บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 294
อ๋องฉีถามขึ้น “ไม่ทราบว่าท่านตาไปได้ยินข่าวลืออะไรมา? ไม่ว่ายังไง คนข้างนอกจะพูดยังก็ช่างเขาเถอะ ปากอยู่บนร่างกายคนอื่น อย่าไปสนเลยว่าคนอื่นจะพูดยังไง? ตระกูลฉู่ก็ไม่ถึงกับเป็นคนที่ยโสโอหัง”
เขาคิดว่า คนข้างนอกพูดว่าคนตระกูลฉู่ยโสโอหัง คำพูดนี้ก็พูดมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาพูดตอนนี้เสียหน่อย เกรงว่าท่านปู่คงเพิ่งจะได้ยินวันนี้กระมัง?
ตระกูลฉู่ อันที่จริงถือว่ายโสโอหังจริงๆ คนข้างนอกส่วนใหญ่เมื่อได้ยินชื่อตระกูลฉู่ต่างสะดุ้งกันไปสามที?
โสวฝู่ฉู่ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของอ๋องฉี ยังคงมองไปที่ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ “ฮูหยินใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้างนอกเขาพูดอะไรกัน?”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ถูกขันชื่อ ก็ไม่ได้กลัว เพียงแต่ยิ้มกล่าว ท่านพ่อ “แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยสนใจเรื่องข่าวลือข้างนอกอยู่แล้ว”
“ใช่สิ” แววตาของโสวฝู่ฉู่คมดั่งมีด กล่าวอย่างเฉียบขาด “เมื่อก่อนเจ้าไม่สนใจ หากเจ้าสนใจ ก็ต้องรู้ว่าข่าวลือนั้นเหมือนศรพิษ สามารถฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ไม่กล้าสบตาของเขา ก้มหน้าลง “เจ้าค่ะ!”
คนที่อยู่ในนี้ส่วนใหญ่รู้ความหมายของโสวฝู่ฉู่แล้ว
เพราะข่าวลือครั้งนี้ มันรุนแรงเกินไป ในเวลาไม่เกินสามวัน ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง ซอยเล็กซอยใหญ่ ถึงขนาดในจวนแต่ละหลังยังคุยกันถึงเรื่องนี้
ก็โทษใครไม่ได้ พระเอกในข่าวลือกลับเป็นโสวฝู่ฉู่ในตอนนี้ คนที่น่าเกรงขามที่สามารถบีบฮ่องเต้ได้อย่างน่าเกรงขาม
และอีกคนหนึ่ง ก็คือคนที่ดูแลปรนนิบัติไท่ซ่างหวงมาค่อนชีวิตอย่างแม่นมสี่ ติดตามไท่ซ่างหวงมาค่อนชีวิต ต้องได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและความโปรดปรานแค่ไหน
เรื่องนี้จึงได้กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนให้สนใจเป็นธรรมดา
ใบหน้าของฮูหยินโสวฝู่ฉู่กระตุกไปหนึ่งที ก้มหน้าลง
นางเคยเตือนแล้ว ไม่ว่าเรื่องใหญ่โตแค่ไหน นายท่านก็สามารถอภัยได้
แต่สิ่งเดียวที่แตะต้องไม่ได้ก็คือสามคำนั้น มันเป็นจุดอ่อนของเขา ถึงขนาดไม่นับญาติกันเลย
นางเคยตักเตือนแล้ว ใครก็ห้ามไปล่วงเกินคนผู้นั้น
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าคำว่ายโสโอหังสี่คำนี้ พูดได้ถูกต้องนัก
ในสายตาของพวกเขา มองไม่เห็นคนอื่นเลย
โสวฝู่ฉู่ค่อยๆถามขึ้น “พวกเจ้ารู้ว่าฟางหยู่คือใครมั้ย?”
สายตาของเขา ยังคงจับจ้องอยู่ที่ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่
พูดเรื่องนี้จริงๆด้วย
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ส่ายหัว “ไม่ทราบ”
คนส่วนใหญ่ต่างบอกว่าไม่ทราบ
แต่ว่า อันที่จริงคนส่วนใหญ่ต่างก็รู้ ฟางหยู่คนนี้ ก็คือคนที่มีความสัมพันธ์กับแม่นมสี่ในข่าวลือสุดท้ายถูกไท่ซ่างหวงสั่งประหารชีวิต
ฮูหยินรองตระกูลฉู่ได้ยินข่าวลือที่ลือกันข้างนอก เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนพูดว่าไม่ทราบ นางจึงกล่าวขึ้น “ท่านพ่อ ฟางหยู่คนนี้ ข้ารู้จัก ได้ยินมาว่าตอนนั้นเพราะเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงในวังหลัง มีความสัมพันธ์กับแม่นมสี่ ถูกไท่ซ่างหวงสั่งประหารชีวิต”
สายตาที่เย็นเยือกของโสวฝู่ฉู่ มาหยุดอยู่บนหน้าของฮูหยินรองตระกูลฉู่ ทำให้ฮูหยินรองตระกูลฉู่สะดุ้งตกใจจึงรีบโบกมือขึ้น “ข้าเพียงแต่ได้ยินคนข้างนอกเขาลือกัน ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
มันเป็นบรรยากาศที่ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่นั้นไม่ชอบเอาเสียเลย คิดในใจท่านพ่อไม่น่าจะเข้าข้างแม่นมสี่ต่อหน้าทุกคนแบบนี้ แล้วกล่าว ท่านพ่อ “สิ่งที่ฮูหยินรองพูดนั้น ข้าก็เคยได้ยิน ฟางหยู่คนนี้สมควรตายจริงๆ กล้าที่จะยุ่งกับหัวหน้านางกำนัลคนข้างกายของไท่ซ่างหวง มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงในวังหลัง สมควรตายแล้ว”
เรื่องแบบนี้ มีอะไรน่าพิสูจน์? คนก็ตายไปตั้งหลายปีแล้ว อีกอย่าง เรื่องในตอนนั้น ใครยังอยากจะไปตามสืบอีก? องครักษ์รักษาพระองค์คนนั้นก็ถูกประหารไปแล้ว คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ก็เพราะทำให้ไท่ซ่างหวงโกรธ ถึงได้ถูกประหารชีวิต
คนหนึ่งถูกไท่ซ่างหวงประหารชีวิต คนหนึ่งก็เป็นแค่แม่นมที่เคยปรนนิบัติอยู่ในวังเท่านั้น ไม่คุ้มค่าให้คนส่วนใหญ่ต้องมาวุ่นวายมั้ง
แววตาของโสวฝู่ฉู่เต็มไปด้วยความโกรธที่น่ากลัว เพียงแต่เสียงของเขากลับนิ่งเหมือนสายน้ำ “ฟางหยู่ อายุสิบหกปีก็เป็นผู้ติดตามของไท่ซ่างหวง หลังจากที่ไท่ซ่างหวงขึ้นครองราชย์ เขาก็ถูกแต่งตั้งเป็นองครักษ์รักษาพระองค์ ตั้งแต่รับตำแหน่ง เขาก็จงรักภักดี ครั้งที่ไท่ซ่างหวงออกสู้รบด้วยพระองค์เอง เขาก็ตามไปด้วย ศึกโศกครั้งนั้น ข้าและเซียวเหยากง และเขา ได้ร่วมมือกันช่วยไท่ซ่างหวงออกมาจากกองศพ ตามหากองกำลังหลักจนเจอ สุดท้าย ศึกต่อสู้ครั้งนั้น พวกเราที่แพ้พลิกกลับมาชนะได้ วันที่ชนะ ก็คือยี่สิบแปดปีที่แล้วของเมื่อวาน”
คนในตระกูลฉู่ น้อยมากที่จะได้ยินโสวฝู่ฉู่พูดถึงเรื่องในปีนั้น
โสวฝู่ฉู่อยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยืดเยื้อ ไม่พูดซ้ำซาก คำสั่งนั้นเรียบง่ายและชัดเจน และเขาจะไม่นำเหตุการณ์ในอดีตมาเล่าต่อหน้าภรรยาและลูกหลานของเขา
คนในตระกูลฉู่รู้ว่าเขาเคยผ่านการสู้รบ รู้ว่าเขาหนีออกมาจากความตาย รู้ว่าเขาได้ทำคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้กับเป่ยถัง แต่ว่า รายละเอียดนั้น ไม่มีใครรู้เลย
วันนี้ได้ยินเขาพูดถึงศึกครั้งนั้น ทุกคนล้วนกลั้นหายใจ รอให้เขาเล่าต่อไป เพราะว่า ฟางหยู่เคยคุ้มกันไท่ซ่างหวง ช่วยชีวิตไท่ซ่างหวง สุดท้ายไท่ซ่างหวงก็ประหารเขา ดูก็รู้ว่าโทษที่เขาทำผิดนั้นต้องร้ายแรงอย่างมาก
โสวฝู่ฉู่เล่าต่อ ปีที่ฟางหยู่เสียสละเพื่อบ้านเมือง อายุยี่สิบหกปี อายุน้อยกว่าพวกเจ้าที่นั่งอยู่ตรงนี้ ตอนนั้นไท่ซ่างหวงเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ไม่นาน มีครั้งหนึ่งที่ทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไท่ซ่างหวงออกมาสังเกตการณ์ล่วงหน้าสองวัน ฟางหยู่ที่เป็นองครักษ์รักษาพระองค์ก็ตามเสด็จด้วย ไม่มีใครรู้ เรื่องที่ไท่ซ่างหวงเสด็จไปท่องเที่ยว ถูกกบฏอย่างองค์ชายสิบสามรู้เข้า ส่งคนไปลอบสังหาร เพื่อปกป้องชีวิตของไท่ซ่างหวง เขาได้เสียสละตัวเอง หลังจากที่เสียสละตัวเองแล้ว ไท่ซ่างหวงก็แต่งตั้งเขาเป็นฮู่กั๋วกง เขานั้นเป็นฮู่กั๋วกงคนแรกของราชสำนัก
ทุกคนล้วนตกตะลึงกันไปหมด
ฟางหยู่ก็คือฮู่กั๋วกง? ไม่ใช่มั้ง? ไม่ใช่ลือกันว่าคนแซ่ฟางคนหนึ่งที่เป็นองครักษ์รักษาพระองค์เพราะว่ามั่วสุมกับสตรีในวังหลังจึงถูกประหารชีวิตหรอกเหรอ?
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ก็กังวลเล็กน้อย รีบกล่าวขึ้น “ใช่เหรอ? ที่แท้เขาก็ฮู่กั๋วกง ทำไมภายนอกจึงได้ร่ำลือเช่นนั้นล่ะ? เห็นได้ชัดว่ามันไร้สาระ ท่านพ่ออย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
โสวฝู่ฉู่ในที่สุดก็ยกแก้วชาที่วางไว้ด้านข้างขึ้นมา เงยหน้าขึ้น แววตาเหมือนดั่งฟ้าแลบ กะพริบหนึ่งที หนาวเย็นหนึ่งครั้ง แก้วในมือก็ถูกเขวี้ยงปาออกไป
แก้วถูกปาไปที่ร่างของฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่
“ท่านปู่!”
“ท่านพ่อ!”
หลังจากที่ทุกคนหายตกใจแล้ว ก็รีบคุกเข่าไปข้างหน้า “ท่านเป็นอะไร?”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่หน้าชา ดูแย่มาก แก้วถูกปามาที่ไหปลาร้าของนาง และน้ำชาก็ไหลออกมา ไหลลงมาทางหน้าอก รู้สึกชื้นและเย็นเยือก
นางจ้องมองโสวฝู่ฉู่ น้ำเสียงคับข้องใจและโกรธเคือง “ท่านพ่อ ข้าทำผิดอะไร ท่านพูดมาโดยตรง หรือฆ่าข้าก็ได้ ข้าไม่มีทางที่จะบ่นสักคำ แต่ว่า ท่านต้องพูดให้เข้าใจว่าเพราะอะไร”
ความโกรธที่อยู่ในแววตาของโสวฝู่ฉู่ก็ปะทุออกมาทันที กล่าวอย่างเฉียบขาด “เพราะว่าข่าวลือข้างนอก เจ้าเป็นคนที่สั่งให้ไปปล่อย เจ้าเป็นคนสั่งให้คนไปสร้างข่าวลือ เจ้าไม่เพียงแต่เหยียบหยามแม่นมสี่ ยังหยาบฮู่กั๋วกงที่เคยช่วยชีวิตฮ่องเต้ เรื่องนี้ ไท่ซ่างหวงทราบเรื่องแล้ว สั่งลงโทษให้หนักเหมือนที่เจ้าพูดเมื่อกี้ ฆ่าเจ้า เจ้าก็จะไม่บ่น เจ้าไม่สามารถบ่นจริงๆด้วย หากเจ้าไม่ตาย คนในตระกูลฉู่ก็จะไม่รอดแม้แต่คนเดียว”
แววตาของฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ จึงมีความกังวลขึ้นมา เพียงแต่ว่า ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่นั้น เคยผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เคยผ่านร้อนผ่านหนาว เขายังคงพยายามสงบสติอารมณ์ในการแก้ต่าง “ท่านพ่อ ท่านจะว่าอะไรข้าก็ได้ทั้งนั้น แต่ไม่สามารถที่จะว่าข้าเป็นคนสร้างข่าวลือ ข้าไม่เคยทำเช่นนั้นมาก่อน ไม่ใช่ข้าเป็นคนทำ ต่อให้ตายข้าก็ไม่ยอมรับ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องยอมรับ!” โสวฝู่ฉู่แววตาเยือกเย็น มาหยุดอยู่บนใบหน้าของท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่ “ร่างหนังสือเลิกร้าง เตรียมเหล้าพิษ หลังจากที่ลงชื่อเลิกร้างแล้ว ก็ให้นางดื่มเหล้าพิษ ศพให้ส่งกลับไปที่บ้านของนาง”
ท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่กระวนกระวายทันที โขกหัวกล่าว “ท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านได้ตรวจสอบชัดเจนหรือยัง? เกรงว่าจะเป็นการเข้าใจผิด และต่อให้นางเป็นคนทำ ก็ไม่น่าจะมีโทษถึงตาย”
“นางไม่ตาย เจ้าตาย” โสวฝู่ฉู่มองเขา “เจ้าไปทูลไท่ซ่างหวงว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ เจ้าจะรับโทษแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่า ก่อนที่เจ้าจะตาย ข้ายังคงต้องตัดชื่อเจ้าออกจากตระกูลฉู่ ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกของเรา”