บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 41 อันตรายจนหลงใหล
บทที่ 41 อันตรายจนหลงใหล
เพลิงพิลึกขั้นห้าก็ไปทางเมืองศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่น่าจะมีดวงได้เจอกัน
ภายในจิตใจของเย่เจียหยูประหลาดใจอย่างมาก และยิ้มออกมาอย่างเบิกบานราวกับว่าจะมองเพลิงพิลึกอันบริสุทธิ์เป็นของในกระเป๋าตนเอง
นางเป็นกังวลว่าเซี่ยซือห้าวจะไม่เต็มใจที่จะออกเงิน จึงรีบกระซิบกับเขาอย่างนุ่มนวลสองสามคำ เกลี้ยกล่อมให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเขามีโอกาสต่อตนเอง
“วางใจได้ น้องหยู ข้าจะต้องช่วยเจ้าเอาเพลิงพิลึกมาให้ได้แน่นอน ครั้งนี้จะต้องไม่มีผู้ใดมาแย่งเป็นแน่”
พอเซี่ยซือห้าวนึกถึงว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแต่งนางเข้ามาในตระกูล ในอนาคตนางกลายเป็นนักกลั่นยาขั้นสูง นั่นก็เป็นเกียรติยศตระกูลเซี่ยของพวกเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาก็เลยเต็มใจที่จะช่วยนางประมูลเพลิงพิลึกขั้นห้ามาให้ได้
บนเวที นักประมูลป่าวประกาศราคาด้วยเสียงสูงว่า
“เพลิงพิลึกขั้นห้าที่บริสุทธิ์ เริ่มต้นที่ราคาสองพันตำลึง ด้านล่างเริ่มประมูลได้”
พอราคานี้ประกาศออกไป คนที่อยากจะเข้าแข่งประมูลอยู่เดิมนั้นก็ใจหายกันเลยทีเดียว
แต่ว่าราคาก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้เช่นกัน อย่างไรเสียเพลิงพิลึกขั้นห้าเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่ง ปริมาณก็น้อยนักจนยากที่จะอธิบายได้ ที่สำคัญก็คือเพลิงพิลึกที่มีปัญญามันช่างเจ้าเล่ห์และอันตรายมากเกินไป จับยากยิ่งกว่าลูกอสูรศักดิ์สิทธิ์เสียอีก
“สองพันหนึ่งร้อยตำลึง!”
“ข้าออกสองพันหนึ่งร้อยสามสิบตำลึง!”
“ข้าให้เพิ่มยี่สิบตำลึง!”
ในลานประมูลมีคนเพิ่มราคาไม่หยุดหย่อน ต่างเป็นอาจารย์กลั่นยาที่ขึ้นชื่อของเมืองหลวงกันทั้งนั้น
เซี่ยซือห้าวปล่อยให้คนอื่นเพิ่มราคากันไปสักพัก เขาไม่สามารถเริ่มพูดเป็นคนแรกสุดได้ เพื่อหลีกเลี่ยงหลังจากที่เขาพูดแล้วไม่มีใครกล้าเพิ่มราคาอีก ถึงตอนนั้นโรงประมูลจะไม่พอใจในตัวเขาเอาได้
ยังไงก็เป็นการเพิ่มแค่สิบตำลึงไม่ก็กี่สิบตำลึงเอง มันตัดสินอะไรไม่ได้หรอก
พอเห็นว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยปากขึ้นช้าๆ ว่า
“ข้าออกสองพันแปดร้อยตำลึง”
“เจ้าพระยาเซี่ยเพิ่มราคาประมูลแล้ว!”
“เจ้าพระยามือหนักทีเดียว แค่คำเดียวก็เพิ่มไปห้าร้อยกว่าตำลึง เชื่อว่าไม่มีใครกล้าจะแย่งกับเจ้าพระยาแล้วล่ะ”
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ต่างพากันคิดว่าเพลิงพิลึกขั้นห้าจะต้องตกไปอยู่ในมือของเซี่ยซือห้าวแน่นอน
แคว้นหงส์แดงเป็นเพียงแค่แคว้นเล็กๆ อาจารย์กลั่นยาไม่เยอะ หากเพลิงพิลึกขั้นห้าประมูลอยู่ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์จะต้องประมูลได้ราคาที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงแน่นอน จะเพิ่มไปสักกี่เท่าก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ใครเรียกให้มายังแคว้นเล็กๆ ที่ห่างไกลเช่นนี้
เย่เจียหยูจู่ๆ ก็กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว ตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
อีกแค่ประเดี๋ยวเดียวเพลิงพิลึกขั้นห้าก็จะเป็นของนางแล้ว เพียงแค่นางผนึกรวมเพลิงพิลึกได้แล้ว ระดับการกลั่นยาก็จะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะทะลุไปถึงขั้นอาจารย์กลั่นยาขั้น 3 ก็ว่าได้ กลายเป็นอันดับรองจากองค์หญิงหลิงหยุนที่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยา
พี่สาวของนางเป็นนักสะกดวิญญาณที่มีพรสวรรค์ และนางเป็นอาจารย์กลั่นยาที่มีพรสวรรค์ พอรอไปถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์พวกนางก็ใช้ความสามารถของหญิงงามทั้งสองแห่งตระกูลเย่คว้าชื่อเสียงมาได้ และได้แต่งงานกับตระกูลที่มีฐานะ ในใจของนางนั้นคิดถึงความฝันอันสวยงามอยู่ มุมปากก็เลยค่อยๆ ยกขึ้น
“สามพันตำลึง!”
และในตอนนั้นเองเสียงใสสะอาดของหญิงสาววัยเยาว์ดังมาจากห้องรับรอง
แขวก!
เพราะว่าแรงมากเกินไป เล็บของเย่เจียหยูฉีกขาดออกเป็นซีกๆ เลือดไหลซึมออกมา แต่นางยังไม่รู้ตัว และดวงตาที่แฝงไว้ด้วยชั่วร้ายมองไปที่ห้องรับรองอย่างแน่นิ่ง
เสียงนั้นมันน้องสี่ของนางนั่นเอง คิดว่านางจะฟังไม่ออกเช่นนั้นหรือ!
เนื่องจากเสียงที่ดังออกมาจากห้องรับรองอย่างกะทันหันทำให้ลานประมูลขนาดใหญ่เงียบลงโดยฉับพลันจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก
จากนั้นผู้คนต่างพากันกระซิบกระซาบกันว่า
“ดูเหมือนว่าจะเป็นคุณหนูสี่เย่!”
“มีเพียงเย่จายซิงที่เข้าไปในห้องรับรองของอ๋องเซ่อเจิ้ง นอกจากนางจะเป็นใครไปได้ล่ะ?”
“นางเป็นแค่พวกไร้ความสามารถ จะเอาเพลิงพิลึกไปทำอะไรกัน?”
“ไม่แน่ว่าต้องการจะเรียกร้องความสนใจจากเจ้าพระยาเซี่ยก็เป็นได้ อ๋องเซ่อเจิ้งยังอยู่ข้างในเลยนะ นางช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย”
“อ๋องเซ่อเจิ้งอาจจะไม่ชอบนาง นางอัปลักษณ์ขนาดนั้น แม้แต่ขอทานยังไม่อยากจะมองเลย”
“เซี่ยซือห้าวฟังเสียงกระซิบกระซาบต่างๆ นานา รอบๆ ตัวเขา ใบหน้าของเขาไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นความรังเกียจได้ เหตุใดเย่จายซิงจึงตามหลอกหลอนไม่หยุดหย่อนเสียที
ต้องเป็นเพราะเมื่อก่อนตนเห็นแก่หน้านาง ดังนั้นก็เลยได้คืบเอาศอกเช่นนี้!
เขาสีหน้าทะมึนตึงแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มว่า
“เย่จายซิง เจ้าพอแค่นี้จะดีกว่า อย่ายั่วให้คนเกลียดชังไปมากกว่านี้เลย!”
เย่จายซิงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยเสียงสูงว่า
“เจ้าพระยาเซี่ย เจ้าอย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสิ ข้าอยากประมูลเพลิงพิลึกขั้นห้ามันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลย หากเจ้าสู้ราคาไม่ไหวก็ๆ ถอยออกซะ จะได้แสดงสถานะของเจ้าให้มันน้อยๆ หน่อย”
ช่างเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจเสียจริง เขาคิดว่าเขาเป็นอะไรที่หอมหวนชวนหลงใหลงั้นเหรอ?
“เจ้า!”
เซี่ยซือห้าวโมโหเป็นอย่างมาก กัดกรามขบฟันแล้วกล่าวว่า
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าจงใจจะเรียกร้องความสนใจจากข้า จะทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับข้า อยากให้ข้าสนใจในตัวเจ้าบ้าง กลวิธีเช่นนี้ของเจ้าจะยิ่งทำให้ข้ารังเกียจเจ้ามากขึ้นไปอีก!”
เขาอยากจะฉีกหน้าของเย่จายซิงต่อหน้าทุกคนให้อับอาย ทำให้นางไม่มารังควานเขาอีกในภายหลัง เขารู้สึกว่ามันน่ารำคาญจนเหลือทนแล้ว
เย่จายซิงถูกทำให้โมโหจนหัวเราะออกมา นางเคยพบการหลงตัวเองมาบ้าง แต่ไม่เคยพบการหลงตัวเองเช่นนี้มาก่อน ช่างเห็นความสำคัญของตัวเองเสียจริง
“เจ้ากำลังจงใจเรียกร้องความสนใจจากเขางั้นหรือ?”
ทันใดนั้นเองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังนางก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา รอบตัวแฝงไว้ด้วยจิตสังหารที่แผ่ซ่านไปทั่วอย่างเยือกเย็น ทำให้นางมีความรู้สึกราวกับว่าจะถูกเขาหักคอขึ้นมาในฉับพลัน และขนแขนก็ลุกขึ้นทันที
นางรีบหันกลับไปปฏิเสธในบัดดล จงใจพูดด้วยเสียงดังว่า
“จะเป็นไปได้อย่างไร เขาอัปลักษณ์เช่นนี้ แค่ปลายเล็บของเสด็จอาท่านยังเทียบกันไม่ได้เลย เมื่อก่อนข้าหูหนาตาเล่อเลยสนใจเขา ตอนนี้ในสายตาของข้ามีเพียงเสด็จอาท่านคนเดียวเท่านั้น!”
อันที่จริงแล้วเมื่อก่อนเจ้าของเดิมก็ไม่ได้ชอบเซี่ยซือห้าวจริงๆ หรอก แต่เพราะเย่เจียหยูพูดว่าเขาดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ต่อหน้าเจ้าของเดิมบ่อยๆ แล้วยังแอบส่งสัญญาณให้เจ้าของเดิมว่าเซี่ยซือห้าวชอบเขา ดังนั้นเจ้าของเดิมก็เลยแสดงความรักต่อเซี่ยซือห้าว
นี่เป็นเพียงเย่เจียหยูพร่ำบอกต่อหน้าคนนอกเท่านั้น และจงใจที่จะหยอกเย้าเจ้าของเดิม
กลิ่นอายความอาฆาตรอบตัวของจวินหยวนเพียงชั่วครู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย มุมปากยกขึ้น ยื่นมือไปจับคางของนางขึ้นแล้วกล่าวว่า
“น้องซิง เจ้าจะต้องจดจำคำพูดของเจ้าให้ดีล่ะ ในสายตาของเจ้ามีข้าแค่เพียงคนเดียว หากข้ารู้ว่าเจ้าแอบชายตามองชายอื่นล่ะก็ ข้าก็จะควักเอาดวงตาคู่งามของเจ้ามาเก็บรักษาเอาไว้”
โรคจิตมาก!
เขาคิดจะควักลูกกะตาของนางอย่างคาดไม่ถึง!
แต่ในระหว่างที่เขากำลังพูดนั้นมันช่างเหมือนพวกที่มีอาการทางจิต ดูหล่อเหลาอย่างเหลือเชื่อ แฝงไว้ด้วยอารมณ์ด้านมืด ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดพูดคำพูดที่โหดร้ายที่สุดออกมา มีความน่าดึงดูดเป็นพิเศษอย่างคาดไม่ถึง ทั้งอันตรายแล้วก็น่าดึงดูดอย่างที่สุดเลย
ความต้องการครอบครองของเขาไม่ได้ธรรมดาเลย
และภายใต้คำพูดเมื่อครู่ของเย่จายซิงที่ได้ยินไปถึงหูของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น และทุกคนก็พากันมองไปที่เซี่ยซือห้าวอย่างไม่รู้ตัว
เย่จายซิงนั้นไม่ได้ชอบเขาอยู่แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเขายังคิดว่านางกำลังเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่ ช่างน่าอายจริงๆ เลย
สีหน้าของเซี่ยซือห้าวทั้งซีดทั้งเขียว กัดกรามจนเกือบจะราบเรียบเท่ากันแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าเย่จายซิงนางจะเปลี่ยนใจได้เร็วเพียงนี้ ช่างเป็นหญิงที่แพศยาเสียจริง!
“เจ้าพระยา น้องสี่เอาเพลิงพิลึกขั้นห้าไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใด นางต้องจงใจจะเพิ่มมูลค่าของมันเป็นแน่ ท่านอย่าโมโหเลย เดี๋ยวไว้ข้าให้นางมาขอโทษท่าน”
เย่เจียหยูสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หลายครั้งแล้วจึงกล่าวกับเซี่ยซือห้าว
ภายใต้ความหมายของคำพูดนั้นก็คือรีบประมูลเพลิงพิลึกมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
นางกลัวว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะช่วยเย่จายซิง
เซี่ยซือห้าวกล่าวด้วยความโหดเหี้ยมว่า
“ข้าออกสามพันห้าร้อยตำลึง!”
เขาก็ไม่เชื่อว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะช่วยคนอัปลักษณ์อย่างเย่จายซิงเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าได้
“สี่พันตำลึง”
เสียงที่เย็นชาของอ๋องเซ่อเจิ้งดังออกมาจากในห้องรับรอง
เซี่ยซือห้าวอ้าปากค้าง ป้ายไม้ที่เอาไว้เพิ่มราคาประมูลในมือถูกเขาบีบจนแหลกอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เย่เจียหยูโมโหจนเส้นเลือดในตาแทบแตก
คนที่อยู่ในลานประมูลทุกคนยิ่งตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม เหตุใดอ๋องเซ่อเจิ้งจึงให้ท้ายเย่จายซิงเช่นนี้ หรือว่าเขาจะสนใจในตัวนางแล้วจริงๆ?