บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 221
หยู่เหวินเห้าพูดด้วยเสียงดีใจว่า “เขียนได้อย่างไรบ้าง”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ก่อนหน้านี้ที่พวกท่านส่งจดหมายให้กันได้เก็บเอาไว้หรือไม่ ”
“เก็บเอาไว้ทั้งหมดเลย”
“เอาให้ข้าดูหน่อย”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าสั่งให้ทังหยางไปเอามา เมื่อเห็นว่าจดหมายโต้ตอบของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ต่างไปจากที่นางคาดเดาไว้ จึงคิดว่าบางทีเขาเองก็ไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวแล้ว พวกเขาสองคนนั้นรักใคร่กันจริงๆ
“แม่ทัพผู้นี้ แต่งงานหรือยัง”หยวนชิงหลิงถาม
“แต่งแล้ว”
“แล้วมีบุตรหรือยัง”
“ยังไม่มี เพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นาน ”
หยวนชิงหลิงวางจดหมายลง “ภรรยาของเขารู้ถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของพวกท่านหรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้าง “นี่เจ้าพูดอะไร พวกเราแค่รู้ใจกัน ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “พวกท่านรักกันด้วยใจจริง ”
ดูจากจดหมายของทั้งสองคนแล้ว แม่ทัพจิ้งถิงคนนี้น่าจะสามารถช่วยให้เขาได้ยาเม็ดอู๋โยวมาได้
หลังจากกินยาไปแล้ววันสองวัน หมอหลวงก็มาดูอาการ บอกว่าครรภ์ของหยวนชิงหลิงแข็งแรงดีแล้ว
หยู่เหวินเห้าคว้าตัวหมอหลวงออกไปนอกประตูทันที เอ่ยอย่างจริงจังว่า “แข็งแรงแล้วหมายความว่าอย่างไร”
หมอหลวงขยิบตา“แข็งแรงแล้ว ก็คือแข็งแรงแล้ว ”
“เช่นนั้นก็หมายความว่าสามารถออกกำลังกายที่พอเหมาะได้แล้วสิ เช่นออกไปเดินเล่นเบาๆ สักรอบสองรอบ ”หยู่เหวินเห้ากะน้ำหนักในการออกกำลังกายที่เหมาะสม ที่จริงสิ่งที่เขาต้องการรู้คือพลังที่สามารถใช้เดินเล่นไปรอบๆได้
หมอหลวงยิ้ม“ท่านอ๋องได้โปรดอย่าเพิ่งใจร้อน อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าค่อยถามข้าน้อยเรื่องนี้แล้วกัน”
หยู่เหวินเห้าสะบัดแขนเสื้อเข้าไปในเรือนอย่างเย็นชา
หยวนชิงหลิงครรภ์แข็งแรงดีแล้ว ก็มีข่าวดีส่งมาว่า เรื่องการแต่งงานของฉู่หมิงหยางได้กำหนดไว้แล้ว จะแต่งเป็นพระชายารองของอ๋องจี้
ตอนที่หยวนชิงหลิงได้รับข่าวนี้ ยังคงนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่กว่าจะได้สติ “อ๋องจี้ นี่พลิกกลับสถานการณ์ได้ ช่างพลิกผันจริงๆ”
หยู่เหวินเห้าไม่สนใจ เอ่ยเสียงเรียบๆว่า “อยากจะแต่งกับใครก็แต่งไป”
“แต่ว่า พระชายารองคนนั้นเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ก็รับพระชายารองคนใหม่เข้ามา นี่มันเหมาะสมหรือ”หยวนชิงหลิงถาม
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หาข้ออ้างอะไรก็ได้สักข้อก็พอแล้ว เช่น เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับพระชายาจี้ ”
หยวนชิงหลิงนึกถึงฉู่หมิงหยางที่อวดดีไม่เห็นใครอยู่ในสายตาคนนั้น “เสริมด้วยการแต่งเจ้าสาวเข้ามา เกรงว่าจะเป็นการทำให้นางตรอมใจตายเสียมากกว่า ”
“ทางที่ดีควรตีกันให้วุ่นวายก็ดี จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับพวกเรา ”หยู่เหวินเห้ารู้สึกระอาและเบื่อหน่ายกับการแก่งแย่งชิงดีของเหล่าสตรีในจวนต่างๆเหลือเกินแล้ว ต้องมาคอยเป็นกังวลอยู่เสมอว่าจะมีคนคิดแผนมาทำร้ายหยวนชิงหลิงหรือไม่
หยวนชิงหลิงเองก็รู้ดีแก่ใจ
ผ่านไปสองวัน รองพระชายาหยวนได้ให้คนส่งเทียบมา บอกว่าจะพามารดามาเยี่ยมที่จวน
หยวนชิงหลิงนึกขึ้นได้ว่ารับปากนางเอาไว้ จึงได้ให้คนส่งเทียบกลับไป บอกว่าพรุ่งนี้จะรอต้องรับการมาของฮูหยินหยวนและรองพระชายาหยวน
หยู่เหวินเห้าได้ยินว่าฮูหยินหยวนกับรองพระชายาหยวนจะมาเยี่ยม ก็พูดว่า “สามารถทำความรู้จักกันเอาไว้ จะได้มีคนไว้คลายเครียด”
หยวนชิงหลิงได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชมหยวนหย่งอี้อยู่ไม่น้อย ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “แรกเริ่มรองพระชายาคนนี้คิดจะแต่งกับท่านนะ”
‘เป็นไปไม่ได้ ’หยู่เหวินเห้าปฏิเสธทันที “คนอื่นนั้นข้าไม่กล้ารับประกัน แค่ว่า แม่นางอี้คนนี้ไม่มีทางอยากจะแต่งงานกับข้าแน่”
หยวนชิงหลิงยิ้ม “ทำไมจึงได้มั่นใจนัก”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “นางเห็นข้า ก็เหมือนหนูเจอแมว อย่าว่าแต่จะแต่งงานกับข้าเลย แม้แต่เจอกันบนถนน ก็ต้องหลบหน้าทันที แต่ว่า ครั้งนี้นางมากับมารดา ถ้าให้นางมาเอง นางคงไม่กล้า”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเงาที่ติดอยู่ในใจ กระทบกับคนที่มองโลกในแง่ดีได้จริงๆ
รู้สึกอับอายต่อการกลั่นแกล้งของหยู่เหวินเห้า
แม่นมสี่ได้ยินว่าพรุ่งนี้จะมีแขกมาเยือน คิดว่าเนื้อที่ในวังประทานมาให้ก็มีเหลือเฟือ จึงได้ให้คนไปซื้ออย่างอื่นมาเพิ่ม ทำอาหารหลายอย่างหน่อย เกรงจะเสียมารยาท
วันรุ่งขึ้น หยวนชิงหลิงแต่งตัวเรียบร้อย คิดว่าฮูหยินหยวนกับรองพระชายาหยวนคงจะมาถึงช่วงเที่ยง จึงได้ให้คนเตรียมอาหารเช้าให้ตนกินก่อน
เพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จ ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่า “พระชายา พระชายาหยวนพาคนของจวนแม่ทัพหยวนมาเยี่ยมขอรับ”
หยวนชิงหลิงอึ้ง “เช้าขนาดนี้ เช่นนั้นก็รีบเชิญไปที่ห้องรับรองก่อน ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้ ”
ที่โถงใหญ่ค่อนข้างจะเคร่งครัดไปสักหน่อย ฉะนั้นจะใช้เฉพาะตอนที่หยู่เหวินเห้ารับแขกเท่านั้น เวลานางพบกับสมาชิกในบ้านที่เป็นหญิงสาว ส่วนใหญ่จะใช้ห้องรับรองข้างๆ ห้องรับรองข้างๆมีการตกแต่งให้บรรยากาศอบอุ่นมากกว่า
บ่าวรับใช้เอ่ยอย่างไม่สบายใจว่า “ห้องรับรองเล็กเกรงว่าจะไม่พอนั่ง ”
หยวนชิงหลิงตกใจ “ไม่พอนั่งเหรอ? มากันกี่คน?”
บ่าวรับใช้พูดว่า “คำนวณด้วยสายตาแล้วน่าจะยี่สิบสามสิบคนได้ หรือบางทีอาจจะเป็นสี่สิบคน หรืออาจจะมากกว่านั้น”
หยวนชิงหลิงสำลักคำหนึ่ง ดวงตาเบิกกว้าง
รองพระชายาหยวนบอกว่าจะพาฮูหยินหยวนมาเท่านั้นไม่ใช่หรือ มากันหลายสิบชีวิตขนาดนี้หมายความว่าอย่างไร คงไม่ได้เชิญมาทั้งจวนหรอกนะ
แม่นมสี่รีบสั่งการลงไปว่า “ให้ในครัวรีบไปซื้อกับข้าวมาเพิ่ม ซื้อเนื้อมาเยอะหน่อย เฮ้อ ข้าเขียนรายการให้ดีกว่า”
หยวนชิงหลิงนำแม่นมเฉียนกับลู่หยาและฉี่หลอไปต้อนรับ
เพิ่งจะไปถึงระเบียง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะไม่กี่เสียงส่งมาจากห้องโถงใหญ่ นอกจากนี้ ก็ไม่มีเสียงอื่นๆปะปน
นางรู้สึกประหลาดใจเงียบๆ คนหลายสิบคน อยู่รวมกัน ยังสามารถไม่พูดคุยกันได้ แค่พูดกันคนละคำ ก็สามารถทำให้หลังคาบ้านทะลุได้แล้ว แต่ทำไมจึงได้เงียบสงบนัก
“พี่พระชายาฉู่ ”มีเงาร่างหนึ่งกระโดดออกมาจากห้อง มาอย่างเงียบๆ ใช้มือจับแขนของหยวนชิงหลิงเอาไว้ สีหน้าแดงเรื่อ ขนตางอนยาว เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่มองมายังหยวนชิงหลิง มีความดีใจที่พูดไม่ออก
ทุกครั้งที่หยวนชิงหลิงพบกับนาง ก็รู้สึกว่านางเหมือนกับแอปเปิลผลใหญ่ ที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้ เป็นผลแอปเปิลที่มีหยดน้ำค้างเกาะอยู่บนผิว สดใหม่ สวยงาม ดูอวบอิ่มชุ่มฉ่ำ ทำให้คนรู้สึกอยากจะกัดไปที่หน้าของนางสักคำ
หยวนชิงหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มาตั้งแต่เช้าเชียว ”
“ใช่แล้ว ท่านย่าบอกว่าจะมาเยี่ยมผู้อื่น ก็ต้องมาเช้าหน่อย อย่ารบกวนผู้อื่นนาน เพราะจวนอ๋องก็คงจัดที่ให้คนมากมายพักอยู่ได้”
หยวนชิงหลิงมุมปากกระตุก พัก
ฉะนั้น คิดว่าวันนี้คงอยู่ทั้งวันสินะ
แต่ว่า นางก็ได้สติคืนมา “ท่านย่าของเจ้าก็มาด้วยหรือ”
“มาด้วย อยู่ข้างใน ”หยวนหย่งอี้พูด
หยวนชิงหลิงเร่งฝีเท้า จะให้คนแก่รอไม่ได้
ตอนที่นางเข้าไป ก็เห็นว่าในห้องมีทั้งคนที่นั่งและยืนอยู่ ที่นั่งของแขกทั้งสองฝั่งต่างก็นั่งเต็มแล้ว ที่นั่งหลักสองตำแหน่งของเจ้าบ้านยังไม่มีคนนั่ง ว่างไว้เพื่อรอหยวนชิงหลิง
ที่นั่งรับรองแขกด้านซ้ายคนที่หนึ่ง มีแม่เฒ่าผมสีเงินนั่งอยู่ นางสวมชุดสีเขียวมรกตที่ทำจากผ้าไหมปักลายค้างคาว ผมสีเงินถูกหวีให้เรียบไปกับชุด ใบหน้ากลม ริ้วรอยไม่มาก สีหน้าแจ่มใส รอยยิ้มเบิกบาน กำลังมองมาที่หยวนชิงหลิงจากนั้นก็รีบลุกขึ้นมา
ก่อนที่นางจะย่อคำนับ หยวนชิงหลิงก็รีบเข้าไปประคองเอาไว้ก่อน “โธ่เอ๊ย ท่านแม่เฒ่า ท่านอย่าพิธีรีตองเลย เชิญนั่งเถอะ”
ระหว่างพูด ก็ประคองฮูหยินหยวนเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้เจ้าบ้านด้านซ้ายมือ
ฮูหยินหยวนพูดยิ้มๆว่า “ไม่อาจรับน้ำใจไว้ได้ พระชายา เชิญท่านนั่งก่อน ”
หยวนชิงหลิงจึงต้องกุมมือนางเอาไว้นั่งลงพร้อมกัน พูดว่า “หากท่านไม่นั่ง ผู้น้อยก็ไม่กล้านั่ง”
ฮูหยินหยวนไหนเลยจะกล้าให้หยวนชิงหลิงที่ตั้งครรภ์อยู่ยืนอยู่อย่างนั้น ปฏิเสธไปก็แล้ว จึงได้แต่นั่งลงพร้อมกับหยวนชิงหลิง
นางเพิ่งจะนั่งลง ก็เห็นกลุ่มคนที่อยู่กันเต็มในห้องโถงลุกขึ้นยืนพร้อมกัน คำนับนางอย่างนอบน้อม “คำนับพระชายา”
หยวนชิงหลิงรีบลุกขึ้นคำนับกลับว่า “ฮูหยินทุกท่าน คุณหนูทุกท่าน รีบนั่งลงเถอะ ไม่ต้องมากพิธี ”
พอมองไปแล้ว มีคนสามถึงสี่สิบคนจริงๆด้วย