บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 185
ก่อนที่งานชมดอกไม้จะจบลง ฮองเฮาก็ได้เรียกหยวนชิงหลิงกับพระชายาอ๋องซุนเข้าไป เพื่อสอบถามว่าชอบคุณหนูตระกูลไหน
พระชายาอ๋องซุนพูดออกมาสองสามคน หยวนชิงหลิงกับส่ายหน้า: “ไม่มี”
คำตอบนี้ทำให้ฮองเฮาและเหล่าสนมต่างหันมามอง
ทุกคนต่างพากันคิดว่า พระชายาอ๋องฉู่ขี้อิจฉา ดูแล้วคงจะเป็นเรื่องจริง
เพียงแต่ว่า ต้องไว้หน้าเสียนเฟย เลยไม่มีใครกล้าพูดออกมา
ฮองเฮาเองก็ยังฝืนยิ้มออกมา “ในเมื่อไม่สนใจ อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”
หยวนชิงหลิงได้รับสายตาเกลียดชังจากเสียนเฟยเต็มๆ
ตอนที่ออกมาจากวัง แม่นมสี่ก็พูดขึ้น: “พระชายาควรจะพูดออกไปสองสามคน”
“สองสามคน?” หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ดี “แค่คนเดียวข้ายังไม่อยากพูดเลย ยังจะให้พูดสองสามคนงั้นหรือ?”
แม่นมสี่จึงพูดขึ้น: “แค่พูดพอเป็นพิธี ยังไงก็ไม่มีทางรับชายารองได้หมด งานชมดอกไม้ครั้งนี้ฮองเฮาเองก็เป็นเจ้าภาพ บอกไปสองสามคนเพื่อไว้หน้านางบ้าง พระชายาคิดว่าพระชายาอ๋องซุนชอบจริงหรือ?นางเองก็ทำไปเพราะไว้หน้าและเป็นพิธีเท่านั้น และเพื่อให้เกียรตินาง แล้วก็ไม่ทำร้ายชื่อเสียงตัวเองด้วย แต่พระชายากลับได้ชื่อว่าขี้อิจฉาไปแล้วแน่นอน”
หยวนชิงหลิงไม่มีอะไรจะพูด ใครจะรู้?
พอกลับมาถึงจวน หยู่เหวินเห้าก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจนางแล้วเดินไปเดินมา แต่ว่ากลับไม่ได้ถามทางออก เพราะเกรงว่าจะถามผิดเรื่อง แล้วเป็นการล่วงเกินคนอื่น
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดี: “นั่งลง อย่าทำให้ข้าตาลาย”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆ นั่งลง พลางถามขึ้นด้วยเสียงไม่ใส่ใจ: “งานชมดอกไม้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ชมจนดอกไม่ร่วงโรย” หยวนชิงหลิงมองเขา และในใจก็รู้สึกรำคาญ “อ๋องทุกคนต้องได้ชายารองใช่หรือไม่?”
“ไม่แน่นอน” หยู่เหวินเห้าหันไปจ้องท้องนาง “ถ้าหากว่าท้องเจ้าเริ่มออกแรง ข้าก็จะมีข้อแก้ตัวกับเสด็จพ่อได้”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย: “แบบไหนถึงเรียกออกแรง?”
“สักสินอัน สักแปดอันละกัน”
หยวนชิงหลิงหยุดโมโห “ข้าไม่ใช่แม่หมูตัวเอง”
ที่จริงในใจของหยู่เหวินเห้านั้นก็กระวนกระวายมาก
เขาไม่ได้ต้องการชายารอง ช่วงนี้เขาก็อยู่สุขสบาย ถ้าหากว่ามีพระชายารองกลับมาด้วย เจ้าหยวนคงจะทะเลาะกับเขาทุกวัน
พอนึกถึงวันพวกนั้น ก็แทบคลั่งเลย
แต่ว่า เรื่องแบบนี้ เขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ถึงเขาจะปฏิเสธกี่ครั้ง มีท่าทีคัดค้าน เสด็จพ่อรับพระราชทานให้หนึ่งคนก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี
ดังนั้นคืนนี้เขาถึงได้กำชับหยวนชิงหลิง ว่าต้องบอกว่าไม่ชอบใครทั้งนั้น และไม่ต้องสนใจว่านางจะถูกนินทาว่าเป็นคนขี้อิจฉาริษยาแล้วจะทำไม?ที่อิจฉาก็เพราะว่าเป็นห่วงเขา
หยวนชิงหลิงเห็นคิ้วเขาขมวดเข้าหากัน จึงพูดขึ้น: “ฮองเฮาถามข้า แต่ข้าบอกว่าไม่ชอบใครเลย แต่ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งบอกอยากแต่งกับท่าน”
“ใคร?” หยู่เหวินเห้าตาตั้ง กำเริบนัก!
พรุ่งนี้ข้าจะฆ่านาง
“ชื่อหยวนหย่งอี้ เห็นบอกว่าเป็นหลานสาวแม่ทัพหยวน ข้าจำไม่ได้แล้ว เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวท่าน”
หยู่เหวินเห้าชะงักไป “ยัยอี้หรือ?นางอย่างแต่งกับข้าหรือ?เป็นไปไม่ได้”
“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้?” หยวนชิงหลิงจ้องเขา
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “ทุกครั้งที่ยัยอี้เห็นข้า นางก็จะตกใจจนถอยหนี นางกลัวข้าขนาดนั้น จะอยากแต่งงานมาเป็นพระชายารองขอข้าได้อย่างไร?”
“แต่ว่านางพูดแบบนี้ออกมา” หยวนชิงหลิงกล่าว
นางรู้สึกว่าที่ผู้หญิงหลบหน้าเขา ไม่ใช่เพราะกลัว อาจจะเป็นเพราะชอบ เขินอาย ไม่รู้ว่าจะเข้าไปตีสนิทยังไง
นางจึงพูดขึ้น: “หรือนางอาจจะอาย ก็เลยวิ่งหลบท่านหรือเปล่า?นางคงเขิน”
“เขินหรือ?” หยู่เหวินเห้าหัวเราะออกมา: “ถ้าบอกว่าเจ้าเขินข้าเชื่อ นางเขินข้าไม่มีทางเชื่อหรอก ผู้หญิงคนนี้ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ตระกูลก็มีเป็นเศรษฐี”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ที่เราคุยกันไม่น่าจะใช่คนเดียวกัน คนที่ข้าเจอวันนี้ นางดูเป็นคนขี้อาย แม้ว่าจะพยายามมองยั่วข้า แต่ตอนที่ข้ามองนาง นางก็จะหลบสายตาทันที”
หยู่เหวินเห้าเองก็แปลกใจ จึงพูดขึ้น: “งั้นก็คงไม่ใช่คนเดียวกัน ยัยอี้ไม่มีทางเขินอายแน่นอน นางใจกล้ามากกว่าผู้ชายอีก”
“แล้วทำไมท่านถึงบอกว่านางกลัวท่าน?”
หยู่เหวินเห้าจึงเล่าเรื่องราวเมื่อก่อน “ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในวัง นางน่าจะอายุห้าขวบได้ เป็นคนของฮูหยินหยวนพานางเข้ามา เพื่อคารวะเสด็จย่า ตอนนั้นข้าเองก็ยี่สิบสองปี ชอบเที่ยว ในอุทยานอวี้ฮวามีงูน้อยตัวหนึ่ง ข้าจับมันได้ จึงรู้สึกสนุก เลยส่งไปให้เสด็จย่า จากนั้นไม่รู้จึงหลุดมือ งูตัวนั้นดันเลื้อยไปหายัยอี้ จนนางตกใจร้องไห้เสียงดัง และหลังจากนั้น สิ่งที่นางกลัวที่สุดในชีวิต ก็น่าจะเป็นข้ากับงู”
เล่าถึงเรื่องวีรกรรม เขาก็มีท่าทีโอ้อวด
หยวนชิงหลิงกลอกตาใส่เขาครั้งหนึ่ง “ทำให้เด็กสาวตกใจร้องไห้ ท่านช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ”
หยู่เหวินเห้าโล่งอกทันที ถ้าหากว่าเป็นยัยอี้ ไม่มีทางคิดจะแต่งกับเขาอย่างแน่นอน
เวลาผ่านไปสองวัน หยู่เหวินเห้ากลับมาจากวังด้วยท่าทางดีใจ พลางจูงมือหยวนไปที่ตำหนักเซียวเยว่
“ชายารองของอ๋องฉีนั้นได้เลือกเรียบร้อยแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ใคร?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“ก็ยัยอี้ไง”
หยวนชิงหลิงประหลาดใจ “หยวนหย่งอี้หรือ?”
หยู่เหวินเห้าดีใจจนปิดบังไม่อยู่ “ใช่ ข้าถามหลิงเอ๋อแล้ว คนที่เจ้าเจอวันนั้นก็คือยัยอี้ คืนนั้นฉู่หมิงชุ่ยเลือกอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นก็คือนาง”
หยวนชิงหลิงรู้สึกตกใจ “ยัยอี้ นางจะเป็นคู่ศัตรูของฉู่หมิงชุ่ยได้อย่างไร? พระเจ้า อ๋องฉีหลงฉู่หมิงชุ่ยจนลืมตาไม่ขึ้น ฉู่หมิงชุ่ยก็เป็นคนจิตใจอำมหิต ถ้านางแต่งเข้าไปอยู่ได้ถึงครึ่งปีก็ถือว่าเก่งมาแล้ว”
ในหัวของหยวนชิงหลิง ตอนนี้กำลังจินตนาการไปถึงภาพหนึ่ง
หยวนหย่งอี้กอดศีรษะตัวเองในที่แห่งหนึ่ง พร้อมทั้งตัวสั่นเทา ดูแล้วน่าเวทนามาก แต่ฉู่หมิงชุ่ยกับนั่งทำหน้าเชิดอยู่ด้านข้าง แล้วมองนางด้วยสายตาแข็งกร้าว
การเปรียบเทียบอย่างเห็นชัดเจน
หยู่เหวินเห้ากลับส่ายหัว “ตอนนี้ใครจัดการใครยังบอกไม่ได้หรอกนะ แต่ว่า พระชายาอ๋องฉีทำไมถึงเลือกนาง?เพราะไม่ใช่ว่าจะไม่รู้นิสัยนาง”
หยวนชิงหลิงฟังประโยคนี้แล้วรู้สึกสงสัยมาก
นิสัยของนางเป็นอย่างไร?
หลังจากที่มีการเลือกชายารองให้อ๋องฉีแล้วนั้น ชายารองของจวนอ๋องจี้กลับเกิดเรื่องขึ้น
กระโดดน้ำ
ตอนที่ช่วยขึ้นมาได้นั้นนางก็หมดลมหายใจแล้ว
กรมพระนครต้องเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้ หลังจากชันสูตรศพแล้ว กลับพบว่าชายารองของอ๋องจี้นั้นตั้งครรภ์
เดิมทีอ๋องจี้มีชายารองสองคนข้างกาย ก่อนหน้านี้ป่วยจนเสียชีวิตไป จนเขาขับไล่หญิงสาวออกไปจากจวนจนหมด เหลือไว้เพียงพระชายารองคนเดียว
พ่อของพระชายารองคนนี้ ก็คือเจ้ากรมอาญา หลังๆ นี้เป็นเพราะการเงินดูไม่สุจริต จึงถูกฮ่องเต้ลดตำแหน่งเป็นนายอำเภอ ให้ไปอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร
พระชายารองตายไปหนึ่งคนแถมยั้งตั้งครรภ์ด้วย ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงให้ความสนใจคดีนี้มาก ไทเฮาเองก็โมโหมาก ตกลงว่ามีคนทำร้ายหรือตัวเองกระโดดลงไปเอง เขาจึงไม่อาจจะอยู่ตรงนั้นต่อได้
หยู่เหวินเห้ารับผลการสอบปากคำที่ได้สอบถามคนรับใช้ของพระชายารองหลิว ถึงได้รู้ว่าว่าท่านพ่อของนางได้ส่งจดหมายมา เพื่อให้พระชายารองหลิวขอร้องอ๋องจี้ เพราะเขาไม่สามารถอยู่ที่นั่นต่อไปได้
สำหรับเรื่องพระชายาหลิวได้ร้องขออ๋องจี้หรือไม่นั้น ก็ต้องถามตัวอ๋องจี้กับพระชายาหลิวแล้ว
แน่นอนว่าไม่มีทางถามพระชายาหลิวได้แน่ หยู่เหวินเห้าคิดว่าควรจะถามอ๋องจี้มากกว่า