บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 18
ยาชามีปริมาณไม่มากนัก หยู่เหวินเห้านอนแกร่วอยู่ที่ห้องโถงตำหนักข้างเพียงไม่นาน ประสาทสัมผัสก็ฟื้นกลับมาเหมือนเดิมแล้ว
หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ข้างๆเขา คนรับใช้ที่เดิมทีต้องอยู่คอยปรนนิบัติรับใช้ภายในตำหนัก ต่างก็ถูกหยวนชิงหลิงสั่งให้ออกไปจนหมด ในห้องโถงตอนนี้จึงเงียบเหงาอย่างยิ่ง
นิ้วมือที่แข็งดั่งคีมเหล็ก บีบเข้าที่คอของนางจนแน่น บีบจนนางแทบจะหายใจไม่ออก หยู่เหวินเห้าดูเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังโกรธเกรี้ยวตัวหนึ่ง โทสะนั้นพวยพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เค้นเสียงเหี้ยมๆแล้วเอ่ยลอดไรฟันออกมาว่า “นี่เจ้าถึงขั้นบังอาจวางยาพิษเสด็จปู่เลยอย่างนั้นหรือ?”
หัวของหยวนชิงหลิงถูกบังคับให้เงยขึ้น ใบหน้าของนางแดงก่ำ เส้นเลือดฝอยในดวงตาแตกจนแดงเถือก นางฝืนพูดด้วยความยากลำบากว่า “ท่านอ๋อง จะไม่ลองก้มหน้าดูหน่อยหรอกหรือ?”
เข็มเล่มหนึ่งแทงทะลุเนื้อต้นขาของเขาเข้าไปแล้ว เข็มนั้นมีลักษณะที่พิเศษมาก มันมีท่อเล็ก ๆ ซึ่งมีของเหลวบรรจุอยู่ข้างใน
“ เจ้าจะบีบคอข้าให้ตายก็ได้ แต่ก่อนที่ข้าจะตาย เจ้าเองก็ต้องเหลือแค่หนทางตายด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ทำไมไม่ลองฟังสิ่งที่ข้าจะพูดดูสักหน่อยล่ะ?” หยวนชิงหลิงพูดอย่างยากลำบาก แววตาแข็งกร้าวไม่ยอมแพ้
มือของเขาค่อยๆคลายออกช้าๆ แต่ทว่า ความโกรธในดวงตาของเขา กลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลาบิดเบี้ยวไปเพราะความโกรธ เขาฝืนพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะระงับความโกรธของตัวเองให้ได้
“พูดมา ว่าเจ้าใช้ยาพิษอะไรกันแน่?” เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า หยวนชิงหลิงจะใช้พิษเป็น ดูเหมือนว่าที่ผ่านมา เขาจะประเมินนางต่ำเกินไปแล้วจริงๆ
หยวนชิงหลิงถอดเข็มออก ยกยิ้มแกมประชดประชัน “ วางยาพิษไท่ซ่างหวงทั้งที่ยังอยู่ในวัง นี่ข้าไม่อยากมีชีวิตแล้วอย่างนั้นสินะ?”
“พูดมา!” เขาตะคอกอย่างเหลืออด
หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆเฮือกหนึ่ง “ นั่นไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นยา สถานการณ์ของไท่ซ่างหวงไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ข้ากำลังช่วยเขาอยู่ต่างหาก”
หยู่เหวินเห้ายกยิ้มเย็นชา ในแววตาปรากฏไอสังหารขึ้นมาวูบหนึ่ง “ข้าไม่รู้เลยนะ ว่าตัวเองได้แต่งหมอเทวดาผู้หนึ่งมาเป็นภรรยา”
เขายืนขึ้น บิดข้อมือของนางแล้วพูดว่า “ไป! ตามข้าไปรับความผิดต่อเบื้องพระพักตร์เสด็จพ่อเดี๋ยวนี้”
หยวนชิงหลิงถูกเขาลากไปกับพื้น นางไม่สามารถหลุดออกจากมือเหล็กของเขาได้ หลังจากถูกลากถูลู่ถูกังไปหลายต่อหลายก้าว ในความตื่นตระหนกนั้น นางก็พูดขึ้นว่า “เอาสิ! ให้ข้าไปรับโทษเลย ถึงตอนนั้นข้าจะบอกทุกคนไปว่า เป็นฉู่หมิงชุ่ยที่สั่งให้ข้าทำแบบนั้น”
หยู่เหวินเห้าตบเข้าไปที่ใบหน้าของนางฉาดหนึ่ง ตบแรงมากจนกระทั่งใบหน้าสะบัดไปด้านข้างเลยทีเดียว
เขาย่อตัวลง ใช้สองนิ้วออกแรงบีบที่คางของนาง คล้ายมีเจตนาจะบีบให้กระดูกแหลกคามือไปอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาเกรี้ยวกราดเหมือนพายุอันบ้าคลั่ง กัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
มุมปากของหยวนชิงหลิงมีเลือดไหลออกมาแล้ว นางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของน้ำจื่อจิน เพียงแต่ นางไม่อาจทนต่อความอัปยศอดสูแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้วจริงๆ
นางฝืนยกมุมปากขึ้นอย่างยากลำบาก ส่งยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา พลางปักเข็มฉีดยาเข็มหนึ่งเข้าไปที่ต้นขาของหยู่เหวินเห้าสุดแรง
เมื่อหยู่เหวินเห้าพบเข้า มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ร่างเขาทั้งร่างเริ่มอ่อนแรงง่วงงุน ค่อยๆคลายมือออกจากตัวนางไปอย่างช้าๆ
หยวนชิงหลิงพลิกฝ่ามือขึ้นมา ตบเข้าที่ใบหน้าเขาฉาดใหญ่ๆไปฉาดหนึ่ง กัดฟันกรอดพลางพูดเหมือนที่เขาทำเมื่อครู่นี้ว่า “ข้าก็เกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง! เดิมทีมันก็ควรจะต้องเป็นเจ้าให้เกียรติข้าหนึ่งคืบ ข้าก็จะให้เกียรติเจ้าหนึ่งศอก แต่นี่เจ้ากลับเอาแต่ทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทุบตีทำร้ายข้าไม่มีลดราวาศอก นี่มันเกินขีดความอดทนขั้นต่ำสุดของข้าไปแล้วนะ ข้าเคารพที่เจ้าเป็นพวกคนในรั้วในวังคนหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า ข้าจะปล่อยให้เจ้ามาทำร้ายรังแกข้าอย่างไรก็ได้นะ ถ้าเจ้ามีปัญญาก็ไปทูลขอฝ่าบาทนู้นสิ ไปขออนุญาตให้เจ้ากับข้าหย่าขาดกันไปเลย แทนที่จะมาทำอะไรเฮงซวยที่มันทำลายถึงชื่อเสียงของตัวเอง อย่างการทำตัวหน้าตัวเมีย รังแกผู้หญิงอยู่อย่างนี้ นี่จะยังนับว่าเป็นวีรบุรุษได้อยู่อีกเหรอ!?”
หยู่เหวินเห้าล้มฮวบลงกับพื้น ดวงตาเริ่มหม่นแสงแต่ยังคงจ้องมองนางเขม็งไม่ลดละ คล้ายอยากฉีกเนื้อนางแล้วกลืนเข้าไปทั้งเป็นอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่า สายตาที่แสดงเจตนาร้ายนี้ก็อยู่ได้ไม่นานนัก ก็มีอันต้องค่อยๆปิดลงไปช้าๆ
ครั้งแรก ยังไม่สามารถวางยาเขาให้สลบไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ พอมาครั้งนี้ นางก็ทำมันสำเร็จได้ในที่สุด
หยวนชิงหลิงค่อยผ่อนคลายร่างกายลง สูดลมหายใจเข้าออกหนักๆ น้ำตาเริ่มเอ่อท้นออกมาอีกครั้ง นางรีบเงยหน้าขึ้น บังคับน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปอย่างสุดความสามารถ
ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้ นางยังหาหนทางรอดให้ตัวเองไม่ได้เลย
นางหยิบกล่องยาออกมาเปิดดู กล่องยาใบนี้หลังจากที่มันลงสู่พื้นแล้ว มันจะเปลี่ยนขนาดตัวเองให้ใหญ่ขึ้นโดยอัตโนมัติ และจะหดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟเมื่อมันอยู่เหนือพื้น ช่างเป็นอะไรที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์มากจริงๆ
นางอ้าปากค้างไปพลาง ตรวจสอบยาที่อยู่ข้างในไปพลาง
ก่อนหน้านี้ ยาที่อยู่ในกล่องส่วนใหญ่จะเป็นยาสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บภายนอก แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นยาที่ใช้รักษาโรคหัวใจไปแล้ว รวมถึงยาเม็ดที่ใช้อมใต้ลิ้นอีกสองขวดด้วย
นี่ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์จริงๆ ในห้องปฏิบัติการทดลองของนาง ไม่เคยมียาอมใต้ลิ้นมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมียาชนิดอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีกมากมายหลากหลายชนิด เช่นยาเม็ดโพรพราโนลอล Propranolol Hydrochloride Tablets ทั้งยาตันเซินซึ่งเป็นกลุ่มยาที่จัดเป็นสมุนไพรจีน ก็ล้วนเป็นยาที่นางไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน
มาตอนนี้ ยาเหล่านั้นกลับถูกจัดวางเรียงรายเอาไว้อย่างเรียบร้อยที่ชั้นล่างของกล่องยาแล้ว
ที่น่าตลกยิ่งกว่านั้นคือ ถึงขั้นมีเครื่องตรวจฟังเสียงของหมอแล้วด้วยซ้ำ
นางนั่งแหมะอยู่บนพื้น ปากหลุดพูดประโยคหนึ่งที่ในชีวิตนี้นางไม่เคยพูด และไม่เคยคิดที่จะพูดออกมาว่า “แม่งเอ๊ย! นี่มันโคตรจะประหลาด โคตรจะอะเมซิ่งเกินไปแล้ว!”