บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 290
หยวนชิงหลิงและหยวนหย่งอี้นั่งพักอยู่ที่วังเต๋อซ่างเพียงไม่นาน ก็กลับไปยังพระหนักฉินคุน ถึงอย่างนั้นไท่ซ่างหวงพวกเขาสามคนก็ยังคงดื่มสุราอย่างสำราญใจ โดยปิดประตูเอาไว้อย่างสนิทไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน
เมื่อไม่มีทางเลือก หยวนชิงหลิงจึงเดินทางไปถวายพระพรเสียนเฟย จากนั้นไปถวายพระพรฮองเฮา ก่อนที่สุดท้ายจะกลับมานั่งรออยู่ที่วังเต๋อซ่าง พร้อมสั่งให้ฉางกงกงรอจนไท่ซ่างหวงดื่มเรียบร้อยแล้วส่งคนมาแจ้งเรื่องที่วังเต๋อซ่าง
แต่สุดท้ายหลังจากที่รอมาสักระยะ กลับไม่พบฉางกงกงส่งคนมา แต่กลับเป็นหยู่เหวินเห้าที่ส่งคนมาส่งข่าวเร่งด่วน ซึ่งกำลังรออยู่นอกวังเต๋อซ่าง
หยวนชิงหลิงที่ได้ยินว่าหยู่เหวินเห้าส่งข่าวด่วนมาจึงรีบสั่งให้นำตัวคนส่งข่าวเข้ามาทันที
แล้วทันใดนั้น อะซี่ก็วิ่งเข้ามาในวังเต๋อซ่างด้วยความลุกลี้ลุกลน เมื่อเข้ามาด้านในนางไม่ทันได้ถวายพระพรแก่เต๋อเฟยน้ำตาก็ไหลนองออกมาก่อนเสียแล้ว “พระชายา เจ้ารีบกลับเถอะ แม่นมสี่ฆ่าตัวตายแล้ว!”
ประโยคนี้ทำเอาหยวนชิงหลิงแทบทรุดลงไป นางรีบสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วจับแขนของหยวนหย่งอี้เอาไว้แล้วหันไปถามอะซี่ “ยังมีชีวิตหรือไม่?”
อะซี่พูดพลันร้องไห้ : “ไม่ทราบเจ้าค่ะ คนส่งข่าวรายงานเพียงว่าเห็นแม่นมอาเจียนเป็นเลือดออกมาเพราะดื่มสุราพิษเข้าไป เขาจึงรีบไปแจ้งแก่เจ้าอ๋องโดยทันที เจ้าอ๋องกลับไปดูแล้วก็รีบสั่งคนให้เข้ามาหาพระชายาทันที ให้พระชายารีบกลับจวน ส่วนคนส่งข่าวกลับไปแล้ว ข้าเป็นคนรับข่าวจากด้านนอกเอาไว้เองเจ้าค่ะ”
เต๋อเฟยกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม : “ในจวนมีหมอหลวงอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?”
อะซี่เช็ดน้ำตาออกไป “มีเจ้าค่ะ หมอหลวงเฉาอยู่ที่นั่น แต่เจ้าอ๋องให้พระชายากลับไป เพราะตอนนี้แม่นมสี่มีใบหน้าที่ซีดเผือด ไม่มีแม้แต่เลือดเลย ราวกับคนตายก็ไม่ปาน ตอนนี้สวีอีได้ออกไปเตรียมม้ารอแล้ว ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก พระชายา หากแม่นมสี่ตายแล้วจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ ?” พูดไปน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ : “อย่าร้องไห้เลย พวกเรารีบกลับกันเถอะ”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังเดินออกไป ด้านฉางกงกงที่กำลังเดินมาถึงพอดี เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มทันทีที่ได้เห็นหยวนชิงหลิง : “พระชายา ตอนนี้ไท่ซ่างหวงพวกเขาดื่มกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าสามารถไปเข้าเฝ้าได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงพยายามสะกดความกังวลใจเอาไว้ แล้วจับมือของฉางกงกงพร้อมกับพูดอย่างร้อนรน : “ข้าไม่สามารถไปถวายพระพรได้แล้ว มีเรื่องเกิดขึ้นในจวน รบกวนฉางกงกงกลับไปแจ้งกับโสวฝู่ฉู่ด้วยว่าแม่นมสี่ฆ่าตัวตาย ถ้าหากเขาอยากทราบรายละเอียดให้โสวฝู่ฉู่ไถ่ถามจากเต๋อเฟย”
เมื่อพูดจบนางก็พาอะซี่และหยวนหย่งอี้เดินจากไปทันที
ฉางกงกงถึงกับสติล่องลอยอยู่กับที่!
เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?แม่นมสี่ฆ่าตัวตาย?สวรรค์ เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
เต๋อเฟยจึงเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม: “กงกง ข้าจะไปที่พระตำหนักฉินคุนกับเจ้า เพื่อบอกเรื่องราวให้กับไท่ซ่างหวงและโสวฝู่ฉู่ได้เข้าใจ”
ฉางกงกงยังคงสติล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม่นมสี่และเขาล้วนเข้ามาอยู่ข้างกายไท่ซ่างหวงในตอนวัยหนุ่มทั้งคู่ ความสัมพันธ์หลายสิบปีมานี้ เมื่อได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้หัวใจของเขาราวกับบินหายไปจากตัวเขาเลยทีเดียว จิตใจล่องลอย สมองว่างเปล่า
ยังดีที่เต๋อเฟยมีสติจึงสั่งให้คนเข้าไปประคองฉางกงกงเดินไป
ฉางกงกงที่กลับมาถึงพระตำหนักฉินคุน ถึงจะเรียกสติกลับมาได้อีกครั้งก่อนที่น้ำตาของวัยชราจะหลั่งไหลออกมา
แต่เมื่อคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันดีของไท่ซ่างหวง เขาที่อยู่ด้านนอกพระตำหนักก็ปาดน้ำตาทิ้ง แล้วสะกดความเจ็บปวดในใจเอาไว้แล้วนำเต๋อเฟยเข้าไปด้านใน
คนแก่สามคนที่อยู่ด้านในดื่มสุราจนเริ่มเมา เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่หยวนชิงหลิงแต่กลับเป็นเต๋อเฟย ต่างพากันประหลาดใจไปชั่วขณะ
เพราะหากไม่ได้มีคำเชิญนางสนมจะไม่สามารถเข้ามายังพระตำหนักได้ตามอำเภอใจ
ดังนั้นทันทีที่เต๋อเฟยถวายความเคารพเสร็จ ไท่ซ่างหวงก็กล่าวถามทันที : “มีธุระอันใด?”
ฉางกงกงที่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป “ไท่ซ่างหวง เมื่อสักครู่นี้ข้าน้อยไปยังวังเต๋อซ่าง พระชายากำลังออกมาพอดี ……”
ฉางกงกงยังไม่ทันได้กล่าวจบ ไท่ซ่างหวงก็ลุกขึ้นยืนโดยทันที ดวงตาทั้งสองราวกับจะถลนออกมา พร้อมถามด้วยความตกใจ : “เกิดเรื่องกับนางหรือ?”
ฉางกงกงรีบส่ายหน้าอย่างทันควัน “ไม่ ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ พระชายาปกติดี”
โสวฝู่ฉู่จึงกล่าว : “ไท่ซ่างหวงเจ้าอย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่น ฟังฉางกงกงพูดก่อนเถอะ”
แต่ฉางกงกงกลับพูดไม่ออก
เต๋อเฟยที่เห็นดังนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมแจงเรื่องราว : “ไท่ซ่างหวง มีคนจากจวนอ๋องฉู่มาแจ้งข่าวว่าแม่นมสี่ฆ่าตัวตาย จึงมาเรียกตัวพระชายาให้กลับทันที”
โสวฝู่ฉู่ลุกพรวดขึ้นมา เขาทำตาโตจนลูกตาทั้งสองแทบจะหลุดออกมา พร้อมกับถามด้วยเสียงแหบแห้ง : “เต๋อเฟยเจ้าพูดว่าอย่างไร?แม่นมสี่ฆ่าตัวตายงั้นหรือ?ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?เหตุใดถึงต้องฆ่าตัวตาย?นางเป็นอะไรไปกันแน่?เป็นเพราะอยู่ที่จวนอ๋องได้รับความทุกข์ใจใช่หรือไม่?”
เซียวเหยากงจึงรีบห้ามปรามทันที: “โสวฝู่ฉู่เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังเต๋อเฟยพูดก่อนเถอะ”
การถือตนของโสวฝู่ฉู่หลายปีมานี้ วันนี้กลับพังทลายลงไป เพราะตอนนี้เขาแทบจะบ้าคลั่งอยู่แล้ว “เต๋อเฟย เจ้าพูดสิ เจ้ารีบพูดเร็วเข้า !”
เต๋อเฟยหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามกล่าวประเด็นสำคัญ “ช่วงนี้ด้านนอกมีการปล่อยข่าวลือเรื่องของแม่นมสี่และโสวฝู่ฉู่ ว่าตอนนั้นแม่นมสี่ไร้ยางอาย ใช้ฐานะของนางข้าหลวงข้างกายไท่ซ่างหวงในการหว่านเสน่ห์ใส่โสวฝู่ฉู่ แต่กลับถูกโสวฝู่ฉู่รังเกียจ จนนางต้องฆ่าตัวตายเพื่อบีบบังคับ แต่สุดท้ายกลับถูกไท่ซ่างหวงประณามว่านางได้มีการล่วงประเวณีกับฟางหยู่ จนทำให้ฟางหยู่ถูกไท่ซ่างหวงประหารชีวิต แม่นมสี่รับไม่ได้กับข่าวลือสกปรกเช่นนี้จนหาทางออกไม่ได้ วันนี้พระชายาเข้าวัง จึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”
โสวฝู่ฉู่รีบเดินหายออกไปจากพระตำหนักฉินคุนทันที
ไท่ซ่างหวงเกิดความโกรธเคืองขึ้นทันที “ฟางหยู่?ด้านนอกว่านางและฟางหยู่ล่วงประเวณีงั้นหรือ?แล้วยังบอกอีกว่าฟางหยู่ถูกลงโทษจนตายอีก?”
เต๋อเฟยที่ตื่นตระหนกจึงทำได้เพียงตอบตามที่นางได้รู้เท่านั้น : “นี่เป็นคำบอกเล่าจากพระชายาเพคะ พระชายาสั่งคนให้ไปแอบฟัง ซึ่งคนด้านนอกล้วนพูดกันเช่นนี้เพค่ะ”
“เซียวเหยา” ไท่ซ่างหวงตะเบ็งเสียงคำรามออกมา ตอนนี้เขาโกรธจนเส้นเลือดนูนขึ้นมา “เร่งออกไปตรวจสอบ ดูสิว่าผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าวลือนี้ออกไป ข้าจะไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ แน่”
เซียวเหยากงรับคำสั่งแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
บังอาจมาระรานถึงฮู่กั๋วกง ตอนนั้นฮู่กั๋วกงคือราชองครักษ์ข้างกายไท่ซ่างหวง เขามีความรับผิดชอบและพยายามอย่างเต็มที่ ทั้งในตอนนั้นที่ไท่ซ่างหวงออกไปทำอะไรด้วยตัวเอง ฟางหยู่ก็จะเป็นคนที่ตามหน้าเขาไปด้วยตลอด ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นพวกเขาทั้งสี่คนล้วนปีนขึ้นมาจากหลุมคนตาย แต่วันนี้กลับมีคนบังอาจมาระรานถึงชื่อเสียงของฮู่กั๋วกง พวกเขาคิดว่ามีชีวิตอมตะหรือไร?
สามยักษ์ใหญ่แห่งเป่ยถัง กำลังเดือดดาลด้วยความโกรธ!
ทางด้านโสวฝู่ฉู่ควบม้ามุ่งตรงไปยังจวนอ๋องฉู่
หยวนชิงหลิงที่กำลังเดินลงจากรถท้า ทางโสวฝู่ฉู่ก็เดินทางมาถึงแล้ว
ในตอนที่เดินทางกลับมาหยวนชิงหลิงได้ร้องไห้ไปแล้ว ในใจของนางทั้งโกรธเคืองและเจ็บปวด ราวกับว่าดวงใจของนางกำลังถูกนำไปต้มบนกองไฟ
ระยะเวลาที่ผ่านมานี้นางคุ้นชินกับการมีแม่นมสี่คอยอยู่ข้างกาย ถ้าหากแม่นมไม่อยู่แล้วจริงๆ นางคงจะต้องตรมใจเป็นแน่
ดังนั้นทันทีที่นางลงจากรถม้าแล้วเห็นโสวฝู่ฉู่ นางก็รีบเดินเข้าไปขวางทางเขาไว้ทันทีแล้วต่อว่าด้วยความโกรธ : “ใต้เท้าฉู่ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีอำนาจมากเพียงใด ข้าไม่สนหรอกว่าตระกูลฉู่ของพวกเจ้าจะยโสโอหังเพียงไหน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับแม่นมสี่ ข้าจะระเบิดตระกูลฉู่ของพวกเจ้าทิ้งเสีย อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว !”
โสวฝู่ฉู่ที่กำลังกระวนกระวายใจ ตอนนี้กลับถูกหยวนชิงหลิงขวางทางเอาไว้แล้วยังกล่าวโทษเขาอีก จึงทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก
“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร?เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉู่?เจ้าหลบไป อย่าได้มาขวางทางข้า”
“จะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร?” หยวนชิงหลิงโกรธจนตัวสั่น “เรื่องนี้เป็นฝีมือของคนตระกูลฉู่ที่ปล่อยข่าวลือออกมา ฮูหยินใหญ่ฉู่เคยเรียกพบแม่นมสี่เป็นการส่วนตัว ……”
หยวนชิงหลิงหยุดพูด ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปด้านใน นางต้องโมโหจนขาดสติไปแล้วถึงได้มาเสียเวลาพูดเรื่องพวกนี้กับโสวฝู่ฉู่ตรงนี้ ทั้งที่ด้านในยังมีหนึ่งชีวิตที่รอนางอยู่
หยวนหย่งอี้เห็นนางเดินอย่างรวดเร็วด้วยความทุลักทุเล ราวกับว่าจะสะดุดล้ม จึงรีบเข้าไปดึงตัวนางเอาไว้ “พระชายาฉู่ เจ้าเดินช้าหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะสะดุดล้มเอา”
หยวนชิงหลิงเดินผ่านโถงทางเดินเข้าไปยังลานหลัง ได้ยินเสียงร้องไห้ดังทะลุออกมาจากด้านใน นางก็ตกใจถึงกับสะบัดหยวนหย่งอี้ออกไป แล้ววิ่งไปด้วยความเร็ว