บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 187
หลังจากที่หยู่เหวินเห้ากลับมาก็เล่าให้หยวนชิงหลิงฟัง
หยวนชิงหลิงฟังจบก็พูดขึ้น: “พระชายารองหลิวข้าไม่เคยเห็น ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน แต่ว่าหญิงสาวที่กำลังท้องอยู่ตัดสินใจจบชีวิตลงนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า ช่วงเวลาที่นางอยู่กับพระชายาอ๋องจี้นั้นให้นางตายดีกว่า”
“ตอนที่อยู่ในกรมพระนครข้าไม่ได้พูดละเอียด ที่จริงน่าจะเป็นเพราะพระชายาจี้ข่มขู่นาง โดยใช้ชีวิตพ่อนางและคนในตระกูลนางมาข่มขู่” หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงหันไปมองเขา “งั้นคดีก็สรุปแบบนี้หรือ?”
หยู่เหวินเห้าจึงพูดขึ้นอย่างทนไม่ได้: “แล้วจะทำอย่างไรได้? พอเกิดเรื่องขึ้นในจวน และยังเป็นการปลิดชีวิตตัวเอง พระชายาจี้นั้นทำอะไรนิ่งมาก ต้องมีแผนการที่สามารถหาข้ออ้างไปที่นั่น พรุ่งนี้กรมพระนครต้องไปที่นั่นอีกครั้ง พอถึงตอนนั้น ต้องมีอะไรบางอย่างเล็ดลอดออกมา เพียงแต่ช่วยไว้ไม่ทัน เรื่องนี้แม้ว่าจะผ่านไปแล้ว นอกเสียจากว่าอ๋องจี้จะออกหน้าให้นาง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนก้อนหินที่จมลงในน้ำ”
หยวนชิงหลิงเองก็คิดอย่างนั้น
เพียงแค่พระชายารองหลิวคิดฆ่าตัวเองจริง แบบนั้นก็คงไม่สามารถตามอะไรได้
นางอดที่จะรู้สึกทรมานใจกับหญิงสาวผู้นี้ไม่ไหว
ชีวิตนั้นทุกคนต่างก็มีแค่ชีวิตเดียว ถ้าหากว่ามีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยว ใครจะยอมละทิ้งชีวิตตัวเอง?
“จริงสิ” หยู่เหวินเห้าอยู่ดีๆ ก็คิดถึงการป่วยของพระชายาจี้ “วันนี้ข้าเห็นหน้าของพระชายาจี้เหลืองมาก และก็ไอไม่หยุด โรคของนางคงเหลือเวลาไม่มากแล้ว ทำไมถึงได้อาการหนักขนาดนั้น?ก่อนหน้านี้อาการของน้องหกก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนี้”
“เรื่องนี้พูดยาก การต่อต้านของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นกับหลายปัจจัย” หยวนชิงหลิงกล่าว
“เจ้ารักษาได้หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่สามารถทำโดยพลการ ตอนนี้ข้าต้องฟังคำสั่งของกล่องยา ในกล่องยามียาอะไร ข้าต้องทำตามนั้น”
ก่อนที่เรื่องประตูเมืองจะเกิดขึ้นนั้น ในกล่องยานี้เต็มไปด้วยยาของอ๋องหวย แต่ว่า วันนั้นที่เปิดดู กลับมีแต่ยารักษาฉุกเฉินและยาใช้ทาบาดแผล
“กล่องยานี้ถ้าหากว่าไม่มีเทวดาอยู่ก็คงจะเป็นภูตผี” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงหัวเราะ : “ข้าเองก็คิดแบบนั้น”
นางหยิบกล่องยาแล้วเปิดออก เมื่อวานตอนที่ดู ยาในกล่องนี้ล้วนแต่เป็นยาของอ๋องหวย
“เอ๊ะ?” หยวนชิงหลิงประหลาดใจ “วันนี้เกิดอะไรขึ้น?”
กลับมีแต่ยารักษาครรภ์ และยังมีนมบำรุงครรภ์ กับแคลเซียมด้วย
“มีอะไรหรือ?” หยู่เหวินเห้าไม่รู้ว่ายาพวกนี้คือยาอะไร แต่เห็นนางดูแปลกๆ จึงอดถามขึ้นไม่ได้: “คงไม่ใช่กล่องยาบอกเจ้าไปช่วยนางหรอกนะ?”
หยวนชิงหลิงมีสีหน้าแปลกๆ พลางส่ายหน้า “ไม่ใช่ ยาพวกนี้เป็นยารักษาการตั้งครรภ์ พระชายารองหลิวหรือ?แต่นางตายไปแล้ว”
“กล่องยาของเจ้าอาจจะมีปัญหาหรือเปล่า?ยารักษาครรภ์เจ้ายังไม่ต้องใช้ ในวังมีคนเก่งไม่น้อย” หยู่เหวินเห้าพูด
“อาจจะใช่” หยวนชิงหลิงเองก็ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์กล่องยาเท่าไหร่ ปล่อยไปก่อนละกัน
วันต่อมากรมพระนครไปที่จวนอ๋องจี้อีกครั้ง
และก็เป็นอย่างที่อ๋องจี้คิดไว้ ตอนที่สองคนกำลังทำความสะอาดอยู่ก็มองเห็นพระชายารองกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ตอนที่พวกเขาสองคนวิ่งมานั้น เพราะระยะห่างที่ค่อนข้างไกล ทหารจึงกระโดดลงไปช่วยแล้ว
หยู่เหวินเห้ากลับไปที่จวนก่อน แล้วถามขึ้น: “มีเรื่องอะไร ที่ทำให้นางไม่สนใจแล้วตัดสินใจโดดน้ำหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงชะงักไป “เจ้าไม่ใช่บอกว่านางถูกพระชายาจี้ข่มขู่หรือ?”
“ข้าต้องคิดหาข้ออ้างไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อย่างนั้นเรื่องพระชายารองหลิวปลิดชีวิตตัวเองพร้อมลูก ครอบครัวนางต้องเกิดเรื่องแน่ นางไปดีแล้วก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้มันต้องไปทำร้ายคนในครอบครัวนางเลย เพราะนางเป็นคนกตัญญูมาก”
หยวนชิงหลิงคิดไปคิดมา จึงเรียบเรียงเรื่องให้เขา
เรื่องที่หยู่เหวินเห้าขอเข้าเฝ้าเพื่อเล่ารายละเอียดให้ฮ่องเต้หมิงหยวนฟัง พอหลังจากที่เขาฟังจบ ก็ไม่พูดอะไร แล้วสั่งให้หยู่เหวินเห้าไปอธิบายให้ไทเฮาฟัง
ไทเฮาเสียใจอย่างมาก ราชวงศ์เอาแต่รอคอยว่าใครจะสามารถให้กำเนิดลูกได้ แต่ว่าไม่กี่ปีมานี้ เหล่าอ๋องต่างๆ ล้วนแต่ไม่มีข่าวใดๆ เลย อย่างมากก็มีอ๋องซุนกับอ๋องจี้ที่ให้กำเนิดลูกสาว แต่ช่วงนี้ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย
อีกอย่าง พระชายาของอ๋องเว่ยปีก่อนก็ตั้งครรภ์แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอท้องโตได้หกเดือน ครรภ์เกิดเป็นพิษ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้ยังต้องรักษาตัวอยู่ ได้ยินว่าพึ่งลงจากเตียงได้
ยากมากกว่าพระชายารองหลิวจะมีข่าวดี แต่กลับมาปลิดชีวิตตัวเอง ไทเฮาโมโหจนนอนไม่หลับ วันนี้ก็กินอะไรไม่ลง
ตอนที่หยู่เหวินเห้ามา ไทเฮาก็ยังโมโหอยู่ ทุบถ้วยชาม และยังไล่คนออกไป
พอแม่นมที่อยู่ในตำหนักเห็นหยู่เหวินเห้ามาแล้วก็โล่งอกขึ้นมา “ท่านอ๋องท่านรีบเข้าไปพูดหน่อยเพคะ ไทเฮาไม่กินอะไรมาสองมื้อแล้ว เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ เพราะเอาแต่เศร้าโศกเสียใจ”
หยู่เหวินเห้าจึงพูดขึ้น: “ได้ มามาไปเตรียมโจ๊กมา ข้าจะดูแลเอง”
“เพคะ!” มามารีบไปสั่งคนออกไปทันที
พอไทเฮาเห็นหลานรักตัวเองมาแล้ว แล้วก็นึกถึงภาพที่ตัวเองอยากอุ้มหลานชาย ก็อดที่จะถามขึ้นอย่างปวดใจไม่ได้: “เรื่องพระชายารองหลิว ตรวจสอบละเอียดแล้วหรือยัง? ใครเป็นคนทำร้ายนาง?”
หยู่เหวินเห้ามองดูร่องรอยของความโมโห เสด็จย่าโมโหก็เอาเรื่องเหมือนกัน
“มามาบอกว่าท่านยังไม่กินอะไรมาสองมื้อแล้ว ท่านกินข้าวก่อน แล้วหม่อมฉันจะเล่าให้ฟัง” หยู่เหวินเห้านั่งลงข้างๆ นาง พร้อมกับพูดปลอบ
“กินไม่ลง เจ้ารีบบอกมา อย่าทำให้ข้ากังวลใจ” ไทเฮาเห็นเขา ความโมโหก้เบาลงแล้ว ที่เหลือนั้นก็แค่ความเสียใจ
มามายกซุปเข้ามา หยู่เหวินเห้าก็ใช้ช้อนป้อนนาง แล้วบังคับนางให้กินจนหมด แล้วถึงไล่มามาออกไป: “ตรวจสอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางฆ่าตัวตาย”
ไทเฮาได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งโมโห “ฆ่าตัวตายหรือ?นางกล้าพาชีวิตของราชวงศ์ไปตายหรือ?บังอาจมาก นางไม่กลัวถูกประหารทั้งตระกูลหรือ?”
หยู่เหวินเห้าจับมือนางที่สั่นเพราะความโกรธ : “ท่านอย่างพึ่งรีบร้อน ฟังหลานพูดก่อน”
“เจ้ายังคิดจะช่วยพูดให้ตระกูลนางหรือ? ข้าอยากได้หลานชาย อยากได้คนคอยาวๆ ราชวงศ์เราตอนนี้ ไม่มีข่าวดีอะไรเลย ครั้งนี้ ฟ้าอุตส่าห์ประทานมาให้ แต่กลับต้องมาจบลงเพราะนาง” ไทเฮาโกรธจนหน้าเริ่มเปลี่ยนสี
หยู่เหวินเห้าข่มเสียงลง : “บอกให้ท่านใจเย็นลง ท่านจะโมโหทำไม? พระชายารองหลิวตั้งครรภ์ ใครเป็นคนที่ดีใจที่สุด?ก็ต้องเป็นนาง แต่ว่าถ้านางมีทางเลือก นางจะคิดฆ่าตัวตายหรือไม่?”
ไทเฮาชะงักไป มันก็จริง คนในราชวงศ์ต่างก็รอคอยหลานชาย ทุกคนต่างรู้กันหมด พระชายารองหลิวควรจะเป็นคนที่ดีใจที่
“แล้วตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจ้ารีบบอกมา ข้าร้อนใจจะตายแล้ว” ไทเฮาพูด
หยู่เหวินเห้าจึงอธิบาย: “เรื่องที่พระชายาอ๋องจี้ป่วยนั้น ท่านเองก็รู้ พระชายารองอยู่กับนางมา แล้วพอนางป่วย พระชายารองก็คอยรับใช้ตลอด วันนั้นทำไมอยู่ดีๆ ถึงเชิญหมอ ก็เพราะว่านางพบว่าคอตัวเองร้อนผ่าว แต่กลับไม่นึกว่า จะตรวจพบว่าตั้งครรภ์ เสด็จย่า โรคนี้ร้ายแรงมาก ท่านก็รู้ ขนาดน้องหก ยังถูกโรคนี้ทรมานอยู่หลายปี จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าหากว่าพระชายารองติดโรค ลูกของนางก็คงไม่อาจรักษาได้ และถ้าหากนางยังจะพยายามคลอดออกมา เด็กในครรภ์ก็จะเป็นโรคด้วย ดังนั้นจึงต้องจัดการก่อน ถ้าองค์ชายตายก่อนวัยอันควร ก็ดูจะไม่เป็นสิริมงคล พระชายารองทำเพื่อชื่อเสียงของราชวงศ์เรา ถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้น เสด็จย่า นางไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่อย่างนั้น ใครอยากจะทำร้ายชีวิตตัวเอง”
พอไทเฮาได้ฟัง ก็นิ่งไปสักพัก ความโกรธที่เต็มท้องก็ไม่มีที่เอาออก