บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 190
เมื่อออกมาถึงประตู หยวนชิงหลิงจึงถาม:”หมายความว่าอย่างไร นางพูดว่าเจ้ากระด้างกระเดื่องกับท่านพ่อเพื่อการแต่งงาน?
หยวนชิงผิงใบหน้าเคราะห์ร้าย “ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่รู้ว่าหาคนแบบไหนมาให้ข้า แต่ละคนแทนจะเป็นพ่อข้าได้ อีกทั้งยังเป็นอนุด้วย”
หยวนชิงผิงรู้ว่าเจ้าพระยาจิ้งหยวนปาหลงเป็นคนฉวยโอกาส ในสายตาเขาอะไรก็สามารถแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ได้
โดยเฉพาะการยกลูกสาวต้องแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ใหญ่หลวงเป็นแน่
ลูกท่านหลานเธอที่อายุยังน้อยจากวงศ์ตระกูลสูงก็ยังไม่เข้าตาเจ้าพระยาผู้ตกอับ ผ่านไปตั้งหลายปีแล้วก็ยังคงเป็นรองเจ้ากรมอยู่ ไม่ได้เลื่อนขั้นทั้งยังมีแววว่าจะถูกปลดลงมาเมื่อไหร่ก็ได้
หากเป็นวงศ์ตระกูลต่ำเขาก็รู้สึกไม่พอ เพราะอย่างไรก็เป็นพระยาอยู่ดี
มีเพียงหาผู้ที่มีอายุค่อนข้างเยอะ ฐานะมั่นคงและมีอิทธิพล ถึงภรรยาจะตายแล้วก็ช่าง
หยวนชิงหลิงกล่าว:”เรื่องการแต่งงานของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าดูเอง”
“อืม” หยวนชิงผิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ และไม่จริงจัง
หยวนชิงหลิงเมื่อกลับมาถึงจวนแล้วก็ไปถามแม่นมสี่จริงๆ
แม่นมสี่ตอบอย่างไม่ปรานี “ท่านหาไปแล้วใช่ว่าท่านพ่อของท่านพอใจ ท่านขายลูกสาวกิน หากผลประโยชน์ไม่เหมาะสมก็ไม่มีทางยินยอม ท่านอย่าพยายามเสียดีกว่า”
หยวนชิงหลิงยังไม่ละความพยายาม ในยุคสมัยนี้ลูกผู้หญิงแต่งงานหมายถึงทั้งชีวิตที่เหลือ หากไม่ดีก็ไม่สามารถหย่าได้
ยกตัวอย่างเรื่องราวของข้า ก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดี
ดังนั้น เรื่องของหยวนชิงผิงนางจะจำใส่ใจไว้
ตกเย็นเมื่อหยู่เหวินเห้ากลับมานางถามเขา:”ท่านพอจะรู้จักลูกท่านหลานเธอที่นอบน้อมรู้เหตุรู้ผลและยังไม่แต่งงานหรือไม่?
หยู่เหวินเห้าตั้งท่าพร้อมรบ จ้องนางเขม็ง “วางแผนอะไรอีก? อย่าลืมว่าเจ้าแต่งงานแล้ว”
หยวนชิงหลิงกล่าวกลั้วหัวเราะ:”พูดอะไรออกมา? ข้ารับตัดสินใจให้น้องสาวของข้า”
“น้องสาวของเจ้า? ฉากกั้นห้องนั้นน่ะหรือ?” หยู่เหวินเห้านึกถึงน้องสาวภรรยาผู้ดุดัน
“ฉากกั้นห้องอะไร? นางชื่อหยวนชิงผิง” หยวนชิงหลิงกลอกตาใส่เขา
หยู่เหวินเห้ายกชาขึ้นดื่ม “นางต้องการหาสามีแล้วหรือ?”
“ท่านพ่อหาให้นางมาตลอด แต่ก่อนก็เจ้าพระยาหุ้ยติ่ง เดี๋ยวนี้บอกต้องการแบบชายชราที่ภรรยาเสียแล้ว” หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ พลางกุมมือเขา “ท่านบอกว่าหญิงสาวเมื่อแต่งงานแล้วหมายถึงชีวิตที่เหลืออยู่ งานแต่งงานของข้าสมปรารถนา หวังว่าหญิงสาวคนอื่นๆ ก็จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน”
เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ยินก็แบบบ้า ขมวดคิ้วฉับพลันพลางหรี่ตามองนาง “งานแต่งงานของเจ้าสมปรารถนา? เจ้ารู้สึกว่าตัวเองได้แต่งงานกับสามีที่ดีแล้วหรือ? ไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะรู้ถึงความดีของข้า!”
หยวนชิงหลิงโน้มเข้าไปใกล้ หันแก้มของเขามาหอมหนึ่งที ยิ้มไปถึงดวงตา “ใช่แล้ว ข้าไม่เคยบอกหรือ?”
หยู่เหวินเห้าได้ทีออกแรงรวบนางมาจูบแรงๆ หลายที “พูดอีก ข้าชอบฟัง”
“สมปรารถนา สมปรารถนา สมปรารถนา!” เฮ้อ การขอร้องคนนี้เป็นสิ่งที่ยากนัก “งั้นท่านมีคนที่เหมาะสมแล้วหรือ?”
หยู่เหวินเห้ากอดนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:”ยังต้องการคนที่เหมาะสมคนไหนอีก? กู้ซือไม่ใช่ว่าดีมากแล้วหรือ?”
“กู้ซือ?” หยวนชิงหลิงชะงัก ส่ายศีรษะทันที “เกรงว่าจะไม่ไหว กู้ซือไม่ค่อยชอบน้องสาวของข้า”
“อย่างไรหรือ?” หยู่เหวินเห้าถาม
หยวนชิงหลิงตอบ:”โรงโจ๊กที่ประตูเมืองพังทลายในครั้งนั้น ข้ากับน้องสาวเจอกู้ซือ น้องสาวข้าพูดกับกู้ซือแต่กู้ซือไม่ตอบเธอทั้งยังเดินหนีไปอีก ท่าทางนั้นไม่ต้องพูดเลยว่าไม่แยแสขนาดไหน มองจากเงาด้านหลังก็ดูออก”
หยู่เหวินเห้าประหลาดใจ “เคยเกิดเรื่องนี้ด้วยหรือ?”
ไม่ใช่ว่าคราวที่แล้วกู้ซือบอกว่าตกหลุมรักหยวนชิงผิงหรือ เขาโกหกรึ?
แล้วเด็กคนนั้นจะดื่มเหล้าไปทำไม? สรุปเขาตกหลุมรักใครกันแน่?
“น้องสาวของเจ้าพูดกับเขาว่าอะไรหรือ? ไม่ใช่ว่าไปพูดจี้ใจดำเขานะ?” หยู่เหวินเห้าถาม
“ที่ไหนกันเล่า? ถามเพียงแค่ประโยคเดียว กู้ซือก็หันหลังเดินไปเลย” หยวนชิงหลิงยังจำเรื่องนี้ได้ดี
หยู่เหวินเห้ากล่าว:”ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เล่นอะไรอยู่ ช่างเถิด ถึงเวลาเดี๋ยวข้าช่วยหา”
“ฐานะครอบครัวธรรมดาได้ แต่คุณลักษณะต้องดี ไม่เอาแบบที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวเหมือนท่าน” หยวนชิงหลิงย้ำ
หยู่เหวินเห้าไม่สบอารมณ์ “ใครใช้ความรุนแรงในครอบครัว? เจ้าพูดถึงใครใช้ความรุนแรงในครอบครัว? ใช้ความรุนแรงตอนไหน?”
ใช้ความรุนแรงในครอบครัวคือเรื่องอะไร? แค่ได้ยินก็ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว
หยวนชิงหลิงตอบกลั้วหัวเราะ:”แต่ตอนนี้ท่านเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว เทียบกับเมื่อก่อนเปลี่ยนอย่างหลังมือเป็นหน้ามือ”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะอย่างไม่ยินดีนัก “ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เปลี่ยน เจ้าต่างหากเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าเป็นคนละคนจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรอยเฆี่ยนตียังอยู่ ข้าก็ยังสงสัยอยู่ดี”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเหอะๆ ออกมา “ใช่ไหมล่ะ?”
หยู่เหวินเห้ามองนางพลางขมวดคิ้ว “ปกติเวลาเจ้าหัวเราะเหมือนแม่ไก่เป็นเพราะกำลังหวั่นใจ”
หยวนชิงหลิงยิ้มแกนๆ “ท่านต่างหากที่เหมือนแม่ไก่”
หยู่เหวินเห้าเหล่ตามองนาง “ข้ารู้สึกมาตลอดว่าเจ้ามีเรื่องปิดบังข้าอยู่ เรื่องกล่องยาเจ้าต้องรู้เหตุผลแน่ๆ ใช่หรือไม่? คนคนหนึ่งไม่สามารถรู้ทักษะการแพทย์โดยไม่ตั้งใจได้ อีกทั้งที่นี่ไม่มีทักษะการแพทย์เช่นนี้ ยาพวกนี้ข้าบดให้หมอหลวงตรวจดูแล้ว หมอหลวงบอกไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่มีกลิ่นของสมุนไพรเลย”
“ท่านแอบตรวจสอบข้าหรือ?” หยวนชิงหลิงเบิกตากว้าง
“ไม่รู้ก็ต้องหาหลักฐานพิสูจน์” หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างมีเหตุผล
หยวนชิงหลิงถามกลับ:”งั้นท่านอธิบายกับข้าทีว่าน้ำยาจื่อจินมีหลักการอย่างไร? ทำไมกินลงไปแล้วสามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้
“ยาจื่อจินนี้สกัดจากวัตถุดิบล้ำค่าสิบกว่าชนิด สามารถช่วยชีวิตคนได้โดยธรรมชาติ”
“ท่านอย่ามาหลอกข้าว่าไม่เข้าใจแพทย์แผนจีน ยาจีนอันล้ำค่าหลายสิบชนิดมีสรรพคุณทางยาเหมือนกันหรือไม่? เหตุใดจึงรักษาได้เฉพาะบาดแผลภายในและภายนอกแต่รักษาโรคไม่ได้?”
หยู่เหวินเห้าผงะ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ข้าไม่ใช่หมอเสียหน่อย”
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างมีหลักการ “ดังนั้นท่านก็ไม่รู้สรรพคุณทางยาเหมือนกันใช่ไหม? แต่ท่านรู้วิธีช่วยชีวิตคนเหมือนกัน อีกทั้งยังรักษาบาดแผลภายในและภายนอกได้ ถ้าหากลมเย็นเข้าสู่ปอดท่านไม่สามารถให้ผู้ป่วยกินยาจื่อจินได้ และข้าก็ไม่รู้ว่ายาในกล่องยาทำมาจากอะไร แต่รู้ว่ายาเหล่านั้นสามารถรักษาโรคอะไรได้ ก็เป็นเหตุผลเดียวกัน”
หยู่เหวินเห้าฟัง “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เหตุผลเป็นอย่างนี้เอง”
แต่เขากลับรู้สึกไม่ถูกใจ
หยวนชิงหลิงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ไม่ต้องคุยเรื่องนี้แล้ว ยังมีภาระอันเร่งด่วนคือหาสามีให้น้องสาวของข้า ท่านใส่ใจหน่อย”
“อืม วางใจเถิด ข้าจะค้นหาเอง” หยู่เหวินเห้ากล่าว
หยู่เหวินเห้ารวดเร็วและเฉียบขาด เมื่อรับปากว่าจะช่วยหยวนชิงผิงหาสามีแล้วเขาก็เริ่มดำเนินการถามไถ่ทันที ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการเป็นพ่อสื่ออย่างเต็มที่
แต่คนอย่างข้าที่เดินทัพสงครามกับดูแลศาลอาญาไม่ถนัดเรื่องนี้เท่าใดนัก จึงทำได้เพียงให้ผู้ต่ำศักดิ์กว่าช่วยให้คำแนะนำ
ไม่เกินครึ่งวันรายชื่อจำนวนหนึ่งก็ถูกส่งมาให้
หากเรื่องนี้ถูกจัดการโดยคนอื่น หยวนชิงผิงอาจไม่สะดุดตาหลายคน แต่เป็นเพราะท่านอ๋องจัดการด้วยตัวเอง ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ท่านอ๋องใส่ใจเรื่องของจวนเจ้าพระยาจิ้ง จวนเจ้าพระยาจิ้งนั้นถือเป็นกิ่งที่อยู่สูงของอ๋องฉู่
การจะแต่งงานกับหยวนชิงผิงก็ถือเป็นเรื่องสูงส่งสำหรับอ๋องฉู่
ต้องเลือกสามีแบบไหนหยู่เหวินเห้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มองดูรายชื่อเหล่านี้แล้วก็ดูออกเพียงฐานันดร แต่เจ้าหยวนเคยบอกว่าคุณสมบัติความเป็นคนสำคัญที่สุด
ดูเพียงรายชื่อไม่ทำให้รู้คุณสมบัติของคน ต้องหาวิธีให้พวกเขามาอยู่รวมกัน
ผู้ช่วยเจ้ากรมให้ข้อคิดเห็นว่า:”บนโต๊ะพนันสามารถตรวจดูคุณสมบัติของคนได้ หากผู้ใดยามแพ้ไม่โมโหฉุนเฉียว ยามชนะไม่วางอำนาจบาตรใหญ่ ผู้นั้นถือว่าไม่ด้อยคุณสมบัติความเป็นคน”
“มีเหตุผล เจ้าจงไปติดประกาศให้ข้า เชิญพวกเขาไปเล่นไพ่ที่ร้านจู้เสียน!” หยู่เหวินเห้าทำการนัดหมาย