บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 229
แม่เฒ่ากับหยวนชิงผิงกินข้าวเย็นแล้วจึงกลับไป เดิมทีคิดว่าจะรอหยู่เหวินเห้ากลับมา แต่ว่า หลายวันนี้หยู่เหวินเห้ายุ่งมาก จึงรอไม่ไหว พวกเขาได้แต่กินกันไปก่อน
ท้องฟ้ามืดแล้ว แม่เฒ่าก็ไม่ยินดีจะนอนค้างที่จวน หยวนชิงหลิงได้แต่ให้สวีอีไปส่ง
หยวนชิงหลิงคิดว่าคืนนี้จะรอจนกว่าหยู่เหวินเห้าจะกลับมา ก่อนหน้านี้หลายคืนได้สาบานไว้แล้วว่าจะรอ แต่ว่าก็รอจนหลับไปเสียทุกที
ฉะนั้นคืนนี้นางจึงพอตอเป่าเข้ามาในห้องด้วย คุยกันอยู่สักพัก หลังจากพูดคุยกัน นางรู้แม้กระทั่งว่าในเมืองหลวงมีหมาจรจัดกี่ตัว
แต่ก็ยังรู้สึกง่วงอยู่ดี
ไม่ง่ายเลยที่จะอดทนจนถึงยามจื่อ แม่นมสี่เข้ามาเร่งเร้าเป็นครั้งที่ห้าแล้ว “สมควรนอนได้แล้ว คืนนี้ท่านอ๋องคงจะกลับมาเช้าแล้ว”
หยวนชิงหลิงปีนขึ้นเตียงไปด้วยอาการสะลึมสะลือ “ได้ เช่นนั้นข้าจะนอนรอ ”
แม่นมสี่หัวเราะอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ที่จริงพระชายาง่วงจนได้ที่แล้ว ยังไม่ทันจะถึงยามไฮ่ก็เห็นนางสัปหงก หนังตาหย่อนแล้ว ยังคงฝืนรออยู่เกือบสองชั่วยาม
นางเดินเข้าไปคลุมผ้าห่มให้หยวนชิงหลิง เพิ่งจะหมุนตัวไปเป่าดวงไฟในตะเกียง ก็เห็นหยู่เหวินเห้าเข้ามา นางตกใจสะดุ้ง “ท่านอ๋อง”
หยวนชิงหลิงได้ยินเสียง ก็รีบลืมตาขึ้น ที่สุดก็รอจนเขากลับมาแล้ว
แต่ว่า บนเสื้อผ้าและใบหน้าเขามีเลือดเปื้อนอยู่ ใบหน้าทั้งห่อเหี่ยวและเสียใจ
หยวนชิงหลิงหัวใจกระตุก รีบลงมาจากเตียง “สวรรค์ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านบาดเจ็บหรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้าประคองมือนางเอาไว้ ให้นางนั่งลง เอ่ยเสียงแหบว่า “ข้าไม่เป็นไร ไม่ใช่ข้า เป็นเจ้าแปด เจ้าแปดเกิดเรื่องแล้ว ”
“เจ้าแปด ”หยวนชิงหลิงอึ้ง จากนั้นก็นึกถึงองค์ชายแปดหยู่เหวินช่าง เขาเป็นสายเลือดโดยตรงของฮองเฮา เล็กกว่าอ๋องฉีไปปีกว่า อยู่ลำดับที่แปด “เขาเป็นอะไร”
“กู้ซือทำร้ายเขา”หยู่เหวินเห้าสีหน้าขาวซีด
“กู้ซือ”หยวนชิงหลิงโพล่งออกไป “เป็นไปไม่ได้”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆนั่งลง สายตามีแววสับสนและเจ็บปรากฏขึ้น “แต่ว่า เขายอมรับแล้ว”
หยวนชิงหลิงก็รู้สึกตกใจมาก “ทำไม ทำไมเขาต้องทำร้ายองค์ชายแปดด้วย ”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า เอ่ยด้วยเสียงหนักอึ้ง “เขายอมรับแค่ว่าทำร้ายเจ้าแปด แต่ไม่พูดถึงสาเหตุ เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมพูด ”
หยวนชิงหลิงนั่งนิ่ง กู้ซือ แม้ว่ากู้ซือจะทำกระทำการมิบังควรอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับต้องทำขนาดนี้
แต่เขากลับยอมรับผิด
“เรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ ”หยวนชิงหลิงถาม
หยู่เหวินเห้ามองนาง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในสายตาอดไม่ได้ที่หม่นลง “วันนี้ข้าเข้าวังไปรายงานเรื่องของเมืองถิงเจียง ตอนที่ออกมา ก็พบเข้ากับหลี่กงกง หลี่กงกงบอกข้าว่าเสด็จแม่ไม่ค่อยสบาย เมื่อคืนก็ได้เชิญหมอหลวงมาดูอาการ ข้าจึงคิดว่าจะไปเยี่ยมสักหน่อย พอไปถึงตำหนักหมิงหัว ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเจ้าแปดดังขึ้น ข้าก็เลยพุ่งเข้าไป เห็นเพียงกู้ซือที่ถือดาบที่อาบเลือดเอาไว้ เจ้าแปดได้ล่มจมกองเลือดแล้ว และขันทีข้างกายของเจ้าแปดก็ตายแล้ว ตอนที่ข้าอุ้มเจ้าแปดออกมา กู้ซือมองข้าเดินผ่านไป แล้วค่อยๆเดินตามข้ามา แต่ไม่พูดอะไรสักคำ รอให้เสด็จพ่อมา เขาพูดออกไปเพียงคำเดียวว่า เขาเป็นคนทำ ”
“ตำหนักหมิงหัว องค์ชายแปดไม่ได้อยู่ที่ตำหนักหมิงหัวนี่นา”หยวนชิงหลิงพูด
“ใช่ ตำหนักหมิงหัวไม่มีคนอยู่มานานแล้ว แต่ว่าเจ้าแปดชอบไปวาดรูปที่นั่น วันนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นตอนที่เขากำลังวาดรูป”หยู่เหวินเห้าถอนใจหนักๆ เศร้าอย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกสงสัยอย่างมาก
“แล้วตอนนี้องค์ชายแปดเป็นอย่างไรบ้าง ”หยวนชิงหลิงถาม
“ให้กันยาจื่อจินไปแล้ว แต่ว่า จะฝ่าวิกฤติไปได้หรือไม่ ยังไม่รู้ หมอหลวงบอกว่าเขาบาดเจ็บหนักมาก ตอนที่ข้าออกจากวัง เขายังกระอักเลือดออกมาด้วย ”หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างหนักอึ้ง
หยวนชิงหลิงกุมมือเขาเอาไว้ มือเขาสั่นเล็กน้อย รู้ว่าเขาถือเอากู้ซือเป็นเสมือนน้องชายของตนเองเสมอมา
“เรื่องนี้แปลกประหลาดมา แล้วใครรับหน้าที่ตรวจสอบ ”หยวนชิงหลิงถาม
“เสด็จพ่อมอบคดีนี้ให้ข้า ตอนนี้กู้ซือถูกขังชั่วคราวอยู่ที่กรมการพระนคร ข้ายังไม่รู้ว่าจะไปถามคำถามเขาอย่างไร”หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ พูดขึ้น
หยวนชิงหลิงถาม “องค์ชายแปดห่างจากอ๋องฉีแค่ปีเดียว อ๋องฉีได้รับการแต่งตั้งและแยกตัวออกไปอยู่เองตั้งนานแล้ว แล้วทำไมอ๋องแปดจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอ๋องและแยกไปอยู่เอง อีกทั้งข้าจำได้ว่าเขาเองก็ยังไม่แต่งงานด้วยใช่หรือไม่ ”
ตามหลักแล้วองค์ชายที่เป็นวัยผู้ใหญ่แล้ว จะไม่อยู่ในวังหลังอีก
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ที่จริงเสด็จพ่อได้คิดจะมีบัญชาแต่งตั้งเขาเป็นอ๋องลู่แล้ว แต่เจ้าแปดนั้นหัวสมองไม่ค่อยเฉลียวฉลาด”
“ไม่ค่อยเฉลียวฉลาด”
“เขา……”หยู่เหวินเห้าไม่รู้จะพูดอย่างไร “ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ชอบพูดคุยกับผู้อื่น โดดเดี่ยวมาก และเขาก็ไม่รู้หนังสือ ชอบแต่วาดรูป บางครั้งสามารถนั่งได้เป็นวัน แต่เขาชอบข้ากับเจ้าเจ็ด ตัวติดกับพวกข้าตั้งแต่เล็ก วันนี้เห็นเขาแม้แต่ลมหายใจก็จะไม่มีแล้ว ข้ารู้สึกกลัวจับใจ ”
หยวนชิงหลิงได้ยินอาการเช่นนี้มันเหมือนอาการของออทิซึม
ออทิซึม ก็คืออาการปิดกั้นตนเอง พวกเขามีโลกของตัวเอง แต่ว่าสติปัญญานั้นปกติ บางคนมีสติปัญญาสูงกว่าคนปกติทั่วไป พวกเขาเพียงแต่ปิดกั้นตัวเองเอาไว้อยู่ในโลกของตัวเอง
หยวนชิงหลิงกุมมือเขาเอาไว้ เอ่ยปลอบด้วยใบหน้าซีดเผือดว่า “อย่ากังวลไปเลย เขาต้องไม่เป็นไร ”
“เจ้าช่วยเขาได้หรือไม่ ”หยู่เหวินเห้ามองนาง
หยวนชิงหลิงเอากล่องยาออกมา ในกล่องยายังคงเป็นยาบำรุงครรภ์เหล่านั้น นางส่ายหน้า “ขอโทษ ข้าไร้ทางช่วยเหลือได้”
หยู่เหวินเห้าใช้สองมือลูบหน้าตนเอง ถอนหายใจหนักๆหนึ่งเสียง
เขายืนขึ้น “ข้ากลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้ายังต้องเข้าวัง เฝ้าเขาเอาไว้ ”
“ให้ข้าไปกับท่านเถอะ”หยวนชิงหลิงพูด
“ไม่ เจ้านอนเถอะ ไม่เป็นไร ”หยู่เหวินเห้ากอดนางเอาไว้ กอดไว้แน่น “เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้มีข้อบกพร่องใดๆเด็ดขาด ”
หยวนชิงหลิงขอบตาร้อนผ่าว พูดว่า “ข้ารู้แล้ว”
หยู่เหวินเห้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินเข้ามา เห็นหยวนชิงหลิงนั่งอยู่ข้างล่างดวงไฟ ยังไม่ไปนอน “ทำไมจึงไม่นอน ”
หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองเขา “เรื่องนี้น่าประหลาดมาก ท่านเคยคิดหรือไม่ ว่ากู้ซือถูกใส่ร้าย”
“เคยคิด ข้าได้สั่งให้คนเข้าไปตรวจสอบในวังอย่างลับๆแล้ว แต่ที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งคือกู้ซือยอมรับว่าเขาเป็นคนทำร้ายน้องแปด ”
หยู่เหวินเห้าดึงนางขึ้นมา ประคองไปที่เตียง เอ่ยปลอบว่า “เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้ ข้าต้องตรวจสอบให้ชัดเจนแน่นอน ไม่เพียงแต่จะตรวจสอบคดีนี้เท่านั้น คดีของเมืองถิงเจียง ข้าก็จะกำไม่ปล่อย ”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ท่านคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยมุ่งมาที่ท่านหรือ”
“ไม่แน่ว่าจะมุ่งมาที่ข้า แต่ว่าอย่างน้อยเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ความสนใจของเสด็จพ่อก็ต้องเบี่ยงเบนไป ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคดีของเมืองถิงเจียงสักเท่าไหร่แล้ว ในระหว่างนี้ ก็จะสามารถลงมือทำอะไรต่อมิอะไรได้ ”
“อืม เช่นนั้นท่านก็ไปเถอะ ระวังตัวด้วย ”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าหอมที่หน้าผากนางทีหนึ่ง เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “รู้แล้ว เจ้านอนเถอะ หลายวันนี้ไม่ต้องรอข้านะ”
“ได้”หยวนชิงหลิงนอนลง มองเขาสวมเสื้อคลุมสีดำออกไป มีลมพัดเข้ามา รู้สึกหนาวอยู่บ้าง
หยวนชิงหลิงนอนไม่หลับ รอเขาออกไปแล้วก็ลุกขึ้นนั่งลง
แม่นมสี่เข้ามาและพูดว่า “พระชายา ท่านจะอดหลับอดนอนเช่นนี้ไม่ได้ จะไม่ดีต่อสุขภาพ เรื่องราวต้องมีทางแก้ไขแน่ ถ้าหากใต้เท้ากู้ไม่ได้ทำ ท่านอ๋องก็ต้องคืนความถูกต้องให้เขาแน่ ”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ข้ารู้สึกว่า องค์ชายแปดเป็นคนเดียวที่รู้ความจริง ถ้าหากเขาตื่นมา เรื่องนี้ก็จะคลี่คลายได้ ”
ในกล่องยาไม่มียา มีความเป็นไปได้สองอย่าง
หนึ่งคือหมอหลวงสามารถช่วยเขาได้
อีกอย่างก็คือ นางไม่กล้าจะคิด น่าจะ น่าจะช่วยไม่ได้ ให้ยาก็ไร้ประโยชน์