บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 158
บทที่ 158 เรื่องที่จะมีลูก
ฉางกงกงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา ท่านรีบรับไปเถอะ หยกนี้หาได้ยากมาก ปกติแล้วจะหาไม่ได้ดีขนาดนี้ สองวันก่อนเจ้าพระยาเซียวเหยาเข้าวังมามอบให้กับไท่ซ่างหวง ท่านพอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เก็บไว้ด้วยตนเอง”
หยวนชิงหลิงซาบซึ้งใจอย่างที่สุด พูดปัดอยู่หลายครั้ง ไท่ซ่างหวงตะโกนพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ตกลงจะเอาหรือไม่เอา? ไม่เอาก็ไสหัวไป”
หยวนชิงหลิงยื่นมือแย่งกล่องนั่นมา โน้มตัวลงพร้อมพูดขึ้นว่า “เพคะ หลานสะใภ้ถวายบังคมทูลลา”
ที่สุดแล้วก็ไม่สามารถปฏิเสธความโปรดปรานของคนแก่ไม่ได้
หยวนชิงหลิงออกมาจากพระตำหนักฉินคุน กล่องไม้แล้วก็ไปพบฮ่องเต้หมิงหยวน
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเห็นกล่องไม้ของนาง จึงพูดขึ้นว่า “นี่เป็นหยกที่เจ้าพระยาเซียวเหยามอบให้กับไท่ซ่างหวงไม่ใช่หรือ? ทำไม? ยกให้เจ้าแล้วหรือ?”
“เพคะ” หยวนชิงหลิงมองดูเขาแวบหนึ่ง แล้วก็รีบยื่นไปให้พูดว่า “เสด็จพ่อชอบหรือ? งั้นหม่อมฉันขอยืมดอกไม้มาถวายพระ (เอาของผู้อื่นมาแสดงน้ำใจ) มอบให้กับท่าน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมือพูดขึ้นว่า “ของที่ไท่ซ่างหวงให้เจ้า เจ้าเก็บไว้เถอะ ข้าไม่ชอบพวกก้อนหิน เพียงแต่ดูเหมือนไท่ซ่างหวงจะให้ความสำคัญต่อเจ้ามาก”
ไท่ซ่างหวงชอบหยกอย่างมาก สิ่งของรักหลายลูกนี้ เขาเคยเห็นเพียงแป๊บเดียว ไท่ซ่างหวงก็รีบให้ฉางกงกงเก็บซ่อนไว้ทันที ตอนนี้กลับยกให้กับหยวนชิงหลิงทั้งหมด?
เห็นที ไท่ซ่างหวงไม่ได้พอใจนางอย่างธรรมดาแน่
ความหมายของไท่ซ่างหวงคือ……
หยวนชิงหลิงเห็นฮ่องเต้หมิงหยวนเงียบครุ่นคิดอยู่อย่างเหม่อลอย จึงชักมือกลับ
ฮ่องเต้หมิงหยวนดึงสติของตนกลับมา พร้อมพูดขึ้นว่า “อาการของลูกหกเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าพูดมาสิ”
หยวนชิงหลิงเล่าความคืบหน้าในการรักษาให้ฟัง ถึงแม้ฮ่องเต้หมิงหยวนได้สั่งคนไปสืบถามอาการป่วยอยู่ตลอด แต่เมื่อฟังหยวนชิงหลิงพูดเอง ก็ค่อยวางใจไม่น้อย
“เมื่อพูดเช่นนี้ ข้าก็สามารถไปดูเขาได้แล้วใช่ไหม?”
“ใช่เพคะ ตอนนี้อาการป่วยของอ๋องหวย โดยรวมไม่ติดเชื้อแล้ว เสด็จพ่อสามารถไปเยี่ยมได้”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า
ฮ่องเต้หมิงหยวนให้นางนั่งลง ตนเองก็เดินมานั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง
หยวนชิงหลิงมาห้องทรงพระอักษรตั้งหลายครั้ง ยังไม่เคยได้รับการเอ็นดูขนาดนี้ จึงรู้สึกค่อนข้างเกร็ง แต่ก็ยังคงเชื่อฟังและนั่งลง
“ช่วงนี้กับลูกห้าถือว่าสงบสุขกันอยู่ใช่ไหม?”ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้น
ก่อนหน้านี้นางได้รับบาดเจ็บ ลูกห้าตื่นเต้นเสียขวัญอย่างมาก คิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงจะมั่นคงแล้ว
หยวนชิงหลิงไม่รู้ถึงความหมายที่ฮ่องเต้ถามเช่นนี้ แต่ก็ยังคงตอบตามความจริงว่า “เรียนฮ่องเต้ ท่านอ๋องดีกับข้ามาก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหัวอย่างปลอบโยนพร้อมพูดว่า “เจ้ามีความรู้ทางการแพทย์ ได้จัดยาบำรุงให้กับตนเองบ้างหรือไม่?”
“เรียนเสด็จพ่อ สุขภาพร่างกายของข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะยังคิดถึงอาการบาดเจ็บของนาง จึงค่อนข้างซาบซึ้งใจ
ฮ่องเต้หมิงหยวนไอแห้งๆหนึ่งที อย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ต้องดูแลบำรุงอย่างดี นี่เกี่ยวข้องกับอนาคต…..อืม ต่อมาจะมีทายาทของราชวงศ์ ก็จะต้องมีสุขภาพร่างกายที่ดี”
เดิมคำพูดนี้ไม่ควรที่จะเป็นเขาพูด แต่ก็มีเพียงเขาต้องพูด ไม่อย่างนั้นให้ใครไปพูด ก็ล้วนจะต้องบ่ายเบี่ยง โดยเฉพาะทางด้านฮองเฮา ไม่สามารถที่จะพูดคำพูดพวกนี้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนเสียนเฟย ช่างเถอะ
หยวนชิงหลิงอึ้ง สักพักแล้วก็เข้าใจ อายจนใบหน้าร้อนผ่าว
เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนเริ่มพูดแล้ว ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ยังไงก็ไม่ดูไม่เป็นธรรมชาติขนาดนั้น “หากตนเองไม่สามารถจัดยาบำรุง ก็ให้หมอหลวงออกใบสั่งยาให้ ทานติดต่อกันสองสามเดือน ก็จะต้องมีข่าวดีแล้วแน่”
หากพูดเพียงประโยคเดียว หยวนชิงหลิงจะไม่คิดมาก
เรื่องพูดที่ค่อนข้างไม่เหมาะสมขนาดนี้ ฮ่องเต้กลับพูดแล้วพูดอีก ทำให้หยวนชิงหลิงอดที่จะไม่คิดลึกไม่ได้
แต่ครุ่นคิดก็ไม่ใช่ตอนนี้และสถานที่นี้ นางทำได้เพียงพูดขึ้นอย่างเก้อเขินว่า “เพคะ”
“เอาล่ะ กลับไปเถอะ เรื่องที่ข้าคุยกับเจ้าในวันนี้ เจ้ากลับไปพูดคุยกับเจ้าห้าของเจ้าเถอะ ส่วนอย่างอื่นไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงถวายบังคมทูลลา แต่ในใจกลับสงสัยอย่างมาก
ตอนกลางคืน ทั้งสองสามีภรรยาอยู่บนเตียงแต่ไม่กระทำอะไรกัน กำลังช่วยกันวิเคราะห์คำพูดของฮ่องเต้ในวันนี้
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เสด็จพ่อของเจ้า ทำไมถึงต้องสนใจว่าข้าจะมีหรือไม่มีลูก?”
หยู่เหวินเห้าโอบกอดนาง นิ้วมือลูบเส้นผมของนางพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
หยวนชิงหลิงกล้าคาดเดา พร้อมพูดว่า “เขาคิดอยากที่จะยกให้เจ้าเป็นองค์ชายรัชทายาทหรือเปล่า?”
หยู่เหวินเห้าส่ายหัว พร้อมพูดว่า “ไม่มีทาง หนึ่งปีมานี้ เสด็จพ่อเย็นชากับข้ามาก และก็ผิดหวังอย่างมาก”
“นั่นเป็นเพราะว่าข้า…..ก่อให้เกิดเรื่องที่จวนเจ้าหญิง ตอนนี้เราดีกันแล้ว และคิดว่าก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ เขาค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับเจ้าหรือเปล่า?”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “แต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท ถ้าไม่เลือกคนโต ก็ต้องเลือกคนที่สืบสายเลือดโดยตรง”
“จะเป็นไปได้ที่จะเลือกลูกสนมหรือ?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ เอียงหน้ามองดูนางพร้อมพูดว่า “ในใจเจ้า คิดว่าข้ามีพรสวรรค์ที่ดีมีคุณธรรมหรือ?”
“ไม่” หยวนชิงหลิงปฏิเสธทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่พูดถึงความมีคุณธรรม ความภักดีและความกล้าหาญถือว่ามีอยู่ไม่น้อย”
หยู่เหวินเห้าหนุนแขนทั้งคู่ของตน แล้วก็ครุ่นคิด เสด็จพ่อจะมีความคิดเช่นนี้จริงหรือ?
“ในใจเจ้าคิดอย่างไร? อยากเป็นองค์ชายรัชทายาทหรือไม่?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดว่าไม่อยาก ก็แสร้ง แต่พูดว่าอยาก…. ก็ต้องเสียสละอย่างมาก”
หยวนชิงหลิงนอนคว่ำอยู่บนเตียง ข้อศอกรองรับอยู่บนที่นอน พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงข้ารู้สึกว่า เสด็จพ่อกำลังสอดแนมความคิดของไท่ซ่างหวงอยู่ ไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญในตัวเจ้า ตอนนี้ข้าก็เป็นที่เอ็นดูของไท่ซ่างหวง…..”
หยู่เหวินเห้าอึ้งไปสักพัก แล้วมองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ความหมายของเจ้าก็คือ เสด็จพ่อไม่ได้ตั้งใจที่จะแต่งตั้งข้า เพียงแค่อยากทำตามความหมายของไท่ซ่างหวงเท่านั้น?”
“มีความเป็นไปได้ ไม่ว่าเสด็จพ่อจะเป็นองค์ชายรัชทายาทหรือเป็นฮ่องเต้ หรือตอนนี้ที่เป็นฮ่องเต้ ตลอดชีวิตนี้ก็เคยชินกับการเชื่อฟังไท่ซ่างหวง หากวันใดที่ไท่ซ่างหวงยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะเคารพและให้เกียรติไท่ซ่างหวง นี่เป็นความเคยชินทางจิตใจที่สะสมมานาน”
หยู่เหวินเห้าครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่เจ้าพูดมาก็ถือว่ามีเหตุผล”
หยวนชิงหลิงเอามาเท้าคาง พร้อมพูดว่า “ตอนนี้สามารถพูดได้เพียงว่าเสด็จพ่อมีความคิดที่จะแต่งตั้งเจ้า ดังนั้นจึงพูดถึงเรื่องที่ข้าควรมีลูก”
หยู่เหวินเห้าจ้องมองดูนาง พร้อมพูดว่า “พวกเราคลอดลูกชาย เพราะพวกเราอยากมีลูกสักคนไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น”
หยวนชิงหลิงคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาในทันใด ก่อนหน้านี้นางลืมทานยาคุมแล้ว
น่าจะยังอยู่ในช่วงระยะปลอดภัย?
แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า นางมาที่นี่ตั้งนานขนาดนี้ เหมือนแทบจะยังไม่เคยเป็นประจำเดือน
มานานแค่ไหนแล้ว? นางยกนิ้วขึ้นมานับ อย่างน้อยก็น่าจะมีหนึ่งเดือนกว่าแล้ว?
แล้วนางก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หรือว่าเจ้าของเดิมยังไม่เคยมีประจำเดือน? ผู้หญิงในยุคโบราณค่อนข้างเติบโตช้า อายุสิบเจ็ดสิบแปดแล้วค่อยมีประจำเดือนถือเป็นเรื่องปกติ
แต่หากไม่ใช่ล่ะ?
โอ้พระเจ้า เจ้าของเดิมเพิ่งจากอายุเท่าไหร่? เหมือนเพิ่งจะสิบเจ็ดหรือเปล่า? อายุแค่สิบเจ็ดก็จะเป็นแม่คนแล้วหรือ?
ถึงแม้ยุคสมัยนี้ จะเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่นางไม่สามารถรับได้
เมื่อคิดถึงคำพูดของไท่ซ่างหวง บอกว่าจะเอาสามคน นางมีความคิดที่จะเสียชีวิตอยู่ที่นี่ทันที
นางพูดขึ้นอย่างเศร้าโศกว่า “เรื่องเกี่ยวกับลูก เราไม่รีบ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยให้เกิดมาในสภาวะที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุด”