บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 277
แม่นมสี่แสดงสีหน้ายิ้มแย้ม พลันชักมือกลับอย่างรักษามารยาท พร้อมกับโน้มตัวอีกครั้ง “ฮูหยินใหญ่เชิญนั่งเถอะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ฉู่ดึงมือแม่นมสี่ให้นั่งลง พลางเงยหน้าขึ้นไปมองอะซี่ที่ยืนอยู่ด้วย จึงคิดว่าเป็นสาวใช้ที่ติดตามมาด้วย : “เจ้าจงออกไปรออยู่ด้านนอกก่อนเถอะ หากมีอะไรข้าจะเรียกเจ้าเอง”
อะซี่ตอบกลับอย่างเฉยชา : “ไม่เจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ตรงนี้คอยดูแลแม่นม”
ฮูหยินใหญ่ฉู่ถึงกับตะลึงงัน “เจ้า……”
แม่นมสี่พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ : “สาวใช้ตระกูลหยวนคนนี้เป็นคนแข็งกร้าว อย่าได้สนใจนางเลยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ฉู่เมื่อได้ยินว่าเป็นสาวใช้ตระกูลหยวน นางก็ยิ่งชักสีหน้ามากขึ้น เพราะสาวใช้อีกคนจากตระกูลหยวนก็เป็นชายารองในจวนอ๋องฉี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีเรื่องเบาะแว้งกับชุ่ยเอ่อแล้วครั้งหนึ่ง คนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้
อะซี่ยืนอยู่อย่างนั้นด้วยมือที่กอดดาบเอาไว้ พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความสุขุม
สำหรับตระกูลฉู่แล้ว นางไม่มีทางไว้หน้าให้เด็ดขาด
และเพราะมีอะซี่ที่ยืนอยู่ด้วย ฮูหยินใหญ่ฉู่จึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากเท้าความ
จนดื่มชาหมดไปสองจอกแล้ว ฮูหยินใหญ่ฉู่ยังคงมีความเกรงใจ พูดคุยเพียงเรื่องราวสารทุกข์สุกดิบทั่วไป
อะซี่ที่รู้สึกเบื่อจึงหันหลังเดินออกไปรออยู่ด้านนอกประตู จึงทำให้ภายในห้องเหลือเพียงฮูหยินใหญ่ฉู่และแม่นมสี่สองคนเท่านั้น โดยที่คนอื่นๆ คอยท่าอยู่ด้านนอก เมื่อสักครู่นี้ที่นางไม่ยอมออกไปเพียงเพราะไม่อยากให้ทำตามคำพูดของฮูหยินใหญ่ฉู่เท่านั้น
ฮูหยินใหญ่ฉู่ที่เห็นนางเดินออกไป จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วหันไปคุยกับแม่นมสี่ทันที : “วันนี้ที่เรียกแม่นมสี่มา ไม่ได้มีเรื่องที่จะปิดบังอันใด เพียงแค่อยากขอความช่วยเหลือเท่านั้น”
“ข้าน้อยมิคู่ควรกับคำว่าขอความช่วยเหลือหรอกเจ้าค่ะ ?ฮูหยินใหญ่อย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย” แม่นมสี่ตอบกลับ
ฮูหยินใหญ่ฉู่กุมมือแม่นมสี่เอาไว้ พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน แล้วพูดด้วยสายตาที่เศร้าใจ “แม่นม วันนี้ข้าไม่กลัวว่าเจ้าจะหัวเราะเยาะข้า แต่หมิงหยางลูกสาวของข้าได้อดอาหารมาสามวันแล้ว นางดึงดันที่จะอภิเษกกับอ๋องฉู่ให้ได้ ทว่าเรื่องอภิเษกของนางและจวนอ๋องจี้ได้มีการวางแผนเอาไว้แล้วเช่นกัน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเสด็จปู่ของนางได้เลย แม่นม เจ้าลองดูหน่อยเถอะว่าเรื่องนี้เจ้าพอจะว่าความอย่างไรได้บ้าง?จะอยู่ต่อหน้าพระชายา……หรือฝู่ฉู่ก็ได้ เจ้าช่วยพูดยกยอนางสักสองสามคำ ให้นางได้สมปรารถนาเสียที ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตนางเถอะ”
แม่นมสี่ที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็เข้าใจความหมายทันที เรื่องการร้องขอต่อพระชายาเป็นเพียงความเท็จเท่านั้น เรื่องนี้เท่าที่นางเข้าใจคนที่สามารถยับยั้งการอภิเษกของฉู่หมิงหยางและอ๋องฉู่มีเพียงโสวฝู่ฉู่คนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอ๋องฉู่และพระชายาเลย
ขอเพียงโสวฝู่ฉู่ยอมก้มหน้ารับ ความเห็นของอ๋องฉู่และพระชายาจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแม่นมสี่จึงชะงักไปชั่วครู่ “ฮูหยินใหญ่ ขณะนี้พระชายากำลังตั้งครรภ์ เจ้าอ๋องไม่มีทางอภิเษกชายารองมาเพื่อสร้างความทุกข์ใจแก่นางแน่นอน และพระชายาเองก็ยิ่งไม่ให้เจ้าอ๋องอภิเษกชายารองเพื่อมาเป็นอุปสรรคให้แก่ตนเองเป็นแน่ ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่การร้องขอต่อฝู่ฉู่ แต่เป็นเพราะทางฝ่ายอ๋องฉู่ไม่ยินยอมตั้งแต่แรกอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ฉู่ยิ้มจางๆ “ทางฝ่ายอ๋องฉู่และพระชายาฉู่ ล้วนสามารถพูดคุยด้วยกันได้ แต่ทว่านายเจ้าใหญ่ของตระกูลข้าเขาเป็นคนมีทิฐิ จึงเกรงว่าจะมีแค่คำพูดของแม่นมสี่เท่านั้นที่เขาจะยอมรับฟัง”
แม่นมสี่ส่ายหน้าปฏิเสธ “ดูแล้วเหมือนฮูหยินใหญ่จะยังไม่เข้าใจความหมายของข้า เช่นนั้นข้าขอถามฮูหยินใหญ่สักหน่อยว่าก่อนที่จะมีการวางตัวเรื่องงานอภิเษกของคุณหนูรองและอ๋องจี้ ได้มีการเสนอให้อ๋องฉู่อภิเษกคุณหนูรองในฐานะชายารองใช่หรือไม่ ?”
ฮูหยินใหญ่ตอบกลับทันที : “ไม่ผิด ครั้งแรกเป็นเพราะพระชายาจี้ไม่ยินยอม ถึงขั้นยอมแลกด้วยชีวิต ในครั้งที่สอง ……เป็นเพราะแม่นมที่เข้าไปคุยกับฝู่ฉู่ เขาถึงได้ยุติเรื่องนี้ลง แต่ว่าแม่นมเจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป ที่ข้าพูดเช่นนี้ไม่ได้จะโยนความผิดให้เจ้า แต่เพราะเรื่องราวเป็นมาเช่นนี้ข้าจึงต้องแจ้งให้เจ้าเข้าใจ”
แม่นมสี่ตอบ : “ถูกแล้วเจ้าค่ะ ครั้งที่สองเป็นข้าที่ยับยั้งเอาไว้ แล้วสาเหตุที่ข้าได้ยับยั้งเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ทั้งสองตระกูลบาดหมางกันไปมากกว่านี้ ข้าไม่รู้ว่าในความคิดของฮูหยินใหญ่แล้วมองดูตำแหน่งของโสวฝู่ฉู่ภายในท้องพระโรงเป็นเช่นไร เจ้าคงจะมองว่าเขาสามารถพลิกหน้ามือเป็นลมเป็นฝนได้ แต่แท้จริงแล้วเขาก็เป็นเพียงขุนนางคนหนึ่งในพระราชสำนักเท่านั้น เป็นเพียงข้าราชบริพารของฝ่าบาทที่คอยดูแลปัญหาต่างๆ ของเหล่าราษฎร แน่นอนว่าไม่อาจเข้าไปขัดแย้งก้าวก่ายเรื่องของเหล่าราชวงศ์ เกียรติยศและความมั่งคั่งของตระกูลฉู่ล้วนมาจากฮ่องเต้และเหล่าราษฎรทั้งนั้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือหลายปีมานี้โสวฝู่ฉู่ได้พยายามอย่างมากเพื่อที่จะเก็บคมดาบยับยั้งตน เพื่อไม่ให้ผู้ที่อยู่ภายใต้บัญชาของเขาหลงระเริงจนเกินตัวและท้าทายอำนาจสูง แต่เขาคงจะคาดไม่ถึงว่าคนที่อยู่ใต้บัญชาของเขาต่างคิดว่าเขาเป็นเจ้าแผ่นดิน จนสามารถเข้าไปก้าวก่ายเหล่าราชวงศ์ได้ตามใจชอบ ฮูหยินใหญ่หากเจ้ายังไม่เปลี่ยนความคิดเหล่านี้ อีกไม่ช้าไม่นานความคิดเช่นนี้จะก่อให้เกิดภัยร้ายต่อตระกูลฉู่เสียเอง”
ฮูหยินใหญ่ฉู่รู้สึกเคืองขึ้นมา “แม่นมสี่หากไม่ยินยอมที่จะช่วยเหลือ เพียงแค่บอกก็สิ้นเรื่องแล้ว นี่ยังจะกล่าวหาว่าพวกข้าท้าทายอำนาจแล้วยังจะสร้างภัยให้แก่ตนอีก ไม่ทราบว่าเจ้ามีเจตนาอันใดกัน”
แม่นมสี่ตอบกลับอย่างเย็นชา : “มีเจตนาอันใด?อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เพื่อทำร้ายตระกูลฉู่ของพวกเจ้า” เมื่อพูดจบนางก็ลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป
ฮูหยินใหญ่ฉู่พูดอย่างอดกลั้น : “เป็นเพราะข้าไม่รู้ชั่วดีเอง ขอบคุณสำหรับความหวังดีของแม่นม แม่นมเจ้าอย่าเพิ่งรีบไปเลย นั่งลงดื่มชาสักถ้วยก่อนเถอะ
แม่นมสะบัดมือ : “คำขอของเจ้าครั้งนี้ ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ ฉะนั้นอย่าต่อความให้มากเลย”
ฮูหยินใหญ่ฉู่หยิบเอากระดาษเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้ววางลงบนโต๊ะ “นี่ถือเป็นค่าน้ำชาของแม่นม เจ้าเก็บไปก่อนเถอะ รอให้เสร็จเรื่องแล้วข้าจะมอบให้เจ้าอีกเท่าตัว”
แม่นมสี่ไม่ได้มองอย่างจริงจัง แต่พอจะคาดเดาจากความหนาของกองกระดาษเงินนั้นแล้วมีมูลค่ามากกว่าหมื่นตำลึงแน่นอน
นางถอนหายใจออกมาแล้วจ้องมองฮูหยินใหญ่ฉู่ “ความทุกข์ทรมานใจของผู้เป็นแม่ของเจ้า ข้านั้นเข้าใจ แต่เจ้าลองคิดสักนิดว่าการให้คุณหนูรองอภิเษกเข้าจวนอ๋องฉู่แท้จริงแล้วเพื่อให้นางสุขสมหวังหรือทำร้ายตัวนางเองกันแน่ ?วันนั้นที่อ๋องฉู่ไปก่อเรื่องที่จวน เขาปฏิบัติเช่นไรต่อคุณหนูรองถึงเจ้าจะไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่หลังจากนั้นเจ้าคงจะได้รับรู้เรื่องราวแล้ว อ๋องฉู่มีเพียงความเกลียดชังและรังเกียจต่อคุณหนูรอง การที่จะให้คุณหนูรองอภิเษกไปนางก็จะต้องพบเจอแต่ความทุกข์”
“นี่ก็เป็นเพียงตอนนี้เท่านั้น เมื่อก่อนในตอนที่พระชายาฉู่อภิเษกเข้าไป อ๋องฉู่เองก็ปฏิบัติไม่ดีต่อนางเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือไร ?ทั้งยังได้ข่าวว่าเขายังโบยนางอีกด้วย” ฮูหยินใหญ่ฉู่ตอกกลับ
“ใช่แล้ว เป็นความจริงที่ในตอนแรกเริ่มนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ดีนัก แต่เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าพระชายาฉู่ได้ให้การรักษาแก่ไท่ซ่างหวง อีกทั้งหลังจากนั้นนางยังได้ช่วยชีวิตเจ้าอ๋อง และยิ่งตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อีกด้วย การที่อ๋องฉู่จะเปลี่ยนมามองนางในอีกแง่มุมหนึ่งล้วนมีเหตุผลที่แจ่มแจ้ง แล้วเจ้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้คุณหนูรองจะต้องทำเช่นไรถึงจะทำให้อ๋องฉู่เปลี่ยนใจมามองนางใหม่เล่า ?”
แน่นอนว่าฮูหยินใหญ่ฉู่เข้าใจเป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้นด้วยชื่อเสียงเกียรติยศและอิทธิพลอำนาจของตระกูลฉู่ ต่อให้อ๋องฉู่จะไม่ไยดีต่อหยางเอ่อ แต่ก็คงไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดเกินเลยเป็นแน่
ดังนั้นนางจึงกล่าวต่อ: “แม่นมสี่เจ้าอย่าเพิ่งกังวลถึงเรื่องนี้ ขอเพียงเจ้าตอบมาว่าเจ้าจะช่วยหรือไม่ช่วย”
แม่นมสี่ส่ายหน้าปฏิเสธ “ขออภัย เรื่องนี้เจ้าไปหาคนอื่นให้ช่วยเถอะ”
ฮูหยินใหญ่ฉู่ที่เห็นว่าเมื่อไม่สามารถอ่อนข้อกันได้ จึงกล่าวด้วยความเยือกเย็น: “คิดดูแล้วแม่นมสี่คงไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ถึงเรื่องราวในอดีตของเจ้าและโสวฝู่ฉู่สินะ”
แม่นมสี่ถึงกับชักสีหน้า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ฮูหยินใหญ่ฉู่มองนางด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ไม่ได้มีความหมายอื่น ข้าเพียงหวังว่าแม่นมสี่จะเข้าใจถึงหัวอกในฐานะของผู้เป็นมารดาคนหนึ่ง ข้าไม่สามารถทนดูลูกสาวข้าอดอาหารจนตาย ดังนั้นแม่นมสี่เจ้าลองหาวิธีจัดการเองแล้วกัน ถ้าหากเจ้าไม่ช่วย ข้าก็คงจะต้องป่าวประกาศเรื่องของเจ้าและเจ้าพ่อตาให้กับทุกคนได้รู้ เรื่องเช่นนี้ไม่ได้มีผลกระทบอันใดต่อชื่อเสียงของฝ่ายชายอยู่แล้ว แต่เกรงมันอาจจะทำลายความคุณงามความดีที่แม่นมสั่งสมมาทั้งชีวิตได้เลย”
แม่นมสี่ตอกกลับด้วยความขุ่นเคือง : “เจรจากันด้วยเหตุผลก่อน เมื่อล้มเหลวจึงใช้กำลัง ช่างเป็นเล่ห์กลที่ยอดเยี่ยม แล้วจะอย่างไร หากข้าไม่ตอบรับคำขอของเจ้า เจ้าก็จะจัดการข้างั้นหรือ ?”
“อย่าเรียกว่าจัดการเลย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เท่านั้น” ฮูหยินใหญ่ฉู่ตอบกลับด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม