บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 220
หยู่เหวินเห้ามองโสวฝู่ฉู่ ครั้งนี้เอ่ยจากใจจริงว่า “โสวฝู่อย่าโมโหเลย ข้าไม่เอาเรื่องแล้ว”
เพราะว่าได้ทุบหน้าผากจนเป็นรอย อีกทั้งยังถูกน้ำร้อนลวกอีก ผิวที่อ่อนนุ่มนั้นคงต้องมีตุ่มน้ำขึ้นแน่ เมื่อเกิดตุ่มน้ำ อีกปีสองปีร่องรอยก็คงไม่หายดี สำหรับหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานแล้ว การลงโทษเช่นนี้ก็นับว่าพอแล้ว
ที่ควรละเว้นก็ยังต้องละเว้น
โสวฝู่ฉู่พยักหน้าเบาๆ “ทำให้ท่านอ๋องเห็นเป็นเรื่องน่าขันแล้ว”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “บ้านไหนจะไม่มีลูกหลานที่ไม่เชื่อฟังบ้าง ”แฝงนัยว่าลูกหลานตระกูลฉู่นั้นอวดดีเกินไปจริงๆ
โสวฝู่ฉู่หันไปถามแม่นมสี่ “พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง”
แม่นมสี่พูดว่า “หมอหลวงตรวจดูแล้ว ช่วงนี้ยังต้องนอนพักฟื้นไปก่อน แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ”
“เช่นนั้นก็ดี ”เขายกมือขึ้น เรียกสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา ในมือสาวใช้มีห่อผ้าอยู่ใบหนึ่ง นางส่งสัญญาณให้สาวใช้วางกล่องนั้นลงบนโต๊ะ พูดว่า “ในนี้มียาอยู่เม็ดหนึ่ง ใช้สำหรับหญิงที่ให้กำเนิดบุตรโดยเฉพาะ ขอแม่นมรับมันไว้แทนพระชายาด้วย กันไว้ดีกว่าแก้ ”
แม่นมสี่เดินเข้าไป เปิดกล่องออก เห็นเพียงกล่องที่มีผาคล้องใบหนึ่ง หลังจากเปิดออก ชั่วขณะนั้นรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมจางๆกระจายไปทั่วห้อง
แม่นมสี่อึ้ง “ยาเม็ดอู๋โยวบำรุงครรภ์”
“คืออะไร ”หยู่เหวินเห้าก็ได้กลิ่นหอมเช่นกัน และถามขึ้น
แม่นมสี่อธิบายว่า “นี่คือตำรับยาที่ดีที่สุดในการบำรุงรักษาครรภ์ของไทเฮาหลงแห่งต้าโจว มาจากยาเม็ดสิบสามไท่เป่าของฝู้ชิงฟาง ไทเฮาหลงได้เอามาปรับปรุง คนที่ครรภ์ยังไม่ครบเดือนและครรภ์ไม่แข็งแรง เมื่อกินแล้วก็จะดีขึ้น คนที่คลอดยาก เมื่อกินแล้วก็จะคลอดได้สบายขึ้น ”
นางมองโสวฝู้ฉู่ แววตาซับซ้อน “ยานี้หาได้ยากนัก”
โสวฝู้ฉู่พูดว่า “ตอนที่ฮองเฮาตั้งครรภ์ พอดีกับที่ข้าไปต้าโจว ไทเฮาได้ยินว่าฮองเฮาตั้งครรภ์ จึงได้มอบให้ข้ามาหลายเม็ด ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเม็ด จึงขอมอบทั้งหมดให้พระชายา หวังว่าจะให้กำเนิดซื่อจื่ออย่างปลอดภัย ”
หยู่เหวินเห้าไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ เห็นสีหน้าแม่นมที่เต็มไปด้วยความตื้นตัน เช่นนั้นยานี้คงจะเป็นยาดีจริงๆ
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้หยวนชิงหลิงกินหรือไม่ แต่น้ำใจนี้ยังไงก็ต้องขอบคุณ
เขายืนขึ้นประสานมือทั้งสองข้าง “ขอบคุณท่านโสวฝู้”
โสวฝู้ฉู่มองเขา พูดว่า “น้ำใจเล็กๆน้อยๆของข้าเท่านั้น”
โสวฝู้ฉู่ยืนขึ้น มองไปทางแม่นมสี่ “ข้าขอตัวลาก่อน แม่นมจะไปส่งข้าได้หรือไม่ ”
แม่นมสี่วางกล่องยาลง ก้มศีรษะลง “ได้ เชิญใต้เท้า”
โสวฝู้ฉู่หันไปประสานมือคารวะให้กับหยู่เหวินเห้าทีหนึ่ง แล้วก็ไขว้มือทั้งสองข้างไว้ข้างหลังอย่างเป็นธรรมชาติ เดินออกไป
แม่นมสี่ตามออกไปส่ง ทั้งสองเหมือนจะพูดคุยกัน หยู่เหวินเห้าฟังไม่ชัดเจน
แต่ว่า แม่นมสี่กลับยิ้มออก
รอให้แม่นมสี่กลับมาแล้ว หยู่เหวินเห้าก็ถามว่า “แม่นมว่านี่เป็นยาอู๋โยวของไทเฮาหลงแห่งต้าโจวที่ทำมาเพื่อรักษาครรภ์แน่หรือ ”
แม่นมยิ้มจางๆ “ไม่ผิดแน่ ตอนนั้นฮองเฮาให้กำเนิดอ๋องฉียากมาก ไท่ซ่างหวงได้สั่งให้ข้าไปช่วยดูแลในห้องคลอด ข้าได้เห็นยานี้กับตามาก่อน และข้าก็เป็นคนเปิดเอายาออกมาให้ฮองเฮาเสวย ยานี้ข้าได้กลิ่นก็จำได้แล้ว ”
หยู่เหวินเห้าดมชั่วครู่ รู้สึกเพียงว่ายาเม็ดนี้หอมสดชื่นมาก ในความหอม ยังมีกลิ่นสมุนไพรแทรกอยู่ ทำให้ได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกสบายอกสบายใจ คลายความกังวล
“แต่โสวฝู้ฉู่เป็นคนให้ยานี้มา อย่างไรเสียก็ยังไม่ต้องให้พระชายากิน”หยู่เหวินเห้ายังคงระแวงคนอย่างโสวฝู้ฉู่อยู่ดี
แม่นมสี่พูดว่า “ท่านอ๋อง ตอนนี้พระชายาครรภ์ไม่แข็งแรง การกินยาอู๋โยวเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เม็ดเดียวก็สามารถทำให้ครรภ์แข็งแรงมั่นคงได้แล้ว”
หยู่เหวินเห้าไม่ได้มีความเชื่อมั่นเหมือนกับแม่นมสี่ พูดว่า “ยังไม่ต้องกิน เก็บไว้ก่อน ขณะเดียวกัน เจ้าก็ออกไปบอกกับคนข้างนอกด้วยว่า โสวฝู้ฉู่ได้มอบยาบำรุงครรภ์ให้กับพระชายา”
แม่นมสี่พูดว่า “ได้เพคะ รู้แล้ว ”
หยู่เหวินเห้าหยิบยาเม็ดอู๋โยวขึ้นมา เอามาดมอยู่ชั่วครู่ จิตใจโปร่งสบายจริงๆ
เขาเรียกทังหยางเข้ามา พูดว่า “เจ้ามีความรู้กว้างขวาง เจ้ามาดูสิว่านี่ใช่ยาเม็ดอู๋โยวที่ไทเฮาหลงแห่งต้าโจวทำขึ้นจริงหรือไม่ ”
ทังหยางรับไป จากนั้นก็ดมอย่างละเอียด ส่ายหน้าพูดว่า “ข้าน้อยไม่ทราบจริงๆ ข้าน้อยเคยได้ยินแต่ชื่อยาเม็ดอู๋โยว แต่ไม่เคยมีวาสนาได้เห็นมาก่อน ”
หยู่เหวินเห้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พูดว่า “ไปเชิญหัวหน้าโรงหมอหลวงกับหมอหลวงเฉามา”
หัวหน้าโรงหมอหลวงกับหมอหลวงเฉามาถึงพร้อมกัน พอได้ยินว่าเป็นยาเม็ดอู๋โยว ต่างก็รีบแยกแยะอย่างละเอียด
หัวหน้าโรงหมอหลวงเอาน้ำร้อนมาหนึ่งถ้วย ใช้มีดขูดยาออกมานิดหน่อย ผสมกับน้ำ ค่อยๆจิบไปนิดเดียว ยื่นให้กับหมอหลวงเฉา หมอหลวงเฉาก็ดื่มไปคำเล็กๆ ค่อยๆแยกแยะรสชาติยาที่อยู่ในปาก
จากนั้น ทั้งสองต่างพยักหน้าพร้อมกัน เอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า “เป็นยาเม็ดอู๋โยว”
หยู่เหวินเห้าโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ แม่นมก็โล่งใจเช่นกัน
“ท่านอ๋อง ยานี้สามารถให้พระชายากินได้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ”หัวหน้าโรงหมอพูด
หยู่เหวินเห้ามีกำลังใจขึ้นมา พูดว่า “ดี รบกวนหัวหน้าโรงหมอหลวงนำไปปรับให้พระชายากินด้วย”
หยวนชิงหลิงพอได้ยินว่าเป็นยาที่โสวฝู้ฉู่มอบให้ ก็รู้สึกต่อต้านเล็กน้อย แต่ว่าหัวหน้าโรงหมอหลวง หมอหลวงเฉาและแม่นมสี่ต่างก็ขอร้องสุดแรง นางจึงยินยอมกินยาลงไป
หยู่เหวินเห้าเฝ้านางอย่างตื่นเต้น ผ่านไปชั่วครู่ก็ถามนางว่ารู้สึกอย่างไร
ที่จริงตอนที่หยวนชิงหลิงกินยาลงไป ก็รู้สึกได้ว่าความอัดอั้นที่จุกอยู่ที่อกได้ผ่อนคลายลงแล้ว หลังจากกินยาจนตอนนี้ก็ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชาแล้ว นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอื่นๆ
“สดชื่นขึ้นบ้างแล้ว ไม่รู้สึกอัดอั้นในอกขนาดนั้นแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้ารีบเรียกให้หมอหลวงเข้ามาจับชีพจร
หมอหลวงพูดยิ้มๆว่า “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่ายานี้คือยาวิเศษหรืออย่างไร ถึงแม้จะเป็นยาวิเศษ ก็ไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ว่ายามีประโยชน์จริงๆ หากมีโอกาสต้องขอเพิ่มอีกสักเม็ด เก็บไว้ใช้ตอนให้กำเนิด”
หยู่เหวินเห้าถามว่า “ยานี้มีแค่ที่ไทเฮาหลงแห่งต้าโจวเท่านั้นหรือ”
“ใช่แล้ว และไม่สามารถจะทำขึ้นทีละมากๆได้ ยาเม็ดสิบสามไท่เป่านั้นเรามี แต่ว่าก็คงสู้ยาเม็ดอู๋โยวของไทเฮาหลงแห่งต้าโจวไม่ได้”หมอหลวงเฉาพูด
หยู่เหวินเห้าครุ่นคิด พูดว่า “ทังหยาง ไปเตรียมกระดาษกับเครื่องเขียน ข้าจะเขียนจดหมายไปถามจิ้งถิง ดูสิว่าจะช่วยข้าขอยาเพิ่มอีกสักสองสามเม็ดได้หรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงถามว่า “จิ้งถิงคือใคร”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า“แม่ทัพใหญ่ของต้าโจวเฉินจิ้งถิง หลายปีก่อนข้าเคยไปที่ต้าโจว แม้จะเพิ่งพบกันแต่รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน ภายหลังจึงได้เขียนจดหมายไปมาหาสู่กัน จนกลายเป็นเพื่อนรักกัน”
“อ๋อ”เพื่อนในอินเทอร์เน็ตที่เคยเจอหน้ากันครั้งหนึ่ง “เขาจะช่วยท่านหรือ”
“เพื่อนรัก ก็เท่ากับเพื่อนตาย ”หยู่เหวินเห้าพูดอย่างมั่นใจ “เขาต้องช่วยแน่ ขอเพียงเขาสามารถเอามาได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ช่วย”
หยวนชิงหลิงมองเขา รู้สึกว่าเป็นความต้องการของเขาฝ่ายเดียวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยินดีหรือไม่ เคยพบกันครั้งเดียว เขียนจดหมายไม่กี่ฉบับ ก็เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันแล้ว
ความคิดเด็กจริงๆ
แต่ว่า หยู่เหวินเห้าก็เขียนจดหมายด้วยความดีใจ หลังจากเขียนเสร็จ ก็ประทับตราของตัวเอง หยวนชิงหลิงให้เขาเอามาให้ดูหน่อยว่าเขียนอะไรบ้าง
เขายื่นมาให้ หยวนชิงหลิงอ่านดูแล้ว ได้แต่ทำตาโตพูดไม่ออก
ในใจมีเสียงระฆังดังเตือนขึ้น
เฉินจิ้งถิงคนนี้ เป็นศัตรูหัวใจอันดับต้นๆตัวจริงของนางสินะ
ถ้อยคำในจดหมายนั้นช่างสนิทชิดเชื้อกันมาก แปลเป็นภาษาธรรมดาคงได้ใจความว่า เพื่อนข้าจิ้งถิง ต้องแต่จากกันเมื่อฤดูใบไม้ร่วง ก็คิดถึงสุดหัวใจ อยากจะให้ตนเองมีปีก เพื่อบินไปต้าโจวขี่ม้าไปพร้อมกับเจ้า ส่วนด้านล่าง ก็เขียนถ้อยคำที่กระตุ้นอารมณ์อีกมากมาย ล้วนเกี่ยวกับความทรงจำและความคาดหวังในการเจอกันครั้งต่อไป มีเพียงประโยคสุดท้าย ที่เพิ่งจะเอ่ยว่าช่วยข้าขอยาเม็ดอู๋โยวของไทเฮาแห่งต้าโจว น้องสะใภ้ของเจ้าตั้งครรภ์แล้ว
อ่านไปจนถึงคำลงท้ายชื่อ หยวนชิงหลิงเกือบจะกระอักเลือดออกมา จากเสี่ยวอู๋เพื่อนรัก
เพื่อนก็เพื่อนสิ อะไรคือเพื่อนรัก ยังใช้คำว่าเสี่ยวอู่อีก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่เด็กแล้ว