บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 238
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองสนมซู “เจ้าพูดซิ เรื่องวันนั้นมันยังไงกันแน่?”
สนมซูร้องห่มร้องไห้ไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้อ้าปาก ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ทรงเกรี้ยว “ร้องไห้ทำไม? บอกให้เจ้าพูดก็พูดสิ”
สนมซูตกใจจนตัวสั่น รีบกล่าว “เรียนฝ่าบาท วันนั้นหม่อมฉัน………ออกมาเดินเล่นคนเดียว ระหว่างทางผ่านตำหนักหมิงหัว แต่คาดไม่ถึง ถูกคนลากตัวเข้าไป ทำเอาหม่อมฉันตกใจมาก หม่อมฉันยังเห็นคนผู้นี้ไม่ชัด ก็ได้กลิ่นหอมโชยมา สมองของหม่อมฉันก็เบลอไปทันที จากนั้นตอนที่หม่อมฉันสะลึมสะลือก็รู้สึกว่ามีคนถอดเสื้อผ้าของหม่อมฉัน……ก็ไม่รู้ตัว จากนั้นก็ได้ยินคนตะโกนเรียกท่านพี่ห้า หม่อมฉันก็ได้สติมาหน่อย จึงมองเห็นว่าเป็นอ๋องฉู่ อ๋องฉู่ใช้กระบี่ฆ่าขันทีน้อย หม่อมฉันตกใจจนขวัญกระเจิง นั่งลงเอามือกุมหัวไว้ ก็เห็นองค์ชายแปดล้มลงมา จากนั้น อ๋องฉู่ก็ลากตัวหม่อมฉันกระโดดกำแพงหนีไป หลังจากที่เขาทิ้งหม่อมฉันแล้ว ก็จากไปทันที”
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเย็นชา “หากข้าเป็นคนขืนใจเจ้า งั้นข้าก็น่าจะฆ่าเจ้าไปด้วย”
สนมซูสะดุ้งไปหนึ่งที มองไปที่อู๋ซูฮั่วโดยไม่รู้ตัว
ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องมองนางตลอดเวลา ก็ต้องเห็นสายตาที่ไม่รู้ตัวของนางเป็นธรรมดา
เมื่อกี้เขามัวแต่โกรธ บัดนี้ดูแล้ว เกรงว่าต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน
ลูกห้าต่อให้ใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะกล้าทำแบบนี้
เขาพิจารณาไปครู่หนึ่ง ก็สั่งการ ทหาร นำตัวสนมซูกับเต๋อเฟยกลับไปที่วังเต๋อซ่าง ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามออกจากวังเต๋อซ่างแม้แต่ก้าวเดียว นำตัวอ๋องฉู่ไปขังในคุกมืด รอการสืบสวน อู๋ซูฮั่วก็นำตัวไปพร้อมกัน
หยู่เหวินเห้าโล่งใจทันที
เสด็จพ่อสามารถที่จะสั่งการอย่างใจเย็นแบบนี้ น่าจะไม่เชื่อคำพูดทั้งหมดของสนมซูกับอู๋ซูฮั่ว
สนมซูเห็นโอกาสรอด ขอเพียงยืนยันว่าตัวเองนั้นถูกวางยาแล้วโดนขืนใจ ขืนใจไม่สำเร็จ นางก็จะมีหนทางรอด
ดังนั้นนางไม่กล้าพูดว่าตัวเองนั้นสมยอม ยอมที่จะเสียโอกาสที่สามารถทำให้เขาตายโดยตรง ก็ต้องหาหนทางรอดให้กับตัวเอง
ขอเพียงนางเปลี่ยนคำพูด บอกว่าไม่ใช่ถูกบีบบังคับ แต่ว่าได้คบชู้กับเขานานแล้ว บวกกับคำสารภาพของอู๋ซูฮั่ว เสด็จพ่อก็จะเชื่อเจ็ดแปดส่วน
เฮ้ย บัดนี้ความหวังทั้งหมด ต้องฝากไว้ที่ตัวยัยแก่หยวนแล้ว
มีเพียงช่วยน้องแปดให้รอด เขาถึงจะสามารถล้างมลทินนี้ได้อย่างหมดจด
เต๋อเฟยมองหยู่เหวินเห้าอย่างรู้สึกผิด ก้มหน้าอย่างเศร้าใจ
นางคิดอยากให้หยู่เหวินเห้าพ้นผิด นางคิดว่าผู้หญิงเพื่อผู้ชายแล้วสามารถทำได้ถูกอย่าง ได้ยินว่าคนรักของตัวเองรับผิดแทนตัวเองทั้งหมด ต้องถูกสับเป็นหมื่นๆชิ้น นางทำไมจะไม่ออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นคนสมยอมล่ะ?
แต่คำพูดประโยคแรกที่นางพูดตั้งแต่เข้ามาในตำหนัก ก็บอกว่าตัวเองนั้นโดนบีบบังคับโดนรังแก
นางไม่เข้าใจความคิดของสนมซู นางรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะความรัก นางทำไมต้องทำเรื่องอัตรายเช่นนี้? เพียงเพราะความเหงาชั่วครั้งชั่วคราว?
หยู่เหวินเห้ากับอู๋ซูฮั่วต่างก็ถูกนำตัวไปขังในคุกมืด
หยู่เหวินเห้าไม่ได้พูดกับอู๋ซู่ฮั่วเลย เพราะที่นี่มีคนแอบฟังอยู่ อู๋ซู่ฮั่วก็ไม่มีทางที่จะตอบเขา เขากลับจะใส่ร้ายป้ายสีไปเรื่อยๆ
บัดนี้เขาหวังเพียงว่าเสด็จพ่อจะรับสั่งให้เหลิ่งจิ้งเหยียนเป็นผู้สืบสวนคดีนี้
ทหารที่อยู่ในคุกมืดเข้ามา นำตัวเขาทั้งสองเข้าไปในห้องลงทัณฑ์
เต๋อเฟยกับสนมซูถูกกักบริเวณให้อยู่ในวังเต๋อซ่าง
สนมซูกลับมาถึงที่ตำหนักก็คุกเข่าลงมาทันที
เต๋อเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองนางอย่างเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวังและเกลียดชัง “ทำไม? อ๋องฉู่มีความแค้นอะไรกับเจ้า? เจ้านั้นถูกใครบงการให้มาทำร้ายเขา?”
สนมซูส่ายหัวอย่างใจลอย “ท่านหญิง ข้าถูกท่านอ๋องขืนใจจริงๆ”
เต๋อเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เกลียดชัง “ใช่ ไม่นานนี้ เจ้าคุกเข่าตรงนี้แล้วบอกกับเข้า ชายชู้ของเจ้าคืออ๋องฉู่ แต่ไม่เคยพูดว่าเจ้านั้นถูกคนขืนใจ”
สนมกล่าว “หม่อมฉันยังคงยืนยันคำเดิม หม่อมฉันนั้นถูกขืนใจ”
เต๋อเฟยตบไปที่ใบหน้าของหน้า โกรธจนธาตุโจมตีไปที่หัวใจ ตบไปหนึ่งฉาก จนตัวเองนั้นเกือบจะเป็นลม
สนมซูยื่นมือไปลูบใบหน้าที่โดนตบ ท่านหญิง “ท่านพูดถูกแล้ว ข้าไม่ควรที่จะทำให้วงศ์ตระกูลเดือดร้อน ข้าไม่ควร”
“ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าไม่ควรทำให้วงศ์ตระกูลเดือดร้อน? แล้วตอนแรกทำไมเจ้าต้องไปมั่วสุมกับเขาด้วย?” เต๋อเฟยกล่าวอย่างโมโห
สนมซูหัวเราะขมขื่น “ทำไมเหรอ? ท่านคิดว่าเพราะอะไรล่ะ?”
นางเงยหน้าขึ้นมองเต๋อเฟย น้ำเสียงประชดประชัน “ท่านหญิงได้ส่องกระจกทุกวันมั้ย? ท่านเห็นรอยตีนกาที่หางตาของท่านหรือไม่? เห็นผมหงอกตรงขมับหรือไม่? ท่านแก่แล้ว ทำไมฮ่องเต้ยังโปรดปรานท่านขนาดนั้น? ในหนึ่งเดือน มีห้าวันที่เรียกท่านไปนอนเป็นเพื่อน หากว่าท่านมีลูกหลาน ได้รับความโปรดปรานก็ไม่เป็นไร แต่ว่าท่านไม่มีอะไรเลย ทำไมถึงได้รับสั่งให้ท่านไปนอนเป็นเพื่อนก็ไม่เรียกข้า? ข้ายังสาว ยังสวย ยังมีเสน่ห์ เขาบอกว่าข้าเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในวัง แล้วทำไมฮ่องเต้ถึงไม่ชอบข้าเลย? ฮ่องเต้ไม่เคยพลิกป้ายชื่อของข้า”
เต๋อเฟยฟังคำพูดเหล่านี้แล้ว ก็กล่าวอย่างเย็นชา “หากข้าจำไม่ผิด ตอนแรกที่คัดเลือกสาวงาม ปีแรกเจ้าก็ไม่ถูกเลือกแล้ว ทำไมปีที่สองเจ้ายังจะมาอีก? คัดเลือกสาวงาม ปีแรกมาแล้ว ปีที่สองไม่จำเป็นต้องมา หากเจ้าไม่มา ก็ไม่มีใครโทษเจ้าหรือวงศ์ตระกูลของเจ้า”
“ข้าคาใจ!” สนมซูลูบไปที่ใบหน้าของตัวเอง หัวเราะเหมือนโรคจิต ข้าทำไมถึงไม่ถูกเลือก? หน้าตาข้าไม่สวยรึ? การคัดเลือกสาวงามในปีนั้น สาวงามคนไหนที่สวยกว่าข้ารึ? ข้าไม่พอใจ ข้ารู้เพียงว่าขอเพียงข้าเข้าวัง ก็ต้องได้รักความจากฮ่องเต้ เป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แต่เพราะอะไรล่ะ? เพราะว่าฮองเฮาอิจฉาข้า บัดนี้ข้าก็ไม่กลัวที่จะพูดแล้ว พูดเรื่องนี้ออกมา ต่อให้ฮ่องเต้จะลงโทษข้า เขาไม่มีทางจะเอ็นดูข้าอีก เป็นเพราะฮองเฮาอิจฉาข้า ข้ารู้ว่าครึ่งปีแล้วที่นางสั่งให้คนเอาป้ายชื่อข้าออก ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถที่จะพลิกป้ายชื่อของเข้า
เต๋อเฟยฟังคำพูดที่เพ้อเจ้อของนาง ในใจรู้สึกขยะแขยง สั่งคนจับตามองนางเอาไว้ ตัวเองก็เข้าไปในตำหนัก
ฮองเฮานั้นอิจฉาคนใหม่ สนมซูหน้าตามีเสน่ห์ อีกทั้งยังเยาว์วัย ฮองเฮาก็ต้องกดนางเป็นธรรมดา
แต่ว่า จริงๆแล้วฮ่องเต้ก็ไม่ชอบสนมซู บอกว่าสนมซูนั้นเหลี่ยมจัด คำพูดนี้ ฮ่องเต้เคยพูดกับนาง
เต๋อเฟยขณะที่นวดขมับ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บัดนี้ ได้แต่หวังให้องค์ชายแปดฟื้นขึ้นมา ไม่เช่นนั้น โทษของนางก็หนักไม่เบา
เรื่องที่หยู่เหวินเห้าถูกคุมตัวไปในคุกมืด คนรู้กันไม่มาก แต่ว่าแม่นมสี่รู้แล้ว
แม่นมสี่แอบร้อนใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
นางไปเดินรอบตำหนักหมิงหัวไปสองรอบ พระชายายังอยู่ด้านใน หากพระชายารู้ น่าจะร้อนใจด้วยมั้ง?
แต่ว่าเรื่องนี้ยังไงก็ต้องบอกพระชายา ให้นางพยายามช่วยชีวิตองค์ชายแปดให้ได้ ไม่เช่นนั้น ท่านอ๋องต้องเกิดเรื่องแน่
หยวนชิงหลิงกำลังวุ่นกับการรักษา ด้านนอกฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่รู้เรื่องเลย
แต่ว่า นางก็ไม่สามารถที่จะเฝ้าอยู่ที่ตำหนักหมิงหัวตลอดเวลา นางมีครรภ์ ต้องการพักผ่อน
ดังนั้น เมื่อให้เลือดรอบที่สองเสร็จ ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ให้นางไปพักผ่อนตำหนักข้าง มีแม่นมสี่เข้าไปปรนนิบัติ
หยวนชิงหลิงมีอการปวดหลังปวดเอว กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเห็นแม่นมสี่เข้ามา นางก็ถอนหายใจ “แม่นม ข้าหิวแล้ว มีอะไรทานบ้าง?”
แม่นมสี่เดินเข้ามา จับไหล่ของนางไว้แล้วกระซิบกล่าว พระชายา ข้าน้อยมีคำพูดจะเรียนท่าน ท่านอย่าตื่นเต้นเด็ดขาด อย่าใจร้อนจนธาตุไฟตีขึ้น
หยวนชิงหลิงมองนาง ค่อยๆนั่งตัวตรง “ตอนนี้ข้าก็ตื่นเต้นมากแล้ว เจ้ารีบพูดเถอะ”