บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 194
เมื่อหมอหลวงตั้งท่ายื่นมือเข้าไปหาข้อมือขาวดุจสำลีอีกครั้ง หยวนชิงหลิงก็เริ่มโกรธแล้ว “ไม่ตรวจแล้ว พวกเจ้าออกไปให้หมดก่อน ข้าอยากสงบสติอารมณ์คนเดียว”
“เจ้าหยวน……”
“หุบปากซะ ข้าไม่อนุญาตให้เรียกข้าว่าเจ้าหยวน ท่านเองก็ออกไปด้วย เพราะท่านออกไปเล่นการพนันทะเลาะวิวาทจึงทำให้ข้าโมโห” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างมีน้ำโห
ดวงตาหมอหลวงเบิกกว้างแว่วเสียง”ติ๊ง” ยกมืออันสั่นเทาขึ้นทูล:”ใช่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ อาการแรกเริ่มของคนมีครรภ์ อารมณ์จะแปรปรวนกะทันหันและใจร้อน นี่เป็นอาการแรกเริ่มของคนตั้งครรภ์ ท่านอ๋องต้องไม่ยั่วยุให้พระชายาโกรธ ”
หยู่เหวินเห้ามองหยวนชิงหลิงด้วยความประหลาดใจ อยากจะเข้าไปหา แต่ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยความโกรธเหมือนปิศาจร้าย เขาไม่กล้าเข้าไปกลัวว่าจะทำให้นางโกรธกว่าเดิม
“งั้น……งั้นข้าอยู่ด้านนอกนะ หากเจ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกข้า” เขากล่าวอย่างอ่อนโยน “ระวังอย่าโกรธ อย่าโมโห อย่าทำลายลูกของเราเสียล่ะ”
หยวนชิงหลิงกุมศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง โกรธจนตัวสั่น “ออกไป!”
หยู่เหวินเห้าคว้าหมอหลวงรีบวิ่งออกไปด้วยเกรงว่านางจะหงุดหงิดขึ้นมาอีก
“พระชายาท่านไม่สามารถโมโหได้นะเพคะ” แม่นมสี่กล่าวอย่างปรามๆ หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมา “มามาท่านก็ออกไปเช่นกัน ข้าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ปิดประตูให้ข้าด้วย”
แม่นมสี่ตอบได้เพียง:”เพคะ ถ้าเช่นนั้นพวกข้าน้อยจะอยู่ด้านนอก มีอะไรก็เรียกนะเจ้าคะ”
แม่นมสี่ แม่นมเฉียนและลู่หยาออกไปแล้ว ประตูก็ปิดเรียบร้อยแล้ว
ด้านนอกกับคนกลุ่มหนึ่งที่มองหน้ากันไปมา
สวีอีมองไปที่ทังหยาง แล้วมองไปที่ท่านอ๋อง เฮ้อ “ท่านอ๋อง ท่านอย่าเดินไปเดินมาได้ไหมมันทำให้ผู้อื่นหงุดหงิดใจ”
ทังหยางตอบอย่างโกรธๆ :”ไปลากสวีอีมาให้ข้า ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้ตำหนักเซี่ยวเยว่แม้แต่ก้าวเดียว”
เขาน่ารำคาญอะไรกัน ไม่รู้ตัวจริงๆ
กู้ซือเดินเข้าไปหาหยู่เหวินเห้ากล่าว:”ความผิดในคืนนี้เป็นของข้าเอง หากพระชายาแท้งเพราะความโกรธ นอกจากหัวของข้าก็ไม่รู้จะหาสิ่งใดมาแทน”
ในตอนนี้ มีตั้งกี่คนที่จดจ่ออยู่กับท้องของพระชายา?
ฝ่าบาทที่คอยถามอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าพระชายาตั้งครรภ์แล้วหรือยัง
ไท่ซ่างหวงถึงจะไม่พูด แต่ได้ยินมาว่าท่านได้มอบมรกตให้แก่พระชายาฉู่ ให้นาวรีบประสูติองค์รัชทายาท
หยู่เหวินเห้าไม่ได้มีกะจิตกะใจมาสนใจกู้ซือแล้ว มีเพียงมองเข้าไปด้านในอย่างกังวลใจ
เขาไม่รู้ว่าเจ้าหยวนโกรธแค่ไหน
หรือนางอาจจะกังวลเหมือนเขา หวังจะท้องแต่กลัวไม่ท้อง?
ถ้าหากไม่ได้ท้องจริงก็ไม่เป็นไร อายุยังไม่มากเสียหน่อย
เขาเกาหัวกล่าวอย่างเสียดาย:”เมื่อคืนข้าไม่ควรกดดันนาง ข้าบอกว่าถ้าหากตั้งครรภ์รัชทายาทก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งสนม ตอนนี้นางจึงกลัวว่านางจะไม่ท้อง”
“แต่ไม่ช้าก็เร็วยังไงท่านก็ได้แต่งตั้งชายารองอยู่ดี ต่อให้พระชายาตั้งครรภ์ ข้างกายท่านก็ไม่สามารถไม่มีผู้หญิงได้” กู้ซือกล่าว
“นางสามารถกำเนิดทายาทได้ แล้วจะมีชายารองไปทำไม? ความอกตัญญูนั้นมีอยู่สามประการ ที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือการไม่มีทายาท แต่ตอนนี้มี ยังมีอะไรที่ตอบแทนไม่ได้อีก” หยู่เหวินเห้ากล่าว
หมอหลวงเฉาพึมพำอยู่ด้านข้าง “แต่ดื่มน้ำจื่อจินไปแล้วนะ จะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน? แปลกเสียจริง”
เหล่าคนที่อยู่ด้านนอกต่างตกอยู่ในความคิดของตนเอง
ด้านหยวนชิงหลิงหลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้วก็รีบนำกล่องยาออกมา
หาไปสักพักจนถึงก้นกล่อง ในที่สุดก็เจอที่ตรวจครรภ์
วินาทีที่พบที่ตรวจครรภ์นางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ของตนเอง
ในกล่องยานี้คงไม่มียาอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล ยกเว้นยาทาริดสีดวง
ไม่ บางทียาทาริดสีดวงอาจมีประโยชน์ในภายหลัง ในสตรีมีครรภ์สิบคนจะมีเก้าคนเป็นริดสีดวง
นางเอามือปิดหน้า ตัวสั่นนั่งลงกับพื้น มองหน้าหลังหาถ้วยโถโอชาม ไม่สนใจสิ่งใดแล้วตรวจก่อนแล้วค่อยว่ากัน
จับจ้องไปที่ที่ตรวจครรภ์ที่ขึ้นสีแดงหนึ่งขีดแล้วกำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสองขีด แถมขีดที่สองยังปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตำตาเช่นนี้จึงเป็นสีแดงที่น่าโมโหเสียจริง
หยวนชิงหลิงปีนกลับขึ้นไปบนเตียง ใจเต้นตูมตาม หัวสมองไม่รู้ว่าสับสนวุ่นวายหรือว่างเปล่า กล่าวคือไม่ประมวลผลที่ชัดเจนแล้ว
นางพยายามทำใจให้เย็นลง แล้วเรียบเรียงสถานการณ์
นางกำลังตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์หลังจากที่ใช้น้ำจื่อจินเพียงไม่นาน แล้วตั้งครรภ์มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ และตอนนี้นางมีความเสี่ยงที่จะแท้งบุตร กล่าวคือเด็กอาจจะไม่รอด แล้วมันเกิดจากอะไร หรือเกี่ยวข้องกับน้ำจื่อจิน
ถ้าเช่นนั้นยาป้องกันการแท้งบุตรในกล่องยานี้เตรียมไว้เพื่อนางอย่างนั้นหรือ?
แต่นางก็เข้าใจชัดเจน ถ้าต้องการให้เด็กหลุดออกนางไปกระโดดโลดเต้นสักสองวันก็ถือเป็นการทำแท้งแล้ว
แต่เหตุผลที่จะทำแท้งคืออะไรล่ะ? นางต้องหาเหตุผลที่สมเหตุสมผล
สมองใช้ความคิดอย่างหนัก ใช่แล้ว เพราะน้ำจื่อจิน ผู้ที่เคยใช้น้ำจื่อจินไม่สามารถมีครรภ์ได้ เพราะเด็กอาจจะพิการ สมองกลวงได้
อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เจ็บป่วยกินยามาไม่น้อย ยาพวกนี้จะส่งผลกระทบต่อครรภ์เป็นอย่างมาก เด็กคนนี้คลอดออกมาไม่ได้หรอก
คิดได้ดังนั้น นางตบตัวเองอย่างแรงหนึ่งที พลางคิดหยวนชิงหลิงเจ้าช่างหลักแหลม
งั้นก็ตามนี้แหละ!
นางส่งเสียงเรียก “มีใครอยู่หรือไม่?”
ประตูถูกกระแทกเปิดออก คนจำนวนมากรีบถลาเข้ามา ดวงตาเกือบสิบคู่มองมาที่นางเป็นตาเดียว
แม้แต่สวีอีที่ถูกทิ้งให้อยู่ด้านนอก ก็รีบโผล่มาที่ประตู
“อยู่ ข้ายังอยู่” หยู่เหวินเห้ารีบก้าวเข้าไปหา นั่งลงขอบเตียงแล้วจับมือนางไว้
หยวนชิงหลิงนึกถึงแผนการที่นางวางไว้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดต่อเขาในใจ กล่าวขึ้นเบาๆ :”ขออภัย เมื่อครู่ข้าไม่ควรทำวาจารุนแรงต่อท่านขนาดนั้น”
หยู่เหวินเห้าลูบใบหน้านาง ตอบอย่างอ่อนโยน:”ไม่ เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเสียอารมณ์กับใครก็ได้ในตอนนี้”
“ข้าว่าข้าคงจะมีครรภ์จริงๆ” หยวนชิงหลิงกล่าว
หมอหลวงตอบ:”ใช่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ตรวจไม่ผิดแน่นอน”
หยู่เหวินเห้าแสบจมูก จ้องมองไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิงอยากจูบนางแรงๆ สักที นางท้องลูกของเขา พระเจ้า นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ
มือของเขาค่อยๆ สัมผัสหน้าท้องของนาง รู้สึกถึงการขยับภายในอย่างช้าๆ
“ลูกดิ้นแล้ว!” เขากล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ ดวงตาเป็นประกาย
หยวนชิงหลิงใบหน้าไร้อารมณ์ “อาจเป็นเพราะข้าหิว”
ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
หมอหลวงผู้เรียนวิทยาศาสตร์ยอดนิยมกล่าว “ท่านอ๋อง พระชายาเพิ่งตรวจพบว่าตั้งครรภ์ เด็กยังไม่สามารถดิ้นได้
หยู่เหวินเห้ารีบเรียกทังหยาง “นำบันทึกมาเร็วเข้า”
ทังหยางชี้ไปที่ศีรษะของตนเอง “ไม่จำเป็นหรอกพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจำได้ทั้งหมด รอหมอหลวงกล่าวจบข้าน้อยค่อยเขียนออกมา”
หมอหลวงเฉาจับเคราของเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม:”ข้อแรกถือว่าเป็นข้อที่สำคัญมากข้อหนึ่ง ท่านอ๋องต้องฟังอย่างถี่ถ้วน ภายในสามเดือนนี้ไม่สามารถร่วมเพศได้ หากท่านอ๋องนอนไม่ได้ก็จำเป็นต้องแยกเตียงนอน”
หยู่เหวินเห้าตะลึงงัน จ้องมองหยวนชิงหลิง “สามเดือนรึ?
สามเดือนนี้ไม่สามารถแตะต้องนาง? เป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตข้า อย่าว่าแต่สามเดือนเลย สามวันยังทำไม่ได้
หมอหลวงเฉากล่าวต่อ:”หลังจากสามเดือนแล้ว ก็แล้วแต่สถานการณ์ แต่ที่สำคัญคือสามเดือนนี้ไม่สามารถร่วมเพศได้ ยังมีบางคนที่ไม่สามารถร่วมเพศได้ตลอดการตั้งครรภ์นะพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าเริ่มโมโห “แล้วตกลงต้องกี่เดือน?”
หมอหลวงนับนิ้วมือ “ถ้าหากทำไม่ได้ตลอดการตั้งครรภ์ก็สิบเอ็ดเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจ “บ้านไหนตั้งครรภ์ตั้งสิบเอ็ดเดือนกัน?”