บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 231
องค์ชายเก้าก้มหน้าลง เดินออกไปอย่างช้าๆ
หยวนชิงหลิงรู้ว่าในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ทางที่ดีที่สุดอย่าไปยั่วโมโหฮองเฮา แต่ว่าภาพที่เพิ่งจะจบลงยังมีแววตาที่เศร้าหมอง และน้ำตาที่เกือบจะไหล ภาพนี้มันโดนใจหยวนชิงหลิงอย่างมาก
องค์ชายเก้านั้นเป็นห่วงพี่ชายคนนี้จริงๆ ดังนั้นทั้งๆที่รู้ว่าฮองเฮาไม่ชอบเขา แต่เขาก็ยังฝ่าเข้ามาข้างใน
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยเสียงต่ำ” สถานการณ์มันเร่งรีบ เลือดของพี่น้องแท้ๆง่ายต่อการจับคู่ ยังไงก็ควรทดสอบหน่อย”
ขณะที่หยวนชิงหลิงพูดก็ได้มองไปทางฮ่องเต้หมิงหยวน
ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหน้าอย่างช้าๆ
องค์ชายเก้าเดินกลับมา มองไปที่หยวนชิงหลิง “ลำบากท่านพี่สะใภ้ห้าแล้ว”
เขาน่าจะเพิ่งปรับโทนเสียงกลับมาได้ไม่นาน เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงนั้นต่ำมาก
หยวนชิงหลิงช่วยเขาตรวจเลือด รอไปครู่หนึ่ง แววตามีความดีใจ “เข้ากันได้!”
ฮองเฮานิ่งไปครู่หนึ่ง ก็หายใจหอบ คาใจ มององค์ชายเก้าอย่างเกลียดชัง
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้รับสั่งแล้ว “ยังไม่รีบพาเข้าไปอีก?”
หยวนชิงหลิงกล่าวกับองค์ชายเก้า “น้องเก้า เชิญ!”
องค์ชายเก้าเดินตามเข้าไป ครั้งนี้ ฮองเฮาก็เดินตามเข้ามาด้วย
เลือดได้ไหลออกมาจากร่างกายขององค์ชายเก้า ผ่านท่อเล็กๆท่อหนึ่งไหลเข้าไปในหลอดเลือดขององค์ชายแปด
หยวนชิงหลิงเสนอความคิดเห็นให้กับฮ่องเต้หมิงหยวน น้องเก้าอายุยังน้อย ทางที่ดีที่สุดน่าจะมีคนสำรองไว้ใช้ เสด็จพ่อสามารถให้เหล่าองครักษ์มาตรวจเลือดได้หรือไม่?
ฮองเฮาไม่ค่อยเต็มใจ กล่าวอย่างเรียบเฉย “ลูกของข้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ จะใช้เลือดของคนอื่นได้อย่างไร?”
หยวนชิงหลิงมองฮ่องเต้หมิงหยวนแวบหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงเบา “หม่อมฉันคิดว่า ชีวิตคนสำคัญกว่า”
ฮองเฮาตรัสด้วยเสียงสูง “หากใช้เลือดของคนอื่น ลูกข้าก็จะรอดมั้ย?”
หยวนชิงหลิงนิ่งไปครู่หนึ่ง “หม่อมฉันไม่กล้ามั่นใจ”
“ในเมื่อเจ้าไม่กล้ามั่นใจ แล้วไยถึงจะมาปนเปื้อนเลือดของราชวงศ์?” ฮองเฮากล่าวด้วยความโกรธ
หยวนชิงหลิงพยายามอธิบายเหตุผล “ท่านหญิง นี่มันใช่การปนเปื้อนเลือดของราชวงศ์ที่ไหนกัน? นี่มันคือ………”
ฮองเฮาขัดจังหวะการพูดของนางอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว หากเจ้าไม่มีความมั่นใจที่จะช่วยลูกข้า ก็หุบปากของเจ้า”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับรับสั่งอย่างเด็ดขาด “เจ้าไปเถอะ ตรวจหลายๆคนหน่อย”
ฮองเฮามองไปที่ฮ่องเต้หมิงหยวน กล่าวด้วยสีหน้าปกติ “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เห็นด้วย”
“งั้นเจ้าก็ไสหัวออกไป เจ้าอยู่ตรงนี้บ่นพึมพำตลอดเวลา ข้าหงุดหงิดมาก!” ฮ่องเต้หมิงหยวนอารมณ์ขึ้นทันที แล้วตำหนิฮองเฮา
“ฝ่าบาท!” ฮองเฮามองเขาอย่างตกใจ วันนี้ลูกชายของพวกเขานอนอยู่ตรงนี้ เป็นตายก็ไม่รู้ เขาไม่ปลอบใจแม้แต่คำเดียว กลับมาตำหนินาง
ฮองเฮาตกใจอย่างมาก น้ำตาก็ไหลรินทันที กล่าวอย่างเสียใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่หงุดหงิดรึ? หม่อมฉันไม่ปวดใจรึ? ช่างเอ๋อแม้ว่าสมองจะไม่ค่อยดี แต่เขาก็เป็นคนที่หม่อมฉันอุ้มท้องมาสิบเดือนแล้วคลอดออกมา”
ก่อนที่ฮ่องเต้หมิงหยวนจะโกรธนั้น หยวนชิงหลิงได้ให้หมอหลวงช่วยดูอยู่ ตัวเองนั้นออกไปบอกกับหยู่เหวินเห้า ให้เขาหาองครักษ์มาตรวจเลือด
ก่อนที่กระดาษทดสอบใบสุดท้ายจะใช้หมด ก็หาคนที่เลือดเข้ากันได้สามคน
จึงได้เชิญเข้ามา ฮ่องเต้หมิงหยวนถามประวัติครอบครัวและญาติที่อยู่ในเมืองหลวงทีละคน ถึงได้ให้พวกเขาบริจาคเลือด
หลังจากรับเลือดแล้ว สีหน้าขององค์ชายแปดก็ดีขึ้นมาบ้าง ลมหายใจก็ค่อยๆมั่นคง
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพ้นขีดอันตราย
หวังว่ายาเม็ดจื่อจินจะสามารถหยุดเลือดออกข้างในได้ ขอเพียงไม่มีเลือดออก สถานการณ์ก็อาจจะดีขึ้น
องค์ชายเก้ายังมียาเม็ดจื่อจินอีกหนึ่งเม็ด เขายื่นให้หมอหลวงอย่างกลัวๆ จากนั้นก็วิ่งออกไป
ต่อให้มียาเม็ดจื่อจินอีกหนึ่งเม็ด แต่ได้กินเข้าไปแล้วเม็ดหนึ่ง ในเวลาสั้นๆ ไม่สามารถที่จะกินมันได้อีก ไม่เช่นนั้นมันก็จะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
ฟ้าก็สว่างแล้ว ทุกคนยังคงรอคอย
ยังไม่ได้บอกไทเฮากับไท่ซ่างหวง อย่างไรก็ตาม คิดว่าก็คงจะปิดไท่ซ่างหวงไม่ได้ ทำได้เพียงแต่ปิดไทเฮา
ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งหยู่เหวินเห้าไปสอบสวนกู้ซือ ฮ่องเต้สีหน้าหมองคล้ำ “เขาก็คือฆาตกร”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง
หยวนชิงหลิงเดินออกไป ไปพักผ่อนที่ตำหนักข้างชั่วครู่
ตำหนักข้างแขวนรูปภาพไว้มากมาย ล้วนเป็นภาพทิวทัศน์ หยวนชิงหลิงเดินดูทีละภาพ นี่คือโลกในสายตาของเด็กคนนี้ ในกำแพง เป็นภาพทิวทัศน์ยื่นยาวออกไปอย่างไม่สิ้นสุด
หยวนชิงหลิงรู้สึกทึ่งมากเหมือนกับอยู่ในโลกของเขา
ภาพเหล่านี้ เหมือนจริงมาก ต้นหญ้าใบไม้ ราวกับว่ามันมีชีวิต
เด็กคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าเขาทำไมถึงได้ประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ ไม่รู้ว่าทำไมกู้ซือต้องลงมือทำร้ายเขา หรือว่า ไม่ใช่กู้ซือ แต่เป็นคนอื่น
ข้างในภาพวาดทิวทัศน์ที่มากมาย มีภาพวาดเหมือนจริงอยู่ภาพหนึ่ง
น่าจะวาดตัวเขาเอง ด้านข้างเขียนไว้ด้วยตัวอักษรช่างที่บิดๆเบี้ยวๆอยู่หนึ่งตัว
ภาพวาดเหมือนจริงนี้แปลกมาก ใบหน้ายาวมาก ดวงตาก็โตมาก กินพื้นที่ของใบหน้าไปเศษหนึ่งส่วนสาม ดวงตาเป็นวงกลม ลูกตาแต้มด้วยหมึก เหมือนเอลฟ์มาก
ค่อนข้างที่จะแปลก
หยวนชิงหลิงกำลังจินตนาการว่าองค์ชายแปดเป็นคนแบบไหนกัน
อ๋องฉีเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างกายนาง ก็มองดูภาพนี้เหมือนกัน
อ๋องฉีกล่าวอย่างเศร้าใจ “ตาของเขาไม่ดี ดังนั้น เขาบอกว่าวาดตาให้มันใหญ่หน่อย แบบนี้จะได้มองเห็นชัดขึ้นมาหน่อย”
“ตาเขาไม่ดีหรือ?”
“ใช่”
“ทำไมถึงไม่ดี?” หยวนชิงหลิงถาม
อ๋องฉีส่ายหัว “ใครจะไปรู้ล่ะ? หมอหลวงก็ตรวจแล้ว ทุกอย่างปกติ แต่ว่าเขาก็ยังคงมองหลายสิ่งหลายอย่างไม่ค่อยชัดเจน เป็นตั้งแต่เด็กแล้ว”
โรคตาขี้เกียจ?
ในตำหนักหมิงหัว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หยู่เหวินเห้ากลับไปที่กรมการพระนคร สอบสวนกู้ซือ
กู้ซือเอาแต่ทำหน้านิ่ง ไม่พูดแม้แต่คำเดียว ทำให้หยู่เหวินเห้าโมโหจนชกเข้าไปโดยตรง “ไอ้สารเลวเจ้าพูดสิ เจ้าอยากจะตายใช่มั้ย?”
มุมปากของกู้ซือมีเลือดซึม ยื่นมือออกไปเช็ด เงยหน้ามองเขาอย่างดุร้าย แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“พูด ว่าไม่ใช่เจ้าเป็นคนทำ” หยู่เหวินเห้ากระชากคอเสื้อของเขาเอาไว้ ใบหน้าแทบจะไปชนกับหน้าของกู้ซือแล้ว
กู้ซือยังคงมองเขาอย่างเย็นชา
ผู้ช่วยเจ้ากรมเข้ามากล่อม “ท่านอ๋อง ท่านใจเย็นก่อน ค่อยๆถาม”
หยู่เหวินเห้าโมโหจนหน้าดำคร่ำเครียด นั่งลงมาดื่มน้ำ จ้องกู้ซือแล้วกล่าว ทำร้ายองค์ชาย “เจ้ารู้หรือไม่เจ้าจะมีจุดจบยังไง? โดยปกติเจ้ากับองค์ชายแปดสนิทใกล้ชิดกัน เจ้าไม่มีทางทำร้ายเขา เป็นใครกันแน่ เจ้ากำลังปกป้องใครอยู่?”
กู้ซือยังคงไม่พูด
อารมณ์ของหยู่เหวินเห้าขึ้นอีกแล้ว ปาแก้วที่อยู่ในมือออกไป กู้ซือลุกขึ้นทันที มองดูเหมือนจะบุกเข้ามาทำร้ายเขา แต่ถูกผู้ช่วยเจ้ากรมขวางเอาไว้ ก็ดึงตัวหยู่เหวินเห้าไปอีกฝั่งแล้วกระซิบกล่าว “เฮ้ย เอาล่ะ เอาล่ะ ถามอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ได้ข้อสรุป ท่านอ๋อง ไม่งั้นพวกเราออกไปก่อน ท่านก็คุยดีๆกับใต้เท้ากู้ ใต้เท้ากู้ดูเหมือนมีคำพูดที่อยากจะพูด เพียงแต่ยังมีความกังวลอยู่”
หยู่เหวินเห้าได้ฟังคำพูดของผู้ช่วยเจ้ากรม ก็มองกู้ซือด้วยใบหน้าที่โกรธอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขานั้นถูกใส่ร้าย และก็โกรธมาก
หยู่เหวินเห้าสงบสติอารมณ์แล้วกล่าว “ได้ พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
ผู้ช่วยเจ้ากรม และทหารได้ออกไปพร้อมกัน แล้วปิดประตู
หยู่เหวินเห้ายกโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกเขาเตะจนล้มเมื่อกี้ขึ้นมา นั่งลงไป จ้องมองกู้ซืออย่างจริงจัง “ตอนนี้ไม่มีคนอื่น เจ้าพูดมา ว่าเจ้ากำลังปกป้องใครอยู่? เจ้ารับโทษแทนใคร”
กู้ซือมองเขา ไฟในแววตาลุกโชนอย่างหนัก เจ้ารู้แล้วไยต้องแกล้งถาม? รู้จักเจ้ามานานขนาดนี้ ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะเป็นคนจอมปลอมเช่นนี้ ในเมื่อข้ารับโทษแทนเจ้า ข้าไม่มีทางที่จะพูดอะไรอีกทั้งนั้น เจ้าเพียงแค่รายงานฮ่องเต้ บอกว่าข้าเป็นคนทำ ตัดหัวก็ดี ห้าม้าแยกศพก็ดี ถือว่าข้าได้ตัดขาดมิตรภาพนี้ ต่อไปหากเจอกันในยมโลก เราก็ทำเป็นไม่รู้จักกัน