บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 240
หยวนชิงหลิงออกมาจากตำหนักหลัก ก็สั่งให้คนยกเก้าอี้มาหนึ่งตัว นั่งลงตรงหน้าของสนมซู
นางจ้องมองสนมซูสักพักใหญ่ๆ สนมซูเอาแต่ก้มหน้า สุดท้ายถูกหยวนชิงหลิงจ้องจนขนลุก นางจึงได้กล่าวอย่างเรียบเฉย “พระชายา มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
หยวนชิงหลิง “ได้ยินท่านหญิงเต๋อเฟยพูดว่า เจ้ารู้สึกว่าตัวเองสวยมาก?”
สนมซูมองนางไปแวบหนึ่ง จงใจท้าทาย “ข้ารู้สึกว่าสวยกว่าพระชายา”
“รู้หรือไม่ว่าทำไมเสด็จพ่อถึงไม่โปรดปรานเจ้า?” หยวนชิงหลิงถาม
สนมซูหัวเราะอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายา พระชายาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะถามคำถามเช่นนี้ พระชายาไปวิ่งเต้นเรื่องของท่านอ๋องจะดีกว่า ขืนใจสนมในวัง ต่อให้ไปวิ่งเต้นก็คงจะไร้ประโยชน์”
“เจ้ามองเสด็จพ่อเป็นคนเลอะเลือนเพียงนี้เลยเหรอ? ใครจริงใครหลอก แม้แต่ข้ายังสามารถแยกแยะออก เสด็จพ่อจะไม่รู้เลยเหรอ?” หยวนชิงหลิงยิ้มเล็กน้อย พยายามควบคุมกรงเล็บของตัวเองไว้ ยังดีที่ไม่ตบมันลงไป
“หากพระชายามั่นใจขนาดนั้น ก็ไม่ควรจะมาที่นี่ เพียงแค่รออย่างสบายใจก็พอ”
“ข้ามาที่นี่ เพราะไม่สามารถปล่อยให้ไอ้แก่ห้าต้องอยู่ในคุกมืด” หยวนชิงหลิงยิ้มอีกครั้ง ยื่นหน้าไปมองนาง “ในเวลาเดียวกัน ก็จะตัดหนทางรอดของเจ้า”
สนมซูสะดุ้ง “หมายความว่ายังไง?”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ “อันที่จริงข้าก็ไม่อยากจะทำเช่นนี้ แต่ก็จนปัญญา”
นางยื่นมือไปดึงปิ่นปักผมของสนมซู แล้วปักมันลงไปที่แขนของตัวเอง เลือดก็ไหลทันที
สนมซูมองนางด้วยความตกใจ “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ?”
แม่นมสี่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “พระชายา ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้?”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้น กล่าวอย่างเซไปเซมา “สั่งคนไปรายงานเสด็จพ่อ บอกว่าสนมซูใช้คำพูดดูถูกข้าก่อน แล้วก็ใช้ปิ่นปักผมทำร้ายข้า”
สนมซูตกใจจนลุกขึ้นมา “เจ้า……..เจ้าใส่ร้ายข้า? ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้า และไม่ได้ทำร้ายเจ้า”
หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ไอ้แก่ห้าก็ไม่ได้ขืนใจเจ้า และก็ไม่ได้ฆ่าคน เจ้าคิดว่าองค์ชายแปดจะไม่ฟื้นแล้วเหรอ? เขาเห็นกับตาว่าเจ้ากับอู๋ซูฮั่วอยู่ด้วยกัน จะยอมรับผิดหรือรอถูกชี้ตัว เจ้าก็พิจารณาเอาเอง”
นางพูดจบ ก็ล้มลงไปในอ้อมแขนของแม่นมสี่ แล้วขยิบตาให้แม่นมสี่หนึ่งที “พาฆ่าไปตำหนักของไท่ซ่างหวง”
แม่นมสี่ยิ้มแล้ว อันที่จริงพระชายาไม่อยากที่จะไปทำให้ไท่ซ่างหวงตกใจ
แต่นางสงสารท่านอ๋อง โบยสามสิบทีเพิ่มอีกสามสิบที หกสิบทีเต็มๆ แต่ละทีที่โบยลงไป เหมือนถูกโบยไปที่หัวใจของนาง
เต๋อเฟยงงไก่ตาแตก แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?
หยวนชิงหลิงบอกกับเต๋อเฟย “ไม่จำเป็นต้องไปรายงานฮ่องเต้ ยังไงก็มีคนไปรายงานฮ่องเต้อยู่แล้ว”
เต๋อเฟยเห็นด้วย สั่งคนพยุ่งหยวนชิงหลิงออกไป
กองทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านนอกประตูเห็นแขนของหยวนชิงหลิงเลือดไหล ท่าทางเหมือนจะเป็นลม อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความตกใจ “พระชายา นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
แม่นมสี่กล่าวอย่างเย็นชา “สนมซูบ้าไปแล้ว กล้าด่าพระชายา ยังใช้ปิ่นปักผมทำร้ายพระชายาอีก”
หยวนชิงหลิงที่ถูกพยุงไหล่ ถูกส่งตัวไปที่ตำหนักของไท่ซ่างหวง
ฉางกงกงเห็นหยวนชิงหลิงที่บาดเจ็บถูกส่งมาที่นี่ ก็ร้องห่มร้องไห้ อดไม่ได้ที่จะถามอย่างตกใจ “นี่มันเรื่องอะไรกัน? โอ้สวรรค์ เลือดไหลเยอะขนาดนี้? ยังไม่รีบตามหมอหลวงอีก? แต่ละคนมัวยืนบื้ออะไรกัน?”
ไท่ซ่างหวงมองด้วยสายตาที่เรียบเฉย “พอแล้ว ตื่นเต้นขนาดนั้นทำไม? ตัวนางก็คือหมอ บาดเจ็บแค่นั้นไม่ตายหรอก ให้นางนั่งลง ให้แม่นมสี่ทำแผลให้นางก็พอแล้ว”
ไท่ซ่างหวงสั่งการอีกครั้ง ไป ไปทูลฮ่องเต้ บอกว่าพระชายาร้องไห้จะเป็นจะตาย ต้องการพบท่านอ๋อง ถึงขึ้นมีผลกระทบต่อครรภ์ ไปตามหมอหลวงเฉามายืนอยู่ตรงนี้ หากฮ่องเต้สั่งคนมาถาม ถามอะไรเจ้าก็พูดไปอย่างนั้นก็พอ
สุดท้าย ก็ยังเป็นไท่ซ่างหวงที่เข้าใจนางที่สุด
หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างเขินอาย โดยไม่สามารถที่จะแกล้งร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายได้อีก
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ก็คงไม่มาถามด้วยตัวเอง
แม่นมสี่ช่วยหยวนชิงหลิงทำแผล แล้วพยุงนางออกมา หยวนชิงหลิงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างสงบเสงี่ยม “ขอบพระทัยเสด็จปู่ที่ทรงช่วยเหลือ”
“เจ้านะ ข่มขู่ฮ่องเต้ ต่อให้ช่วยหลานห้าออกมาได้ แต่เจ้าก็ทำให้เขาโกรธ” ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่างจริงจัง
“ก็เพราะว่าไม่มีหนทางไง? โบยหกสิบไม้เลยนะ ใครจะไปทนได้?” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างจำยอม
ไท่ซ่างหวงส่ายหัวอย่างเคืองๆ เพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ห้ามมีครั้งต่อไป ต่อไปหากมีเรื่องแบบนี้อีก อย่าเอาข้ามาเป็นข้ออ้าง ทำลายความขาวสะอาดของข้า
ทหารรักษาพระองค์ได้ไปรายงานฮ่องเต้หมิงหยวนแล้ว บอกว่าสนมซูทำร้ายพระชายา ทำให้พระชายาตกใจจนเกือบจะเป็นลม ไม่กล้าอยู่ที่วังเต๋อซ่าง เลยไปทำแผลที่ตำหนักฉินคุน
ฮ่องเต้หมิงหยวนขมวดคิ้ว “เป็นฝีมือของสนมซูจริงรึ?”
หยวนชิงหลิงไปที่วังเต๋อซ่างทำไม? ไม่ใช่พักผ่อนอยู่ที่ตำหนักชิงหัวรึ?
“กระหม่อมเข้าไปถามในตำหนักแล้ว สนมซูเป็นคนทำจริงๆ บอกว่าพระชายาไปสอบถามสนมซูสองสามประโยค สนมซูก็ด่าหยาบคาย ยังวู่วามจนเอาปิ่นปักผมทำร้ายพระชายา” ทหารรักษาพระองค์กล่าว
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้ตัดสินว่าจริงหรือเท็จ แล้วก็ได้ยินคนของตำหนักฉินคุนมารายงานแล้ว ว่าพระชายาตกใจ ร้องไห้หนักมาก ได้เรียกหมอหลวงมาแล้ว ดูแล้วน่าจะมีผลกระทบต่อเด็กในครรภ์
หัวของฮ่องเต้หมิงหยวนขยายใหญ่ขึ้นมาสองเท่า กล่าวอย่างหงุดหงิด “มู่หรงกงกง ไปดูซิว่าเรื่องมันยังไง”
มู่หรงกงกงสั่งคนไปดู ก็กลับมารายงาน “ทูลฮ่องเต้ พระชายาปวดท้อง บัดนี้หมอหลวงเฉาได้ดูอาการอยู่ ไท่ซ่างหวงตรัสว่า ทางที่ดีที่สุดให้เรียกท่านอ๋องมา”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหน้าแฟบลงทันที กล่าวอย่างเย็นชา “พระชายาฉู่ยิ่งอยู่ยิ่งใจกล้าแล้ว”
ต้องเป็นนางที่ไปยั่วโมโหสนมซูอย่างแน่นอน ถึงได้ถูกสนมซูทำร้าย
มู่หรงกงกงกล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “อันที่จริงไท่ซ่างหวงก็รู้ว่านางทำเพราะช่วยพระสวามี แต่ว่าไท่ซ่างหวงทรงตรัสแล้ว ลูกในท้องนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ ตอนนี้ต่อให้นางต้องการดวงดาวบนท้องฟ้าก็ต้องเด็ดมาให้นาง อย่าพูดถึงท่านอ๋องที่ไม่เอาไหนแค่คนเดียวเลย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนถามอย่างจำยอม “แล้วไท่ซ่างหวงยังพูดอะไรอีก?”
มู่หรงกงกงกระซิบกล่าว “ไท่ซ่างหวงไม่ได้พูด แต่พระชายามีคำพูดจะทูล”
“นางยังมความกล้าที่จะพูดอีก?” ฮ่องเต้หมิงหยวนทำหน้าเย็นชา
มู่หรงกงกงไม่กล้าออกสุ้มออกเสียง
ฮ่องเต้หมิงหยวนทำเสียงฮึ่มไปหนึ่งที “นางพูดอะไร?”
มู่หรงกงกงกระซิบกล่าว “นางบอกว่านางเชื่อผู้ชายของตัวเอง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหน้าชาไปทันที นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วรับสั่งอย่างเรียบเฉย “ไปนำตัวลูกห้าออกมา ก่อนที่จะออกมา ให้โบยสิบที”
มู่หรงกงกงพูดในใจ อย่างน้อยก็ลดลงไปยี่สิบที ไม่เสียแรงที่พระชายาทรมานตัวเองในครั้งนี้
เพียงแต่ ทั้งถูกด่าทั้งถูกทำร้ายจนกระทบต่อครรภ์ เล่นใหญ่เกินไปแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนใจเย็นลงมาแล้ว ได้คิดทบทวนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
มองจากภายนอก ลูกห้าเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด
แต่ว่าเขาได้คิดถึงคำพูดประโยคนั้นของเต๋อเฟย เต๋อเฟยพูดว่า มันเป็นหลุมพราง
หากมันเป็นหลุมพราง ลูกห้าตกลงไป มันก็ไม่แปลกเลย
หลักฐานทั้งหมดไม่เป็นผลดีต่อเขา แต่สิ่งเดียวเขาจะไม่มีวันทำ นั่นก็คือเขาไม่มีทางที่จะคิดไม่ดีกับสนมซู และไม่มีทางที่จะทำร้ายเจ้าแปด
“เรียกเหลิ่งจิ้งเหยียนเข้าวัง ให้ตรวจสอบเรื่องของตำหนักหมิงหัวอย่างลับๆ” ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งการ
มู่หรงกงกงจึงได้โล่งอก รีบร้อนออกไปทำตามรับสั่ง
แม้ว่าใต้เท้าเหลิ่งจะเป็นเพียงจี้จิ่ว แต่เขานั้นเป็นคนที่มีความคิดรอบคอบ อีกทั้งยังเป็นกลางไม่ลำเอียง หากเขาเป็นคนตรวจสอบ เรื่องราวต้องได้รับความกระจ่างอย่างแน่นอน