บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 297
โสวฝู่ฉู่กล่าวกับพ่อบ้านด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “พยุงคุณหนูรองกลับไปที่ห้อง แล้วจับตาดูให้ดี”
ฉู่หมิงหยางร้องไห้กล่าว “ไม่ หลานไม่กลับไป หลานขอร้องท่านแล้ว ปล่อยท่านแม่เถอะ”
โสวฝู่ฉู่มองนาง “ได้ยินมาว่า เจ้าพูดกับแม่ของเจ้าว่าข้าฟังแต่คำพูดของแม่นมสี่คนเดียว เจ้าก็ไปตามนางมาขอร้องแทนแม่ของเจ้าสิ ขอเพียงแม่นมสี่พูดมาคำเดียว ว่าแม่ของเจ้าไม่ควรตาย ข้าก็จะไม่ฆ่านาง”
ฉู่หมิงหยางสั่นไปทั้งตัว “ไม่ ไม่ ข้าไม่ไปขอร้องขี้ข้าคนนั้น ข้าไม่ไป”
ฉู่หมิงชุ่ยลุกขึ้นมาทันที “ท่านปู่ ท่านพูดจริงๆใช่มั้ย? งั้นก็ดี ข้าจะไป ข้าจะไปหาแม่นมสี่ ก่อนที่แม่นมสี่จะมา ท่านห้ามฆ่าท่านแม่”
“ข้าให้เวลาเจ้าสองชั่วยาม สองชั่วยาม ท่านย่าของเจ้าก็น่าจะถึงแล้ว” สายตาของโสวฝู่ฉู่มองไปโดยรอบ “กำชับลงไป ประตูห้องโถงปิดให้แน่นหนา ห้ามใครออกไปทั้งนั้น ใครออกไป ก็ให้ไล่ออกจากตระกูลฉู่ทันที ใครก็ห้ามขอร้องอีก ข้าจะนอนสักงีบ”
อยู่ภายใต้ป้ายอักษรยโสโอหัง เขาค่อยๆหลับตาลง
เขาเหนื่อยมากแล้ว
เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ
อายุขนาดนี้ เขาไม่สามารถที่จะทนทรมานกับการไม่ได้นอนทั้งคืนแล้ว
เขาโหดร้ายมั้ย? ไม่โหดร้าย เคราะห์กรรมนี้ เป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
วันนี้เขาไม่โหดร้าย อนาคตก็จะมีคนมาโหดร้ายต่อคนของตระกูลฉู่
ฉู่หมิงชุ่ยสั่งคนควบรถม้าส่งนางไปที่จวนอ๋องฉู่
นางไม่ลังเลที่จะลดฐานะ เพื่อมาขอร้องแม่นมสี่ เพราะนางรู้ว่า ท่านปู่ไม่ใช่แค่ข่มขู่พวกเขา ท่านปู่คนที่เด็ดขาด
ท่านย่าก็ถูกทำให้เป็นใบ้ด้วยวิธีนี้ ภรรยาคนแรก ยังสามารถทำได้ขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย
ท่านย่าทำอะไรผิด ก็แค่ใส่ความแม่นมสี่ไปไม่กี่ประโยค ต้องทนทุกข์กับการพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต
และข่าวลือก็ถูกลือลั่นกันสนั่นเมือง ทุกคำพูดนั้นโหดร้ายแทงใจ เขาจะปล่อยท่านแม่ได้ยังไง?
หยู่เหวินเห้าหลังจากที่อาการแม่นมพ้นขีดอันตราย ก็ได้กลับไปที่การปกครองเมืองหลวง
หยวนชิงหลิงนอนพักไปครู่หนึ่ง ตื่นมาก็รีบไปให้น้ำเกลือแม่นมสี่ แม่นมสี่ยังไม่ตื่น แต่ว่าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดนางก็วางใจได้แล้ว
หยวนหย่งอี้พยุงนางเดินออกมา กล่าว “ท่านพี่พระชายาฉู่ ท่านไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไปกินข้าวก่อนเถอะ”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวขอบคุณหยวนหย่งอี้อย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณเจ้าที่มาอยู่เป็นเพื่อนข้า”
หยวนหย่งอี้กล่าว “ข้าเต็มใจ เป็นเกียรติของข้า ขอเพียงท่านพี่พระชายาฉู่ไม่รังเกียจข้าก็พอ”
“ข้าจะรังเกียจเจ้าทำไม? พูดขอบคุณยังไม่ทันเลย” หยวนชิงหลิงยื่นมือไปนวดหว่างคิ้ว เมื่อวานไม่ค่อยได้นอน ปวดหัวมาก
อะซี่ก้าวเดินมาอย่างรวดเร็ว “พระชายา ผู้เฝ้าประตูมารายงานว่า พระชายาฉีมาที่นี่ ต้องการพบแม่นมสี่”
หยวนชิงหลิงยังไม่ได้พูดอะไร หยวนหย่งอี้ก็ขมวดคิ้วขึ้น “นางมาทำไม? มาสร้างปัญหาเพิ่มในเวลานี้เหรอ?”
อะซี่มองหยวนชิงหลิง กล่าวอย่างโกรธเคือง “พระชายา ข้าจะไปไล่นาง”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว “ไม่ต้อง ไปเชิญนางเข้ามาเถอะ”
หยวนหย่งอี้ไม่เข้าใจ “พระชายาจะพบนางทำไม? นางต้องไม่ได้มาดีแน่”
หยวนชิงหลิงแววตาหม่นหมอง “ข้าอยากรู้ว่า โสวฝู่ฉู่จะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ เป็นคนหยิ่งผยอง โดยเฉพาะ ครั้งก่อนที่เจ้าห้าปฏิเสธเขาไปตรงๆ เป็นตายไร้ดีก็ไม่มีทางที่จะมาเหยียบประตูของจวนอ๋องฉู่
แต่ว่า นางมาแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่าศักดิ์ศรีของนาง
ต้องพบสักหน่อย
นางให้อะซี่พาเขาไปที่ห้องโถง กำชับอะซี่ห้ามพูดอะไรกับนางทั้งนั้น
นางกับหยวนหย่งอี้เข้าไป กินอะไรรองท้องนิดหน่อย รู้สึกพอมีแรง จึงถามหยวนหย่งอี้ “เจ้าจะไปด้วยมั้ย?”
“ไป ข้าไปเป็นเพื่อนท่าน คนอย่างนางรับมือยาก ชอบแสดงละคร แกล้งทำตัวน่าสงสาร เกรงว่าท่านจะถูกนางหลอก” หยวนหย่งอี้กล่าว
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “ต่อให้นางคุกเข่าตรงหน้าข้า ร้องห่มร้องไห้ ข้าก็ไม่มีทางใจอ่อนกับนาง”
เรื่องของหมันเอ๋อ ได้กระตุ้นนิสัยเดิมของนาง ทำให้นางได้มีตัวตนที่แท้จริงที่เคยมีมาก่อน แต่ว่า กลับพบว่าตัวเองนั้นไม่เหมาะกับที่นี่เลย
ใจของนาง จำเป็นต้องเยือกเย็นต้องแข็งแกร่ง จึงจะสามารถต้านลมฝนข้างนอกได้
ฉู่หมิงชุ่ยรออย่างใจจดใจจ่อ เห็นหยวนชิงหลิงกับหยวนหย่งอี้เดินออกมา นางมองหยวนหย่งอี้ ตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้าทำไมถึงอยู่ที่นี่?”
“ข้ามาเยี่ยมท่านพี่พระชายาฉู่” หยวนหย่งอี้ย่อตัว ถือว่าได้เคารพตามมารยาทแล้ว
ฉู่หมิงชุยก็ขี้เกียจสนใจนาง มองหยวนชิงหลิงแล้วกล่าว “ขออภัยที่รบกวน วันนี้ที่มามีเรื่องขอความช่วยเหลือ ข้าอยากจะพบแม่นมสี่ สามารถที่จะเชิญนางออกมาหน่อยได้มั้ย?”
หยวนชิงหลิงมองนาง ค่อยๆเดินไปนั่งลง “ไม่ได้”
ฉู่หมิงชุ่ยร้อนใจแล้ว หยวนชิงหลิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าอย่าหยุดไว้ก่อนชั่วคราว แต่ว่าวันนี้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตคน หวังว่าเจ้าจะให้ข้าเจอแม่นมสี่หน่อย ก็ถือเสียว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าในครั้งนี้ อนาคตจะชดใช้ให้เจ้า”
หยวนชิงหลิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง “เกี่ยวข้องกับชีวิตคน ชีวิตของใคร?”
ฉู่หมิงชุ่ยไม่ยอมที่จะเปิดเผยเรื่องไม่ดีในบ้านให้กับคนภายนอกรู้ กล่าวเพียง “สรุปคือเรื่องมันสำคัญมาก ข้าต้องการพบแม่นมสี่ให้ได้”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้าไม่มีทางให้เจ้าพบนาง หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเย็นชา เกี่ยวข้องกับชีวิตคน? ดีเลย!”
ฉู่หมิงชุ่ยโกรธมาก “ความมีคุณธรรมจอมปลอมของเจ้า วันนี้ทำไมไม่เห็นความเห็นใจจากเจ้าแล้วล่ะ?”
“เพราะความเห็นใจของข้าถูกคนอย่างเจ้าทำลายไปแล้ว” หยวนชิงหลิงขี้เกียจพูดจาไร้สาระกับนาง “เจ้าจะพูดเหรือไม่? ไม่พูดก็ไปซัก จวนอ๋องฉู่ ไม่ต้องรับเจ้า”
ฉู่หมิงชุ่ยขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างขุ่นเคือง “หยวนชิงหลิง เจ้าอย่าลำพองใจให้มันมากนัก ที่จวนอ๋องก็ไม่ใช่ว่าคำพูดของเจ้าจะใหญ่ที่สุด หากตอนนั้นไม่ใช่เจ้าใช้กลอุบาย วันนี้คนที่เป็นนายหญิงของจวนอ๋องฉู่อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้?”
หยวนชิงหลิงมองนางอย่างเย้ยหยัน “เกี่ยวข้องกับชีวิตคน? ดูเหมือนเจ้าจะมาหึงมากกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าหญิงตอนนั้น คนอื่นพูดก็ช่างมัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูด? ทำเหมือนคนอื่นเป็นคนโง่ ความจริงของเรื่องนี้ เจ้ารู้ดี ข้ารู้ดี เจ้าห้าก็รู้ดี
ฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกอายจนโกรธ “เจ้าพูดอะไรกับเขา? เจ้ามันหน้าไม่อาย!”
สายตานางลอยไปทางหยวนหย่งอี้ หยวนหย่งอี้ที่มึนงงเหมือนไม่รู้ว่านางสองคนคุยอะไรกันอยู่
หยวนชิงหลิงมองอย่างดุร้าย “เรื่องจวนเจ้าหญิง ข้าไม่เคยคุยกับเขา ข้าอายที่จะพูดถึงมัน แต่ว่าเจ้าอย่าเห็นว่าคนอื่นเป็นคนโง่ไปหมด ถูกเจ้าควบคุมไว้อยู่ในกำมือ อย่าพูดมากอีกเลย เจ้าจะพูดหรือไม่? หากไม่พูด เชิญกลับไปได้เลย”
ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนแน่นหน้าอก นางอยากที่จะเดินเข้าไปฉีกหน้าฉีกตาหยวนชิงหลิง
แต่ว่า สถานการณ์เร่งด่วนและอันตราย และไม่มีเวลาที่จะมารื้อฟื้นความหลัง นางทนกัดฟัน กล่าว “ท่านปู่คิดว่าข่าวลือข้างนอกเป็นท่านแม่ที่สั่งคนไปปล่อย จะให้ท่านแม่ข้าดื่มเหล้าพิษ ท่านแม่ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นข้าอยากจะเชิญแม่นมสี่ไปที่จวนตระกูลฉู่ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านแม่ข้า”
ได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหยวนชิงหลิง กลับมีความรู้สึกสะใจ
นางไม่เคยคิดมาก่อน ได้ยินว่าคนจะตาย จะทำให้มีความสุขที่เจ็บปวดขนาดนี้
ที่แท้ ต้องเฉือนโดนเนื้อของตัวเองถึงจะรู้สึกเจ็บ
แม่นมเป็นคนที่นางใส่ใจ แม่นมเกิดเรื่อง ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในใจนางมีเพียงความคิดเดียว ก็คือแก้แค้นแม่นม
“อะซี่” หยวนชิงหลิงค่อยๆโล่งอก กล่าวกับอะซี่ “พาพระชายาฉีไปพบแม่นมสี่”