บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 169
ตอนที่มา ในใจมีคำพูดมากมาย ตอนนี้เจอหยวนชิงหลิงไม่ดุเหมือนตอนที่เจอในที่เกิดเหตุแบบนั้น ยิ่งดูเป็นหลักเป็นการ
เขากำลังจะต่อว่าอย่างเป็นหลักเป็นการ หยวนชิงหลิงกลับพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “มีธุระก็พูดมา แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องตกน้ำ ข้าว่าเจ้าหุบปากเถอะ”
คำพูดตำหนิของเขาถูกดักอยู่ตรงลำคอ อึ้งไปสักพัก แล้วก็เบิกตาพูดขึ้นว่า “ทำไมพูดไม่ได้? เรื่องนี้ยังไม่จบ เจ้าต้องยอมรับความผิดของเจ้า ยังต้องขอโทษชุ่ยเอ๋อ ไม่อย่างนั้น เรื่องนี้จะเดือดร้อนฟ้องไปถึงเสด็จพ่อ ให้เสด็จพ่อมาตัดสินเรื่องนี้”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเยาะ มองดูเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “โตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เลิกนมอีกหรือ? เรื่องอะไรก็จะไปฟ้องเสด็จพ่อ ฟ้องฮองเฮา ฟ้องพระชายา เจ้าไม่มีสมองหรือ?
อ๋องฉีโกรธขึ้นมาทันที คนแบบนี้มีความโจมตีชีวิตมากเกินไป อีกอย่าง นางบอกว่าตนเองไม่มีหัวสมองไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว
“ข้าเป็นถึงอ๋อง จะให้เจ้ามาดูหมิ่นหลายต่อหลายครั้งแบบนี้ไม่ได้”อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง
หยวนชิงหลิงนั่งลง พูดขึ้นสงบว่า “ข้าก็เป็นพระชายาหวังเฟยคนหนึ่ง เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้ายิ่งไม่ควรที่จะมาหยาบคายที่นี่”
อ๋องฉีกระทืบเท้าพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้มาเพื่อจะเถียงกับเจ้าเรื่องนี้ เรื่องตกน้ำ ยังไงวันนี้เจ้าก็จะต้องพูดกับข้าให้กระจ่าง ไม่อย่างนั้นข้า…..”
หยวนชิงหลิงพูดตัดคำพูดของเขาอย่างเย็นชาว่า “ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไปฟ้องต่อหน้าเสด็จพ่อหรือ?”
อ๋องฉีค่อนข้างหน้าเสีย พูดขึ้นอย่าโมโหว่า “เจ้าอย่าคิดที่จะมาพูดให้ข้าสะอิดสะเอียน ก่อนหน้านี้เห็นแก่หน้าท่านพี่ห้า จึงไม่เอาเรื่องเจ้า วันนี้ตอนที่อยู่นอกเมือง เจ้ากลับย้อนแว้งกัดใส่ร้ายชุ่ยเอ๋อ บอกว่าชุ่ยเอ๋อผลักเจ้าตกน้ำ ชุ่ยเอ๋อใจดี แม้แต่มดยังไม่กล้าเหยียบตายสักตัว ทำไมเจ้าถึงพูดนางเช่นนี้ได้ลงคอ? เจ้ายังมีหัวใจอยู่ไหม? เจ้าไม่มีเหตุผลเสียเลย”
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ใจดี? คนที่เจ้าพูดถึงจะต้องไม่ใช่ฉู่หมิงชุ่ยแน่ ฉู่หมิงชุ่ย เป็นคนที่ชำนาญในการใช้เล่ห์กล เป็นผู้หญิงใจร้าย”
สีหน้าอ๋องฉีเขียวปัดขึ้นมาทันที ชี้หน้าหยวนชิงหลิง พร้อมพูดว่า “เจ้า…เจ้าอย่ารังแกคนอื่นจนเกินไป”
“นี่ถือเป็นการรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดว่า “หากเจ้ารับไม่ได้กับคำพูดของข้าที่จะพูดต่อไปนี้ เจ้าก็รีบไปจะดีกว่า”
อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เจ้าพูดมา ข้าจะดูว่าเจ้าจะพูดคำพูดหยาบคายร้ายกาจขนาดไหนออกมา”
วันนี้เขาตัดสินใจที่จะเอาเรื่องหยวนชิงหลิงให้ถึงที่สุด
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เจ้า ตาบอดจิตใจบอด ไม่แยกผิดถูก ไม่รู้จักนึกคิด ไม่รู้จักพิจารณา ลูกผู้ชายควรที่จะมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ยาวไกล เจ้ารักฉู่หมิงชุ่ยไม่เป็นไร แต่ความรักกับปณิธานไม่เคยส่งผลกระทบต่อกัน ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายที่รู้จักล้อมรอบอยู่แต่กับผู้หญิงแบบนี้ ไม่มีปณิธาน ไม่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ต่อหน้าฉู่หมิงชุ่ย เจ้าก็เหมือนหมาพันธุ์ปั๊กตัวหนึ่ง ฉู่หมิงชุ่ยใช้เพียงมือเดียวก็สามารถทำให้เจ้าหัวหมุนตามได้ง่ายๆ เจ้าเหมือนกับคนโง่คนหนึ่งที่ถูกนางหลอกใช้ วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เจ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เกิดเหตุ ทั้งที่เห็นฉู่หมิงชุ่ยไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร เจ้าละเลยไม่สนใจประชาชนมากมายที่ได้รับบาดเจ็บ มาพูดกับข้าเรื่องตกน้ำอย่างไม่เลือกสถานที่ วุ่นวายขัดขวางไม่ให้ข้ารักษาผู้บาดเจ็บ ถือว่าไม่มีความเมตตาปรานี เจ้าเป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ ไม่ช่วยแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อ ช่วยแก้ไขความทุกข์ยากลำบาก ถือว่าอกตัญญู เจ้ากินเงินเดือนราชวงศ์ กินเลือดและหยาดเหงื่อของประชาชน แต่กลับเมินเฉยต่อชีวิตความเป็นความตายของประชาชน ถือว่าไม่ภักดี ทุกคนในแม่ทัพเฝ้าประตูเมือง กรมการพระนครต่างก็รีบช่วยกู้ภัยในสถานที่เกิดเหตุอย่างสุดชีวิต แข่งกับเวลาเพื่อช่วยผู้คน เจ้ากับมันเฉยคิดถึงแต่บาดแผลที่มีรอยเลือดเพียงเล็กน้อยตรงปลายคางของพระชายาเจ้า ไม่สนใจแม้แต่การช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่และทหารที่วุ่นวาย ถือเป็นความไม่ชอบธรรม คนไม่ภักดี ไม่กตัญญู ไม่มีความเมตตาปรานี ไม่มีความชอบธรรมอย่างเจ้า ข้าดูถูกเจ้าจากก้นบึ้งของหัวใจ”
คำพูดรัวเหมือนปืนใหญ่นี้ อ๋องฉีโกรธจนตาเหลือก พร้อมพูดว่า “เจ้า…..เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้หรือ?”
“ข้าพูดประโยคไหนผิด? เจ้าว่ามา”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเสียงดัง
อ๋องฉีจ้องมองนางด้วยสีหน้าแดงก่ำ อธิบายไม่ถูกเลยสักประโยค สุดท้ายก็พูดขึ้นอย่างโกรธและโมโหว่า “ข้ามาพูดกับเจ้าเรื่องตกน้ำ เจ้าจะมาพูดเรื่องพวกนั้นกับข้าทำไม? ข้าไม่มีปณิธานก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรยุ่ง”
“พูดเรื่องตกน้ำใช่ไหม?” หยวนชิงหลิงไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ มองดูเขาพร้อมพูดว่า “เจ้ามานี่ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง”
“เจ้ามีอะไรก็พูดมา” อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “อย่าคิดที่จะใช้เล่ห์กล”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืน เอามือล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ หัวเราะพร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ได้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเกี่ยวกับการตกลงไปในน้ำ”
ไม้ปราบหล่นตกอยู่ในมือ กดปุ่ม ไม้ปราบยาวขึ้นมาเป็นท่อนๆ
อ๋องฉีจ้องมองนาง ก้าวถอยหลังไปทีละก้าว พร้อมพูดว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้ากล้าตีข้า ข้าจะฟ้อง….”
หยวนชิงหลิงฟาดลงไป ตีตรงศีรษะและใบหน้า พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “ฟ้อง ฟ้องเลย ข้าพูดกับเจ้ามากมายขนาดนั้น เจ้ายังจะพูดเรื่องตกน้ำกับข้าวหรือ? เรื่องตกน้ำ ความจริงก็คือฉู่หมิงชุ่ยผลักข้าตกลงไป แล้วนางก็กระโดดตกลงมาตาม ข้าว่ายน้ำไม่เก่ง เพื่อทำร้ายให้นางตาย ถึงกับจะเอาตนเองไปจมน้ำตายด้วยหรือ? เจ้าโง่ข้าไม่ได้โง่ เจ้าไม่มีสมองข้ามี วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าคนที่โง่เง่าคนนี้ให้ตาย ฉู่หมิงชุ่ยเป็นใคร? นางมีคนทั้งตระกูลฉู่คอยสนับสนุน ส่วนข้าไปบุกทำร้ายนางถึงจวนอ๋องหวยอย่างไม่คิดชีวิตหรือ? ข้ากับนางมีความแค้นบาดมางอะไรกัน? วันนั้นข้าให้นางสาบานต่อหน้าเจ้า นางไม่กล้า ทำไมถึงไม่กล้า? นางกลัว แต่ข้ากล้า หากวันนั้นข้ามีใจคิดที่จะทำร้ายฉู่หมิงชุ่ยเพียงนิด ได้ผลักนางตกน้ำ ข้าหยวนชิงหลิงขอให้ไม่ตายดี ตายอย่างไร้ที่ฝัง”
คำพูดพวกนี้ น่าโมโหยิ่งกว่าคำตำหนิเขาเมื่อกี้ ด่าไปด้วยตีไปด้วย อย่างน้อยก็น่าจะตีไปแล้วห้าหกที
“ข้าจะฆ่าเจ้า….”อ๋องฉีโกรธจนเหมือนไฟลุกท่วมตัว แต่ในมือนางถือไม้ปราบไว้ เข้าไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้ เพียงแค่จ้องมองดูนาง อย่างโกรธเคืองที่สุด ปากก็พึมพำซ้ำๆว่าจะฆ่านาง
เขาไม่เคยคิดว่า หยวนชิงหลิงจะกล้าตีเขาจริงๆ
เกินไปแล้ว ป่าเถื่อนมากเลย
หยวนชิงหลิงถือไม้ปราบเดินไป อ๋องฉีก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว มองดูนางอย่างหวาดระแวง พร้อมพูดว่า “เจ้าอย่าเข้ามา เจ้าคิดอยากทำอะไร? ถอยหลัง รีบถอยหลัง”
“ใต้เท้าทัง”หยวนชิงหลิงตะโกนไปทางด้านนอกประตู มีหลายหัวที่อยู่ด้านนอกยื่นดูอย่างตื่นเต้น
ทังหยางเดินเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว แล้วพูดขึ้นว่า “พระชายาเชิญรับสั่ง”
“เตรียมน้ำชาให้กับอ๋องฉี”หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
“เจ้าอย่าทำเป็นหวังดี เจ้าคิดจะวางยาพิษใช้ไหม? เจ้ากล้า? หยวนชิงหลิง เจ้ากล้าหรือ?”อ๋องฉีตะคอกพูด
“นั่งลง”หยวนชิงหลิงชี้ไปที่เก้าอี้ พร้อมพูดขึ้นด้วยท่าทีสงบ
ความโกรธได้ระบายออกมาแล้ว มองดูใบหน้าศีรษะของเขาที่บวม ค่อยรู้สึกว่าตนเองลงมือรุนแรงไป น่าจะตีตามร่างกาย แต่ไม่ใช่ใบหน้า
“ข้าไม่นั่ง เจ้าลงมือตีข้า ผู้หญิงดุร้ายอย่างเจ้า เจ้าทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายพระเจ้า….”
ความอดทนของหยวนชิงหลิงค่อยๆหายหมดไปอีก จึงตะคอกพูดขึ้นว่า “นั่งลง”
อ๋องฉีตกใจจนตัวหด รีบกระโดดมานั่งลง มองดูนางอย่างหวาดระแวง
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดว่า “บางคำพูด เมื่อพูดซ้ำๆ เจ้าไม่รำคาญที่จะฟังแต่ข้าเบื่อที่จะพูดแล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ตัวเจ้าเองระวังตัวไว้บ้าง ในใจฉู่หมิงชุ่ยไม่มีเจ้า นางอภิเษกกับเจ้าเพราะเจ้าเป็นโอรสสายเลือดตรง เจ้ามีโอกาสที่จะถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาทมากที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คือโสวฝู่ฉู่ มีใจที่จะสนับสนุนให้เจ้าขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งนั้น นางกำลังหลอกใช้เจ้า หากเจ้ายอมรับได้กับความรักที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์กับหลอกลวง ข้าก็ว่าอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ขอร้องเจ้าว่าต่อไปจะทำอะไรพูดอะไรก็ใช้สมองคิดบ้าง อย่าทำให้ราชวงศ์ต้องขายหน้า อย่าทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายเพราะเจ้า กระทำเรื่องที่อ๋องปกติคนหนึ่งควรกระทำ กระทำเรื่องที่ผู้ชายคนหนึ่งควรกระทำ”
นางสุดลมหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง ความขุ่นมัวในใจหายไปหมดแล้ว เก็บไม้ปราบไว้ในกระเป๋าแขนเสื้อ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตั้งใจดื่มชา ทำใจให้สงบแล้วคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไป ไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้วนะ”
พูดจบ นางก็ก้าวเดินอกไป