บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 295
เขากับภรรยาเคารพซึ่งกันและกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยินดีตายแทนภรรยา
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่โกรธอย่างมาก กล่าวด้วยเสียงสูง “ข้าไม่เชื่อว่าไท่ซ่างหวงต้องการชีวิตของข้า ฮู่กั๋วกงก็ตายไปหลายปีแล้ว ต่อให้ข้าจะสร้างข่าวลือ ข้าสามารถที่จะไปขอโทษญาติที่เหลืออยู่ของเขา ไท่ซ่างหวงไม่มีทางจะเอาชีวิตของข้า เป็นท่านพ่อเองที่ต้องการจะปกป้องแม่นมสี่ ท่านเพื่อนางแล้ว ถึงกับจะฆ่าญาติของตัวเอง ที่เสียงท่านแม่หายไป ก็เป็นเพราะท่าน เป็นเพราะท่านต้องการปกป้องนางแพศยาคนนั้น ท่านทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกผิดต่อท่านแม่เหรอ? นางดูแลเรื่องในบ้านอย่างดี มีลูกสืบสกุล ท่านไม่รู้สึกละอายใจต่อนางเลยเหรอ”
ฝ่ามือได้ถูกตบไปที่ใบหน้าของนาง
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่มองไปทางด้านขวาอย่างตกตะลึง คนที่ตบนางกลับเป็นแม่สามี
นางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ กล้ามเนื้อบนใบหน้ากำลังกระตุก แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ลูบแก้มของตัวเอง น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตา “ท่านแม่? ทำไม? ข้าพูดแทนท่าน ท่านทำไมต้องตบข้าด้วย? ท่านทำไมต้องกลัวเขาขนาดนั้น? ท่านไม่อึดอัดเหรอ? หลายปีมานี้ มีชีวิตอยู่ในเงาของผู้หญิงอีกคน ท่านไม่คับข้องใจเหรอ? หรือว่าเขาก็กล้าที่จะฆ่าท่านด้วย?”
แววตาของฮูหยินโสวฝู่ฉู่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด คับข้องใจเหรอ? นางเต็มใจ
นางเคยเต็มใจ
พ่อของนาง ก่อนที่จะมีโทษทัณฑ์ติดตัว เป็นอวี้สื่อของราชสำนัก เชื่อคำพูดของคนชั้นต่ำ ล่วงเกินฮ่องเต้ ถึงขนาดดูหมิ่นฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงเกรี้ยวมาก สั่งให้ประหารเก้าชั่วโคตร
หากไม่ใช่เพราะเขาไปขัดขวาง แล้วขอร้องฮ่องเต้ คนในตระกูลทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบสองชีวิต ก็คงถูกประหารไปหมด
สุดท้าย ประหารเพียงพ่อของเขาคนเดียว แม่พี่น้องและญาติๆต่างก็มีชีวิตรอด
เพื่อตอบแทนบุญคุณ นางยอมที่จะแต่งงานเป็นภรรยาของเขา รู้ว่าเขานั้นชอบแม่นมสี่ แต่ เขาไม่ได้ต้องการอะไร เพียงแค่ต้องการตอบแทนบุญคุณ
เริ่มแรก นางนั้นไม่บ่นแม้แต่คำเดียวจริงๆ นางเต็มใจตอบแทนบุญคุณ แต่เวลาที่นานเข้า นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อีกอย่างแม่สามีที่ต้องการให้ตระกูลฉู่แตกกิ่งก้านสาขา ก็แต่งอนุให้เข้าบ้านอย่างต่อเนื่อง เขาก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธ ไม่ว่าอนุกี่คน เขาก็รับเอาไว้ทั้งหมด ทำให้นางเริ่มรู้สึกโกรธและเกลียด
ระยะหลัง ความโดดเดี่ยวเดียวดาย ความข้องใจนี้ ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
เพราะชั่วชีวิตนี้ของนางไม่เคยได้รับความรักจากสามี
นางอดไม่ได้ที่จะบ่นลับหลัง
ยาใบ้ถ้วยนั้น ทำให้นางได้สติอย่างจริงจัง ยอมรับโชคชะตา
ตอนแรกที่นางแต่งกับเขา จุดประสงค์คือตอบแทนบุญคุณ เคยพูดว่าต่อให้เป็นวัวเป็นม้าก็เต็มใจ หลายปีมานี้ เขาไม่เคยไม่ดีต่อนาง นอกจากไม่รัก ความเป็นอยู่ทุกอย่างล้วนได้สิ่งที่ดีที่สุด
นางโลภมากไปแล้ว
ครั้งนี้ฉู่หมิงชุ่ยกับฉู่หมิงหยางก็ไม่เถียงกันแล้ว คุกเข่าโขกหัวพร้อมกัน ขอร้องแทนฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ยังคงรู้สึกว่าไม่มีคนรู้ความผิดของนาง รู้สึกเป็นไปไม่ได้ว่านางจะต้องตายเพราะเรื่องนี้
นางคิดถึงความกตัญญูที่มีต่อพ่อสามีในหลายปีนี้ กลับไม่สามารถเทียบได้กับนางคนชั้นต่ำ ก็รู้สึกผิดหวังทันที กล่าวอย่างโกรธเคือง “ท่านพ่อทำไมท่านไม่ถามว่าข้าทำเช่นนี้เพราะอะไร? คำพูดท่านพ่อเพียงคำเดียว ก็ทำลายการแต่งงานของหยางเอ๋อ นางอยากแต่งกับอ๋องฉู่ ทำไมท่านถึงไม่อนุญาต? ท่านเพียงแค่พูดถึงสาเหตุ ข้าก็จะพอใจแล้ว แต่ท่านเป็นเพราะแม่นมสี่คนนั้นจึงไม่เห็นด้วย และใช้ความรุนแรงในการแยกอ๋องฉู่กับหยางเอ๋อ ให้นางแต่งกับอ๋องจี้ เดิมข้านึกว่าท่านนั้นชื่นชมอ๋องจี้ แต่ท่านก็ไม่ได้ชื่นชมอ๋องจี้เลย? ท่านแค่หาคู่ครองให้กับหยางเอ๋ออย่างส่งเดช นั่นมันคือเลือดเนื้อที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือน ข้าที่เป็นแม่จะไม่ปวดใจเหรอ? ข้าไปหาแม่นมสี่คนนั้น พูดขอร้องนางอย่างดี ให้เงินทองกับนาง ขอเพียงนางช่วยพูดกับท่าน แต่นางไม่ยินยอม หากไม่ถูกบีบบังคับ ข้าก็คงไม่ทำเช่นนี้ ความผิดของข้าพอที่จะอภัยได้ ท่านพ่อสั่งการอย่างเผด็จการ ไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนนั้นยอมทั้งกายทั้งใจ
โสวฝู่ฉู่กลับหัวเราะขึ้นมา “จับนางกับอ๋องฉู่แยกกัน? หน้าเจ้าใหญ่ค้ำฟ้าเหรอ? อ๋องฉู่ชอบนาง?”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ยังคงพูดต่อเนื่อง “จะชอบ หรือไม่ชอบ ก็อยู่ที่คำพูดเพียงคำเดียวของท่านไม่ใช่รึ? ท่านพูดเพียงคำเดียว ฮ่องเต้ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลย”
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” ท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่โกรธจนสั่นไปทั้งตัว หันไปตบหน้านาง “เจ้าต้องการทำให้คนของตระกูลตายทั้งหมดหรือไง?”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “ข้าพูดผิดหรือไง? ทั้งเป่ยถัง มีเพียงแต่โสวฝู่ฉู่ที่ไม่รู้ว่ามีฮ่องเต้ ก็แค่เรื่องการแต่งงานที่ง่ายๆของหยางเอ๋อ อย่าบอกว่าเป็นชายารองเลย ต่อให้เป็นพระชายา ก็เป็นเพียงคำพูดเดียวของท่านเท่านั้น”
ไม่ว่าสีหน้าของโสวฝู่ฉู่จะมืดมนหดหู่แค่ไหน อ๋องฉีก็ไม่อยากฟังแล้ว กล่าวอย่างเย็นชา “ท่านแม่ยาย ก่อนที่ท่านจะพูด ควรที่จะตรึกตรองก่อน คำพูดนี้หากถึงหูของฮ่องเต้ ต่อให้ท่านตาไม่ฆ่าท่าน ท่านก็ยากที่จะหนีรอดไปได้”
ฉู่หมิงชุ่ยลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ดึงตัวเขาไปด้านข้าง กล่าวอย่างโมโห “ท่านไม่ช่วยพูดก็ช่าง ยังมาเติมเชื้อไฟอีก ท่านกลับไปเถอะ”
อ๋องฉีมองนาง เพียงรู้สึกว่าใบหน้าที่งดงามนี้ช่างห่างเหินนัก เขากล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “ดูแล้ว เจ้าก็คิดว่าสิ่งที่ท่านแม่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง? ราชวงศ์นั้นเทียบตระกูลฉู่ไม่ได้เลยเหรอ? แล้วทำไมเจ้าต้องแต่งงานกับข้า? ไม่สู้หาสามีที่สามารถแต่งเข้าบ้านตระกูลฉู่สักคนหนึ่ง ไม่แน่ สามีของเจ้าอาจจะได้เป็นราชบุตรเขย!”
ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวอย่างโมโห “ท่านกำลังเพิ่มความวุ่นวายใช่มั้ย? อย่าพูดอีกได้มั้ย?”
อ๋องฉีมองทุกคนที่อยู่ในห้องโถง ไม่มีใครตำหนิฉู่หมิงชุ่ยแม้แต่คำเดียว เขารู้สึกผิดหวังทันที แล้วมองไปที่ตัวอักษรยโสโอหังสี่คำนี้ แล้วกล่าว “ใช่แล้ว ตระกูลฉู่เหมาะสมกับสี่คำนี้”
พูดจบ เขาก็หันกายเดินจากไป
ฉู่หมิงชุ่ยนั้นโกรธจนน้ำตาคลอเบ้า ลำบากใจอย่างมาก และผิดหวังในตัวเขา
ฉู่หมิงชุ่ยมองเขาที่มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น เพียงแต่ ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ นางไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
คำพูดของอ๋องฉี ทำให้ทุกคนนั้นโกรธมาก
ท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่มองใบหน้าที่หดหู่ของผู้เป็นพ่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ท่านพ่อ คำพูดเขา ท่านไม่ต้องไปฟัง”
โสวฝู่ฉู่มองเขา กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไปเขียนหนังสือเลิกร้าง”
“ท่านพ่อ!” ท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่กล่าวอย่างเศร้าใจ “ท่านให้โอกาสนางอีกครั้ง ปล่อยนางไปเถอะ”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่กล่าวอย่างเย็นชา “ท่านพี่ ไปเขียนเถอะ ข้ายอมรับชะตากรรมแล้ว”
นางไม่เชื่อ เรื่องแค่นี้ ก็จะเลิกร้างกับนาง มันก็แค่ข่มขู่นางเท่านั้น
เลิกร้างกับนาง หากข่าวถูกแพร่กระจายออกไปก็เป็นตระกูลฉู่ที่ขายหน้า ท่านพ่อสามีนั้นรักหน้าตาตัวเองเป็นที่สุด
ท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่มองดูฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ?”
“เขียนเถอะ” ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่หัวเราะเยาะ “หากเรื่องที่ทำผิดในวันนี้ ต้องเลิกร้างให้ได้ ข้าก็จะไม่ทำให้คนอื่นลำบากใจ”
ท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่มองโสวฝู่ฉู่ แล้วถอนหายใจ หันกายเดินจากไป
ข้ารับใช้ได้ยกชาแก้วใหม่มาวาง ความโกรธบนใบหน้าของโสวฝู่ฉู่ยังคงไม่ลดลง หลังจากฟังคำพูดที่อ๋องฉีพูดไปเมื่อกี้ แววตาของขาก็มีความเฉียบขาดและใจเย็น
ไม่โมโห ไม่โกรธ
เขายกชาขึ้น ค่อยๆดื่มมันลงไป
หลอดลมที่ร้อนดั่งไฟ บัดนี้ดื่มชาร้อนลงไป กลับรู้สึกสบายมากขึ้น
ทุกคนไม่มีใครกล้าพูด ห้องโถงที่กว้างใหญ่ มีเพียงเสียงของลมหายใจ
ฮูหยินโสวฝู่ฉู่ได้กลับไปนั่งประจำที่แล้ว สีหน้าของนางสงบลงมาแล้ว
หลังจากท่านชายใหญ่ตระกูลฉู่ออกไปแล้ว ก่อนเขียนหนังสือเลิกร้าง ก็สั่งคนไปสำนักนางชีเยว่เหมยเชิญฮูหยินย่ากลับมา
เขารู้ว่า ท่านพ่อไม่เพียงแต่จะให้เขาเลิกร้างกับนาง ท่านยังจะฆ่าภรรยาของเขาด้วย
เขานั้นรู้นิสัยของท่านพ่อดี ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่พูด หากพูดแล้ว คำพูดก็หนักแน่นยิ่งกว่าขุนเขา
ยี่สิบกว่าปีของการแต่งงาน แม้นางจะเลอะเลือน แต่โทษก็ไม่ถึงตาย
บัดนี้มีเพียงท่านย่าที่จะเปลี่ยนความคิดของท่านพ่อได้