บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 142
และยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ยังคงชัดเจนในความรู้สึกของนาง
นั่นก็คืออ๋องซุน อ๋องซุนจะตายหรือไม่?
ทั้งยังมีอ๋องหวยที่พรุ่งนี้ยังต้องรับยา ต่อให้ไม่ฉีดยา เขาก็ยังต้องทานยา
ยังโชคดีที่ก่อนจะกลับได้ทิ้งยาเอาไว้สองมื้อ นางจะต้องมีชีวิตต่อไปสิ ถ้านางตายไป อ๋องหวยก็จะต้องขาดยา ตอนนี้เขาไม่สามารถหยุดยาได้
ทว่ารู้สึกเจ็บมากเลย เหตุใดถึงได้เจ็บขนาดนี้เชียว นางแค่ได้รับบาดเจ็บที่ไหล่กับขาเท่านั้น แล้วเหตุใดถึงได้เจ็บไปทั้งร่างกายเช่นนี้เล่า
นางอยากจะส่งเสียงออกมา แต่ต่อให้นางจะรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีก็ไม่สามารถที่จะส่งเสียงออกไปได้เลย
นางได้ยินที่หยู่เหวินเห้ากำลังเรียกหานาง แต่นางกลับไม่แน่ใจว่าเสียงนั่นใช่เขาหรือไม่ เพราะเสียงมันเปลี่ยนไป เพราะเสียงนั้นที่นางได้ยินสั่นอยู่ตลอดเวลา อย่ากลัวเลยๆ ข้าจะต้องผ่านไปให้ได้
“ท่านอ๋อง น้ำร้อนมาแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมฉีรู้สึกตื่นตกใจไม่แพ้กัน ที่จู่ๆ นางก็ถูกส่งกลับมาในสภาพที่ใกล้ตายเช่นนี้
“ข้าจัดการเอง !” หยู่เหวินเห้ากล่าวเสียงที่แหบแห้ง ตอนนี้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคราบเลือด คงจะเป็นเลือดของท่านพี่รองที่กระเด็นใส่หน้าของนาง เพราะแม่นมสี่บอกว่าท่านพี่รองช่วยนางเอาไว้ หากไม่ใช่ท่านพี่รองบังลูกธนู ลูกธนูดอกนั้นก็คงจะปักลงกลางใจนางไปแล้ว
แม่นมฉีส่งผ้าร้อนให้หยู่เหวินเห้า ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของนางอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้เลือดเริ่มแข็งตัวทำให้เช็ดออกยาก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะออกแรง เพราะกลัวว่านางเจ็บ ถึงแม้ตอนนี้นางจะหมดสติไปแล้ว แต่ร่างกายของนางกลับสั่นอยู่ตลอด ซึ่งแสดงว่านางกำลังเจ็บปวด
นางผอมบางถึงเพียงนั้น ร่างกายก็บอบบาง เหตุใดถึงรับลูกธนูสองดอกนั้นได้กัน?
“แล้วกู้ซือและสวีอีหล่ะ ?” หยู่เหวินเห้าถามด้วยเสียงทุ้ม
ทังหยางจึงรีบเดินเข้ามารายงานทันที : “ท่านอ๋องโปรดวางใจ สวีอีและกู้ซือกำลังทำการตรวจสอบ เชื่อว่าอีกไม่นานจะต้องรับรู้ถึงตัวตนของเหล่านักฆ่าแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าต้องการความจริง ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง!” ดวงตาของหยู่เหวินเห้าฉายแววความเยือกเย็น
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทังหยางได้แต่มองไปยังพระชายาอย่างเงียบๆ ไม่รู้เลยว่าพระชายาจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไร แล้วถ้าหากนางทนไม่ไหว……
เห้อ ทังหยางไม่กล้าที่จะจินตนาการเลย
ตอนนี้ท่านอ๋องเพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวเอง แล้วเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพระชายาเพียงวันเดียว เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ ?
เหล่านักฆ่าล้วนถูกสังหารไปแล้ว ตอนนี้หากจะหาผู้บงการ คาดว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
อ๋องชินลุ่ยที่หลังจากทำการเชิญหมอหลวงเรียบร้อย ก็ยังคงอยู่ในวังจนกระทั่งฮ้องเต้หมิงหยวนตื่นบรรทม แล้วเขาจึงรีบเข้าไปรายงานทันที
เมื่อได้ยินว่าอ๋องซุนและหยวนชิงหลิงถูกลอบสังหาร ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ถึงก็ตกใจไม่น้อย ทั้งยังพิโรธอย่างมาก พร้อมกับสั่งให้คนรีบทำการตรวจสอบทันที
จนในช่วงกลางวันฮ้งเต้หมิงหยวนก็ทรงเสด็จมายังจวนอ๋องฉู่ด้วยตัวเอง
หลังจากเหล่าอ๋องทำการแยกจวน ฮ้งเต้หมิงหยวนยังไม่เคยที่จะเสด็จไปยังจวนใดๆ ของเหล่าอ๋องเลย
การมายังจวนอ๋องฉู่ นับว่าเป็นครั้งแรก
“ท่านอ๋อง ฝ่าบาทเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ !” ทังหยางเร่งเข้ามารายงาน “ท่านรีบออกให้การต้อนรับเสด็จเถิด”
ดวงตาทั้งสองของหยู่เหวินเห้าตอนนี้แดงก่ำไปหมด “ไม่ ข้าจะอยู่ดูแลนาง ทังหยาง เจ้าจงรวมพลคนในจนให้ไปรับเสด็จเถอะ”
ไม่ว่าฝ่าบาทจะตำหนิถือโทษอย่างไร เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว
แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนนั้นไม่ได้ถือโทษอะไร ทั้งยังเสด็จเข้าไปเยี่ยมอ๋องซุนก่อน
เมื่อได้ยินหมอหลวงรายงานว่าเป็นเพราะไขมันในตัวของอ๋องซุนมีจำนวนมากจึงช่วยชะลอแรงของลูกธนูไปส่วนหนึ่ง ถ้าหากเป็นร่างกายของคนทั่วไปเกรงว่าตอนนี้เขาก็คงจะสิ้นชีพไปแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะหัวเราะทั้งน้ำตาไม่ได้
แต่ทว่าลูกชายคนนี้ที่ไม่เคยมีบทบาทสำคัญใดๆ มาก่อน ตอนนี้ได้กลายเป็นวีรบุรุษผู้กล้าไปแล้ว
ก่อนจะรับสั่งให้พระชายาซุนดูแลเขาให้ดี แล้วเสด็จไปเยี่ยมดูหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงก็เป็นเช่นเดียวกับอ๋องซุน ที่ยังคงหมดสติอยู่
“เสด็จพ่อ!” หยู่เหวินเห้าคุกเข่าลงทันที นับตั้งแต่ที่เกิดเรื่อง เขาถึงแม้จะตื่นตระหนก แต่ก็ยังคงหนักแน่นและมั่นคงมาตลอด กระทั่งเขาได้พบกับเสด็จพ่อ ทุกอย่างก็มลายหายไป ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อล้นออกมา “นางอาการไม่ดีเลย ไม่ดีเลยแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนที่เห็นลูกชายที่สักครู่นี้ยังเข้มแข็งแทบจะอดร้องไห้ออกมาไม่ได้ ก็ถึงกับใจอ่อน ก่อนจะยื่นมือออกไปประคองเขา: “วางใจเถอะ นางจะต้องรอดมาได้”
“ฝ่าบาทเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งใต้หล้า ฝ่าบาทกล่าวเช่นนี้ พระชายาจะต้องไม่เป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ” มู่หรูกงกงที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้น ซึ่งนับว่าปลอบใจหยู่เหวินเห้าได้ไม่น้อย
“ใช่แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะเยี่ยมดูพวกเขาทั้งสองด้วย” ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าว
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”
หยู่เหวินเห้าคอยดูแลอยู่ข้างเตียง เมื่อมองดูหยวนชิงหลิงที่มีสภาพราวกับหุ่นนิ่ง เขาก็เจ็บปวดใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ใจของฮ่องเต้หมิงหยวนก็เกิดความทุกข์ใจไม่น้อย เพราะนางเป็นลูกสะใภ้ที่มากความสามารถที่เขาปลาบปลื้มที่สุด
“แล้วกู้ซือเล่า?ข้าให้เขาคอยทำหน้าที่รับส่งนางไม่ใช่หรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนที่รู้สึกเห็นใจ ก็ถามโทษด้วยความเคร่งขรึม
หยู่เหวินเห้าที่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกู้ซือจึงกล่าว : “เสด็จพ่อ เป็นเพราะกระหม่อมสั่งให้เขาไม่ต้องมารับส่งเองพ่ะย่ะค่ะ เพราะว่าจะทำหน้าที่คอยรับส่งนางเอง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวอย่างโกรธเคือง : “นั่นก็ถือว่าเป็นการละเลยหน้าที่ของเขา เจ้าเด็กคนนี้ยิ่งนานยิ่งไร้ความน่าเชื่อถือแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองไปยังหยวนชิงหลิง เสด็จพ่อส่งเสียงดังถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าจะรบกวนนางหรือไม่
เสด็จพ่อท่านรีบเสด็จกลับเถอะ ท่านไม่สามารถช่วยเหลือสิ่งใด
ซึ่งมันรบกวนแล้วจริงๆ
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าข้างนอกน้ำวน กำลังมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระลอก ได้ยินเสียงฟ้าร้องทำให้รู้สึกปวดหู
นางในตอนนี้รู้สึกจะมีความไวต่อความเจ็บปวดอย่างยิ่ง
แต่ว่าเสียงนี้กลับทำให้นางค่อยๆ ห่างออกมาจากน้ำวนอันมืดมนนั้น
ความรู้สึกที่เหมือนว่ากำลังล่องลอยอยู่เหนือกระแสน้ำวน ก็ค่อยถูกดึงขึ้นไป ราวกับวิญญาณที่เคยถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ กำลังกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมของมัน
“พระชายาขยับตัวแล้วเจ้าค่ะ !” แม่นมฉีร้องตะโกนอย่างตื่นตกใจ จนทำให้ความโกรธเคืองของฮ้องเต้หมิงหยวนถูกสะกดลงไป
หยู่เหวินเห้ารีบหันหน้ากลับไปหาหยวนชิงหลิงทันที มือของนางกำลังค่อยแบออกมาอย่างผ่อนคลาย
ดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้นมา
หยู่เหวินเห้าเข้าไปชันเข่าอยู่ข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของนาง แล้วยิ้มออกมาอย่างน่าสงสาร “ฟื้นแล้วหรือ?เจ็บหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงไม่มีแรงเลยแม้แต่นิดเดียว สมองและร่างกายในตอนนี้ราวกับฝ้ายที่เบาหวิว ไร้ซึ่งแรงที่แม้แต่จะใช้ขยับเปลือกตา นางจึงได้แต่มองเขาด้วยสายตาที่พร่ามัว “ท่านพี่รอง……”
“ท่านพี่รองไม่เป็นอันใด” หยู่เหวินเห้ารู้ว่านางต้องการจะถามสิ่งใดจึงรีบตอบทันที
หยวนชิงหลิงโล่งอกไปที ก่อนจะพยายามพูดอีกครั้ง “อ๋องหวย……ยา……”
“เขาไม่มีปัญหาหรอก เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่?เจ็บหรือเปล่า?” หยู่เหวินเห้าลูบหน้าของนาง ไม่กล้าที่จะใช้แรงเลยแม้แต่น้อย
“เจ็บ……” หยวนชิงหลิงรู้สึกเจ็บจริงๆ นางอยากจะลุกขึ้นมาฉีดยาแก้ปวดให้ตัวเอง แต่ว่านางไม่มีแรง ขยับตัวไม่ได้เลย
ก่อนหน้านี้ที่ถูกโบย ยังไม่รู้สึกเจ็บถึงขนาดนี้
นางไม่เคยเจอความเจ็บปวดรุนแรงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต จนไม่สามารถห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลนองออกมาได้เลย
เมื่อได้เห็นนางร้องไห้พลางพูดว่าเจ็บไปด้วย หัวใจของหยู่เหวินเห้าก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
เขาตกใจอย่างสุดขีด ไม่รู้ว่าควรจะช่วยนางอย่างไรดี ได้เพียงแต่หันหลังกลับไปมองฮ่องเต้หมิงหยวนอย่างอ้อนวอน จากนั้นเมื่อนำตัวหมอหลวงเข้ามา แต่เพราะว่าฮ่องเต้หมิงหยวนประทับอยู่ที่นี่ เขาจึงไม่กล้าที่จะอาละวาด ได้เพียงแต่กล่าวอย่างร้อนรน: “นางเจ็บ ท่านรีบระงับอาการของนางเร็วเข้า”
หมอหลงเองก็ไร้หนทาง “ท่านอ๋อง เช่นนั้นไม่มีทางรักษาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทำได้เพียงทนเจ็บเท่านั้น”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินเข้าไป : “เจ้าเด็กน้อย ข้าอยู่ตรงนี้ดูเจ้า เจ้าไม่เป็นอันใดแล้ว”
หยวนชิงหลิงที่เพิ่งรับรู้ว่าฮ่องเต้หมิงหยวนเองก็อยู่ที่นี่ จึงรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก แต่นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขนาดเรียกเสด็จพ่อ จึงส่งเสียงออกมาได้เพียงคำเดียว
“พ่อ……”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตกใจเล็กน้อย
ดวงตาเปล่งประกาย
ในตอนที่คนทั่วไปเรียกท่านพ่อ ที่แท้มันก็ไพเราะเช่นนี้นี่เอง
“อย่าพูดเลย ไม่ต้องพูดแล้ว” หยู่เหวินเห้าทับมือลงบนริมฝีปากนางเบาๆ แล้วพูดด้วยความปวดใจ เขาอยากจะเจ็บแทนนางเหลือเกิน
หยวนชิงหลิงในตอนนี้พูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ ความเจ็บปวดครอบครองทุกส่วนความรู้สึกของนางไปหมด นางทำได้เพียงอ้าปากหายใจพยายามระงับความเจ็บปวด แต่สุดท้ายร่างกายก็สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่อาจที่จะทนดูต่อไปได้จึงได้กล่าวกับหยู่เหวินเห้า : “เจ้าจงดูแลนางเสีย ข้าจะเดินทางไปเยี่ยมดูพี่รองเสียหน่อย”
หยู่เหวินเห้าไม่ได้ยินเขาพูดเลยสักนิด เพราะตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขากำลังอยู่บนตัวของหยวนชิงหลิง
ฮ่องเต้หมิงหยวนที่ได้เห็นเขาใส่ใจหยวนชิงหลิงขนาดนี้ ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความรู้สึกสุขใจ
ก่อนจะหันหลังเสด็จออกไป