บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 246
หลังจากที่กินยาเม็ดจื่อจินแล้ว อาการขององค์ชายแปดก็คงที่แล้ว
หยวนชิงหลิงชื่นชมสรรพคุณของยาเม็ดจื่อจินอีกครั้ง
สถานการณ์คงที่แล้ว หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าในที่สุดสองสามีภรรยาก็ได้กลับจวนแล้ว
อะซี่รออยู่อยู่ในจวนอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงกลับมา ก็ไม่ได้ถามอะไร ดูก็รู้ว่าเป็นบ่าวที่รู้งาน
หยู่เหวินเห้ารักษาอาการบาดเจ็บที่วังหลายวัน หลังจากกลับมา ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ที่กรมการพระนครส่งคนมาหลายครั้ง บอกว่ามีเรื่องสำคัญ หยู่เหวินเห้าอยากจะรอจนกว่าหยวนชิงหลิงทานยาบำรุงครรภ์แล้วจึงค่อยไป หยวนชิงหลิงหาว่าเขาจู้จี้ไล่ให้เขาไปทำงาน หยู่เหวินเห้าเห็นภรรยาโกรธ ทำได้เพียงไปทำงานอย่างเชื่อฟัง
ครั้งนี้รักษาองค์ชายแปดหาย ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้ประทานของขวัญให้
อันที่จริงหยวนชิงหลิงก็รู้สึกว่าไม่ใช่ผลงานของตัวเอง แม้ว่าการให้เลือดจะช่วยได้มาก แต่เลือดก็ไม่ใช่ของนาง
เพราะเรื่องการให้เลือด ยังล่วงเกินฮองเอา ดังนั้น หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าความดีนี้ ไม่ขอบคุณก็ไม่เป็นไร
ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ในจวนหลายวัน หยวนชิงหลิงก็เข้าวังไปเยี่ยมองค์ชายแปด
องค์ชายแปดยังไม่สามารถลงมาเดิน อันที่จริงสามารถลงมาได้แล้ว แต่ฮองเฮาบอกว่าเขานั้นบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป ต้องนอนพักที่เตียง ห้ามให้เขาลงมา
หยวนชิงหลิงช่วยองค์ชายแปดตรวจดูอีกครั้ง การเต้นของหัวใจ ชีพจร ทุกอย่างเป็นปกติดี การฟื้นตัวถือว่าดีทีเดียว
องค์ชายแปดลงจากเตียงไม่ได้ แต่เขาสามารถที่จะวาดภาพอยู่บนเตียง
หลังจากหยวนชิงหลิงช่วยเขาตรวจสอบแล้ว เห็นภาพของเขาที่วางอยู่ด้านข้าง เป็นประตูบานหนึ่ง ประตูนั้นปิดอยู่ มีแสงได้ส่องทะลุผ่านเข้ามาทางซอกประตู
“ช่างเอ๋อ สามารถบอกข้าได้มั้ย ประตูนี้คือประตูอะไร?” หยวนชิงหลิงถาม
องค์ชายแปดหลบเลี่ยงไปครู่หนึ่ง ไม่พูดไม่จา
องค์ชายเก้าที่อยู่ด้านข้างอธิบาย “ท่านพี่สะใภ้ห้าอย่าถือสาเลย โดยปกติพี่แปดจะไม่พูดจากับคนอื่นง่ายๆ สนิทแล้วถึงจะพูด”
หยวนชิงหลิงยิ้มเล็กน้อย “อืม ข้าเข้าใจแล้ว”
นางมององค์ชายแปดแล้วถาม “น้องแปดจะสามารถให้พี่สะใภ้ห้าดูตาของเจ้าหน่อยได้มั้ย?”
องค์ชายแปดลังเลไปครู่หนึ่ง ก็ยื่นหน้ามา “ดู”
หยวนชิงหลิงเปิดหนังตาของเขาดูไปครู่หนึ่ง ดูว่าลูกตามีความผิดปกติหรือเปล่า โชคดีที่ไม่มี
“น้องแปด เจ้าฟังคำสั่งข้า ข้าบอกให้เจ้ามองข้างบน เจ้าก็หมุนลูกตาไปข้างบน ข้าบอกให้เจ้ามองข้างล่าง เจ้าก็มองข้างล่าง เข้าใจมั้ย?”
องค์ชายแปดพูด “ดู”
หยวนชิงหลิงก็ออกคำสั่ง อันที่จริงองค์ชายแปดฉลาดมาก สิ่งที่หยวนชิงหลิงพูดเขานั้นสามารถทำตามได้หมดเลย
ไม่สามารถที่จะตรวจด้วยวิธีอื่นอีก หยวนชิงหลิงไม่ใช่จักษุแพทย์ หลังจากที่นางตรวจแล้ว ก็ตามหมอหลวงมาถามอาการเพิ่ม
หมอหลวงบอกว่าตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นแบบนี้แล้ว ใกล้ไกลก็มองเห็นไม่ค่อยจะชัดเจน อ่านเขียนลำบากเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงพอจะวินิจฉัยได้ว่า เป็นโรคตาขี้เกียจ
โรคตาขี้เกียจหากรักษาตั้งแต่เด็กจะได้ผลดีกว่า ตอนนี้เจริญเติบโตเกือบจะเต็มที่แล้ว จะมาปรับนั้นค่อนข้างจะยาก
สามารถใส่แว่นได้ แก้ไขข้อผิดพลาดการหักเหของแสง แต่ว่า นอกเสียจากว่าในกล่องยาจะเอื้อมอำนวย ไม่เช่นนั้น ก็ไม่มีปัญญาที่จะตัดแว่นออกมาได้
นางสั่งกำชับองค์ชายเก้า “ต่อไปนี้เจ้าคัดถั่วเขียวเป็นเพื่อนพี่แปดของเจ้า เอาถั่วเขียวกับถั่วเหลืองเทใส่รวมกัน จากนั้นก็มองดูเขาคัดถั่วเขียวออกมา ต้องทำทุกวัน เข้าใจมั้ย?”
ในใจองค์ชายเก้านั้นไม่เข้าใจ แต่เขาไม่กล้าถาม ท่านพี่สะใภ้ห้าคนนี้ดูแล้วเหมือนจะเก่งมาก “ทราบแล้ว”
นางดึงตัวองค์ชายเก้าไปข้างๆ “หากฮองเฮาให้คนมาถามว่าทำไมองค์ชายแปดต้องทำเช่นนี้ เจ้าก็บอกว่าเป็นความต้องการขององค์ชายแปด”
นางเข้าใจดี ตัวเองนั้นอยู่ในใจฮองเฮา ฐานะพอๆกันกับองค์ชายเก้า ล้วนเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อใจ
ช่างเถอะ ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่มีความคิดที่จะไปมาหาสู่กับฮองเฮาอยู่แล้ว
ปีนสูงไม่ไหว
หลังจากกลับมาจากวังก็นอนไปงีบหนึ่ง ก็ได้ยินแม่นมสี่เข้ามาบอก “คนของจวนอ๋องจี้มาขอพบ”
“ไม่พบ!” หยวนชิงหลิงคิดยังไม่คิด ก็ปฏิเสธไปทันที
“บอกว่ามาเพราะอาการป่วยของพระชายาจี้”
“ก็ไม่พบ” หยวนชิงหลิงนั่งลง ตอเป่าคลานอยู่ใต้ขา หูตั้งขึ้นมา เหมือนกำลังฟังพวกเขาคุยกัน
แม่นมสี่พยักหน้ากล่าว “ไม่สมควรพบจริงๆด้วย แต่ว่าก็ต้องหาข้ออ้างไล่กลับไป”
“บอกว่าข้าไม่สบาย” หยวนชิงหลิงกล่าว
แม่นมสี่หัวเราะ “ทำไมถึงว่าตัวเองแบบนี้ล่ะ? ไม่ได้ บอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการบำรุงร่างกาย ไม่มีเวลาพบเจอใคร”
“มันต่างกันยังไงเหรอ?” หยวนชิงหลิงยิ้มแล้ว ถาม
“ต่าง บำรุงไม่ใช่ไม่สบาย แต่อยากให้แข็งแรงมากขึ้น” แม่นมนั้นถือสาเรื่องพวกนี้มาก
หยวนชิงหลิงหัวเราะกล่าว “เอาที่ท่านสบายใจเลย”
นางมองไปครู่หนึ่ง “อะซี่ล่ะ?”
“บอกว่าไปจวนอ๋องฉี ได้ยินว่า ชายารองหยวนกับพระชายาฉีทะเลาะกัน จากนั้นอ๋องฉีก็หาคนไปทำร้ายชายารองหยวน ชายารองหยวนโกรธมาก ก็เลยสั่งคนไปรายงานที่บ้าน นี่ไง อะซี่ก็บอกว่าจะไปออกหน้าแทนพี่สาว”
หยวนชิงหลิงเบิกตากว้าง “ไม่ใช่มั้ง? พระชายาฉีกับชายารองหยวนทะเลาะกัน หยวนหย่งอี้ใช้เพียงปลายนิ้วก็สามารถทำให้นางตายแล้ว”
“ไม่แน่อาจจะเล่นตุกติกอะไรสักอย่าง” แม่นมสี่มองกลอุบายของพระชายาฉีออกในแวบเดียว
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “รออะซี่กลับมา ให้นางมาเล่าให้ข้าฟังด้วย ช่วงเวลานี้ข้านั้นเบื่อมากเลย อยากฟังนิทาน”
นิทานของจวนอ๋องฉี วันนี้สนุกมีสีสันอย่างมากจริงๆ
เรื่องราวใหญ่โตทีเดียว
จวนอ๋องเต็มไปด้วยทหารหญิง ทำให้อ๋องฉีตกตะลึงไปโดยตรง
พระชายาฉีก็ตกใจเหมือนกัน นางนั้นไม่สามารถที่จะกลับไปหาคนมาช่วยได้ ท่านปู่ต้องตีนางให้ตายอย่างแน่นอน
สาเหตุของเรื่องนี้ ก็คือตอนที่พระชายาฉีเดินเล่นอยู่ในสวนนั้น ชายารองหยวนเดินผ่านมา ไม่เคารพก็ช่าง ยังทำมาเป็นเยาะเย้ยอีก
พระชายาฉีเลยสั่งให้คนมาสอนกฎระเบียบชายารองหยวน ไม่รู้ว่าชายารองหยวนนั้นจะไม่เต็มใจ ก็โวยวายขั้นมา รู้ถึงอ๋องฉี
อ๋องฉีเห็นว่า มารยาทของชายารองหยวนนั้นยังเรียนรู้ได้ไม่ดีพอ ดังนั้น พระชายาฉีให้นางนั่นเรียนรู้เรื่องกฎระเบียบเพราะหวังดี ก็เพราะคำนึงหน้าตาของจวนอ๋องและตระกูลหยวน
นี่มันเป็นเรื่องในเรือนของผู้หญิง อ๋องฉีไม่ควรที่จะมาแทรกแต่แรก เขาปากร้ายแถมยังลงมือจัดการอีกด้วย
เคยมีคนเข้าใจว่า สมองของอ๋องฉีนั้นยังไม่ดีเท่าสมองขององค์ชายแปด คนที่พูดคำนี้จะรังแกคนมากเกินไปแล้ว แต่ว่า ก็มีความเป็นไปได้ว่าเคยประจักษ์ด้วยตาตัวเอง
เขาเข้ามายุ่งเรื่องนี้แล้ว ไม่เพียงแต่จะให้ชายารองหยวนเรียนรู้กฎ ยังจะให้ชายารองหยวนขอโทษพระชายาฉี
ชายารองหยวนก็ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว นางยืนยันความคิดของตัวเอง นางได้ทำความเคารพไปแล้ว และไม่ได้แสดงท่าทีที่ไม่เคารพแต่อย่างใด
อ๋องฉีก็เลยรู้สึกว่านางเรื่องเยอะ ก็แค่ขอโทษเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย นางเป็นชายารอง ลำบากใจหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควร
ตอนนี้ หยวนหย่งอี้ก็ระเบิดทันที ชี้ไปที่พระชายาฉีทันที บอกว่าปกติคิดร้ายกับนางยังไงบ้าง ทั้งวางยานางในน้ำดื่ม วางยาในถ้วยอาหารของนาง พระชายาฉีไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว ต้องมีหลักฐานมายืนยัน ชายารองหยวนไม่มีหลักฐาน ก็เดินขึ้นไปตบคน ถือรองเท้าวิ่งตีพระชายาฉี
อ๋องฉีโกรธมาก ผลลัพธ์นั้นรุนแรงมาก เขาเข้ามาขวาง ก็ถูกหยวนหย่งอี้ทำร้ายจนไปนอนกับพื้น คลานเหมือนหมา
อ๋องฉีอ่อนแอขนาดนี้ ทำให้ผู้คนตกใจกันหมด
ท่านอ๋องผู้สง่างาม กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งตีไปนอนกับพื้น มันไม่ได้เลย ใครก็ยอมไม่ได้ อ๋องฉีก็สั่งทหารในจวนจับตัวหยวนหย่งอี้ สาวใช้ของหยวนหย่งอี้ก็ไปรายงานเรื่องนี้กับที่บ้าน ไปขอทหารมาช่วยเหลือ