าแม่ค้า ราคาถูก ของแปลกและหายาก เหมาะแก่การเก็บสะสม
มักจะมีคนโชคดีได้ของดีไปในราคาถูก เมื่อไม่นานมานี้ มีชายชราคนหนึ่งซื้อหยกจากที่นี่หนึ่งอัน หลังจากกลับไปพบว่าหยกนี้ซ่อนวิชายุทธ์ระดับสวรรค์เอาไว้
ดังนั้นคนมากมายจึงมาเสี่ยงดวงในตลาดมืด เดินกันอย่างขวักไขว่ ครึกครื้นอย่างมาก
เย่จายซิงมาที่นี่ เพื่อรีบมาขายยา ไม่ได้ต้องการขายในราคาแพงเท่าใดนัก
นางมาด้วยใบหน้าทั่วไป หาที่ว่างแล้วปูผ้าหนึ่งผืน หลังจากนั้นนั่งขัดสมาธิ
หลังจากนั้นนางก็หยิบขวดยามาวางเรียงรายตรงหน้า
“น้องชาย เจ้าขายยาอะไร?”
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยความสนิทสนม ผมของเขายุ่งเหยิง เย่จายซิงมองไปที่เขาแล้ว เกือบจะอุทานคำว่า “ราชสีห์ขนทอง”
พ่อหนุ่ม ผมทองหยักศกธรรมชาตินี้เท่สุดๆ ไปเลย
หากไม่ใช่เพราะพ่อหนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลา ดูแล้วแข็งแกร่ง มิเช่นนั้นคงไม่อาจทำทรงผมเช่นนี้รอด
เย่จายซิงไม่อาจตอบคำถามเขา เพราะยาแปลงโฉมของนางไม่อาจเปลี่ยนเสียง ดังนั้นนางจึงหยิบกระดาษที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมา วางไว้ตรงหน้าเขา
ชายหนุ่มผมทองมองเพียงปราดหนึ่ง สูดลมหายใจเข้า:
“ให้ตายสิ! ยาหนึ่งเม็ดหนึ่งแสนตำลึง! น้องชายในอดีตเจ้าคือโจรปล้นในป่าใช่หรือไม่?”
เมื่อคนที่อยู่รอบๆ ได้ยิน ล้วนหันมามอง
“ญาอะไรเหตุใดจึงราคาแพงเช่นนี้?”
“จริงด้วย! ตลาดมืดมียาขั้นหนึ่งและขั้นสองมากมาย อย่างมากก็เพียงไม่กี่ร้อยตำลึง!”
เย่จายซิงมองค้อนไปที่ชายผมทองครู่หนึ่ง แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น
ข้อความบนกระดาษเขียนเอาไว้ว่า : “ยารักษ์จิตระดับสี่ นักกลั่นยาขั้นเจ็ดเป็นคนกลั่น”
เมื่อหยิบกระดาษแผ่นนี้ขึ้นมา สีหน้าของทุกคนฉายความตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไรที่จะนำยาขั้นสี่มาขายด้านในนี้?”
“ทั้งยังเป็นยาที่กลั่นโดยนักกลั่นยาขั้นเจ็ด ปลอมยิ่งนัก ข้าไม่เชื่อ! แผ่นดินของเรามีนักกลั่นยาขั้นเจ็ดเพียงไม่กี่คน?”
“จริงด้วย ยาขั้นสี่เป็นที่ต้องการ ผู้ใดจะนำมาขายในตลาดมืด?”
ปฏิกิริยาแรกของทุกคนล้วนไม่เชื่อ หากเป็นยาที่นักกลั่นยาขั้นเจ็ดกลั่น เช่นนั้นไม่ว่าจะไปขายที่ใดล้วนมีคนมากมายต้องการ จะมาขายในตลาดมืดได้อย่างไร
ทุกคนมองนางเป็นคนหลอกลวง สีหน้าฉายความดูแคลน
ขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินแยกย้ายกันนั้น ชายผมทองเปิดขวดยาด้วยความสงสัยใคร่รู้ ทันใดนั้นเอง กลิ่นหอมของยาลอยฟุ้งออกมา เพียงแค่ดมกลิ่นยา ก็รู้สึกรื่นรมย์ยิ่งนัก
“หอมเหลือเกิน!”
“กลิ่นหอมของยานี้ ไม่เหมือนกับยาทั่วไป!”
แต่ละคนที่กำลังจะเดินจากไปต่างหยุดฝีเท้า พวกเขามองขวดยาในมือชายผมทองด้วยแววตาทอประกายระยิบระยับ
“น้องชาย ข้าลองเทออกมาหนึ่งเม็ด เจ้าคงไม่ถือสากระมัง?”
ใบหน้าของชายผมทองฉายความสนใจ เขาหล่อเหลาดวงตาทอประกาย รอยยิ้มทำให้คนละลาย แม้จะสวมผ้าหยาบทั่วไป แต่สัญชาตญาณของเย่จายซิงบอกว่าเขาไม่เหมือนคนทั่วไป
แต่ว่าเขาเป็นใครนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับนางแม้แต่น้อย นางเองก็ไม่สนใจ
เย่จายซิงพยักหน้า เพื่อแสดงว่าตกลง
ชายผมทองรีบเทยาออกมาหนึ่งเม็ด เพียงแค่มองยาสีเขียวมรกตแวววาวบนมือของเขา คนจำนวนไม่น้อยต่างร้องอุทาน
“คือยาขั้นสี่จริงๆ ด้วย!”
“สีเขียวมรกต ข้าคล้ายจะเห็นความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตแล้ว!”
“ดูเร็วเข้า! ยาเม็ดนี้ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมแม้แต่น้อย! บริสุทธิ์จนทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อ!”
“หรือว่าจะเป็นยาที่กลั่นโดยนักกลั่นยาขั้นเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ!”
“ราคาแพียงหนึ่งแสนตำลึง! ข้าเอาหนึ่งเม็ด!”
“ข้าเองก็เอาหนึ่งเม็ด!”
หลังจากหายตกใจทุกคนก็แย่งกันจะซื่อยาของเย่จายซิง
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ มองเพียงปราดหนึ่งก็ดูออกว่ายานี้ไม่ธรรมดา ราคายาขั้นสี่ในท้องตลาดอย่างน้อยๆ ก็แสนกว่าตำลึง แม้ตนไม่ได้ใช้ นำไปขายต่อ ก็ทำกำไรได้หลายหมื่นตำลึง
มีโอกาสดีๆ เช่นนี้ไม่คว้าเอาไว้ แล้วจะรอถึงเมื่อใด?
ผู้คนกรูกันเข้ามา เวลาเพียงไม่นาน เย่จายซิงก็ขายยาไปยี่สิบกว่าเม็ดแล้ว ด้านหน้าของนางคือถุงเก็บของที่เต็มไปด้วยทองคำ
หากเป็นในยุคปัจจุบัน นางกลายเป็นหญิงร่ำรวยไปแล้ว แต่ในแผ่นดินเทียนเหย้า มีทองคำและเงินมากมาย ราคาของก็แพงเช่นเดียวกัน ดังนั้นทองคำจึงดูไม่มีราคา
เมื่อเห็นว่าไม่มียาให้ซื้อแล้ว คนจำนวนไม่น้อยต่างเสียดาย ทั้งยามถามนางว่าจะนำมาขายอีกครั้งเมื่อใด
นางหยิบพู่กันและกระดาษขึ้นมา เขียน:
“ข้าเพียงขายแทนนายท่านเท่านั้น นายท่านออกเดินทางทั่วทุกสารทิศ ไม่รู้ว่าจะอยู่ในแคว้นหงส์แดงนานเท่าใด หากอยู่นาน คราวหน้าต้องกลับมาขายที่ตลาดมืดอีกครั้งอย่างแน่นอน”
ที่แท้นายท่านของเขาก็เป็นนักกลั่นยาขั้นเจ็ดนี่เอง!
มีคนจำนวนไม่น้อยลอบหมายหัวเย่จายซิง เพราะนางมีของมีค่ามากมาย คนมากมายเห็นของล้ำค่าแล้วมีเจตนาร้าย แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของนาง ล้วนถอยหนี
หากเป็นบ่าวรับใช้ของนักกลั่นกยาขั้นเจ็ด เกรงว่าคงจะไม่ธรรมดาเหมือนเบื้องหน้า
ทุกคนไม่เห็นพลังวิญญาณในตัวเย่จายซิงแม้แต่น้อย ตอนแรกคิดว่านางไม่มีวรยุทธ์ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่านางเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี เพราะแข็งแกร่งมาก ดังนั้นทุกคนจึงไม่เห็นวรยุทธ์ของนาง
คนค่อยๆ หายไป ชายผมทองยังคงอยู่ข้างๆ เขายื่นมือมาวางไว้บนหัวไหล่ของเย่จายซิง พูดด้วยความสนิทสนม:
“น้องชาย ตัวหนังสือของเจ้าสวยงาม มังกรบินหงส์ร่ายรำ มีน้ำหนักไปจนถึงกระดาษแผ่นหลัง เป็นปรมาจารย์การเขียนพู่กัน! พวกเรามาหารือกันเถอะ เจ้าแนะนำข้าให้นายท่านของเจ้านะ!”
เย่จายซิงพลิกมือของเขา แล้วผลักเขาออกไป
พ่อหนุ่ม จวินหยวนล่วงเกินนางก็พอแล้ว เขาที่เป็นราชสีห์ผมทองยังคิดอยากจะแตะต้องนาง ดูแลผมของตนเองก่อนเถอะ
นางปรบมือ เก็บผ้าและกระดาษที่อยู่บนพื้นขึ้นมา หมุนตัวหันหลังเดินจากไป
ชายผมทองชะงักครู่หนึ่ง ลูบจมูก พูดเสียงเบา : “เป็นผู้ชาย แต่กลับมีกลิ่นหอม”
“เจ้ารอก่อน พวกเรามีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน ข้าไม่มีเจตนาอื่น ข้าเพียงอยากจะได้ยาขั้นหกหนึ่งเม็ด ราคาไม่ใช่ปัญญา!”
ชายผมทองไล่ตามมา แล้วพูดกับนาง
เย่จายซิงหยุดฝีเท้า มองไปที่เข้า
ชายผมทองดึงสติกลับมา ยิ้มแล้วพูด “ข้าต้องการยาเลี้ยงจิตขั้นหกหนึ่งเม็ด เรื่องราคา ข้าให้ห้าล้านหินทิพย์”
ห้าล้านหินทิพย์!
สามารถเพิ่มห้วงอากาศได้อีกสองครั้งแล้ว!
เย่จายซิงหวั่นไหว ยาขั้นหก แม้ในท้องตลาดจะหาซื้อยาก แต่ราคาก็ไม่จำเป็นต้องสูงเช่นนี้ ราคาปกติคือหินทิพย์สามถึงสี่ล้าน
ชายผมทองเพียงเอ่ยปากก็บอกว่าจะให้ห้าล้านหินทิพย์ เด็ดขาดจริงๆ
แต่ว่า เขามีปัญญาจ่ายหินทิพย์มากมายขนาดนี้หรือ?
ขณะที่นางกำลังสงสัย ชายผมทองหยิบถุงเก็บของขึ้นมาหนึ่งถึงแล้ววางไว้บนมือของนาง:
“นี่คือเงินมัดจำ เจ้าเอาไว้ก่อนก็ได้ ได้ยาเมื่อใด เจ้าไปหาข้าที่โรงชาหยกหิมาลัย”
นางเปิดถุงเก็บของแล้วใช้ดวงจิตกวาดมอง พบว่าด้านในมีหินทิพย์ประมาณสองแสนก้อน
พ่อหนุ่ม ไม่ได้รู้จักนาง แต่กลับกล้าให้หินทิพย์มากมายเช่นนี้เป็นเงินมัดจำ!
บุรุษคนนี้สมองกลับ หรือว่ามองคนขาดกันแน่?
แต่ว่าในเมื่อเขาให้แล้ว นางก็ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับเอาไว้
นางชูเลข “หนึ่ง”
ชายผมทองสีหน้าตกตะลึง: “หนึ่งเดือนก็ได้แล้ว? ช่างดียิ่งนัก เมื่อถึงเวลาข้าจะรอเจ้าที่โรงชาหยกหิมาลัย!”
เย่จายซิงมองบน หยิบพู่กันและกระดาษขึ้นมาเขียน “หนึ่งวัน” หลังจากนั้นสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ไม่เหลือร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อย
เหลือไว้เพียง แววตาตกตะลึงของชายผมทอง