บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 301
หลังที่ฮูหยินย่าตื่นแล้วก็ได้ฟังราชโองการ ปากสั่นไปเป็นเวลานานมาก แววตาหวาดกลัว “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ตระกูลฉู่กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
“จวิ้นจู่” แม่นมถงคนที่ดูแลปรนนิบัตินางมาหลายปีถอนหายใจกล่าว “เกรงว่า นายท่านก็ไม่ได้ทำเกินไป ตระกูลฉู่หลายปีมานี้ ค่อนข้างที่จะทำเกินไปแล้ว”
“มันเป็นสิ่งที่พวกเราควรจะได้รับ” ฮูหยินย่ายังคงไม่ยอมรับความจริง กล่าวอย่างเจ็บปวด “พวกเราแซ่ฉู่นะ ลูกสาวของข้าแต่งเข้าไปในวังเป็นไทเฮา หลานสาวข้าก็เป็นฮองเฮาอยู่ในวัง ตระกูลฉู่ของเราวันนี้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเป่ยถัง ตระกูลซูของไทเฮา ต่อให้มาช่วยพวกเราถือรองเท้ายังไม่คู่ควรเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ไท่ซ่างหวงเพื่อฮู่กั๋วกงที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง เพื่อขี้ข้าช้ำต่ำหนึ่งคน ถึงต้องประหารฮูหยินของตระกูลฉู่? ข้าไม่เข้าใจ ข้าก็รับไม่ได้ เจ้า…….เจ้าพยุงข้าออกไป ข้าจะเข้าวัง ข้าต้องการพบไท่ซ่างหวง”
“จวิ้นจู่ ท่านไปเพื่ออะไร? เรื่องนี้มันได้จบลงตรงนี้แล้ว ฮูหยินใหญ่ก็รับโทษตายไปแล้ว กลับไปที่สำนักนางชีเยว่เหมยเถอะ” แม่นมถงกล่อม
“ควรที่จะเลิกร้าง ควรเลิกร้างกับนาง” ฮูหยินย่าค่อยๆลุกขึ้นมา ก้าวเดินด้วยขาที่สั่น “เลิกร้างกับนาง นางก็ไม่ใช่คนของตระกูลฉู่ ก็ไม่ถึงกับต้องเรียกตระกูลฉู่ไปตำหนิต่อหน้าขุนนางนับร้อยในราชสำนัก ช่างขายหน้าสิ้นดี”
นางหน้ามืด ดังขึ้นด้วยเสียงโครม ก็เป็นลมล้มลงบนพื้น
โสวฝู่ฉู่ไม่ยอมวางมือเพียงเท่านี้ เขาเริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียด สั่งการให้ตรวจนับกิจการและสมบัติของพี่น้องลูกชายของตระกูลฉู่ แล้วยึดคืนมาทั้งหมด ทุกคน ต้องยังชีพด้วยเงินรายเดือนที่ทางราชสำนักจ่ายให้เท่านั้น
นี่แค่เริ่มต้น โสวฝู่ฉู่มีคำสั่งพิเศษสั่งฝึกทหารลับมานานแล้ว แอบสำรวจพฤติกรรมของพี่น้องและลูกชายของตระกูล ทุกการกระทำและคำพูดที่อยู่ข้างนอกต้องกลับมารายงานทั้งหมด หากคนที่ไม่รู้จักควบคุมความประพฤติตัวเอง ก็จะถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด
ตระกูลฉู่โอหังจนเคยชิน คำสั่งนี้ถูกสั่งการลงมา ทุกคนเสียใจเหมือนกับพ่อแม่เสียชีวิตกันเลยทีเดียว
ฉู่หมิงหยางหลบอยู่ในห้องตลอดเวลา นางตกใจมาก จนมีไข้สูง ฮูหยินรองตระกูลฉู่เฝ้าดูนาง ฉู่หมิงหยางก็กอดนางเอาไว้อย่างแน่นๆ ปากสั่นอย่างไม่หยุด
ฉู่หมิงชุ่ยร้องไห้เป็นลมไปหลายรอบ สุดท้ายโสวฝู่ฉู่มีคำสั่ง ให้ส่งนางกลับไปที่จวนอ๋อง
สถานการณ์ตระกูลฉู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่นานก็ถูกลือไปถึงข้างนอก
ข่าวลือเหล่านั้น เป็นความหายนะที่ตระกูลฉู่ปล่อย คนข้างนอกก็เลยไม่กล้าที่จะพูดถึงมันอีก ทุกคนเพิ่งจะรู้กันในเวลานี้ ทหารรักษาพระองค์ที่พวกเขานินทาอยู่ ก็คือฮู่กั๋วกง เป็นวีรบุรุษของเป่ยถัง
สำหรับเรื่องนี้ คนในตระกูลของฮู่กั๋วกง ก็ได้ออกมาประกาศแล้ว หากใครยังกล้าดูหมิ่นคนที่จากไปแล้ว ก็จะถูกจับตัวส่งให้ทางการสอบสวน
ฟางหยู่มั่วสุมในวังหลังเป็นเรื่องเท็จ ถ้างั้น แล้วข่าวลือของแม่นมสี่กับโสวฝู่ฉู่ ก็ต้องเป็นเรื่องไม่จริงอยู่แล้ว
ข่าวลือจึงได้ถูกทำลายไปในแบบนี้
เมื่อแม่นมสี่ตื่นขึ้นมา ข่าวลือข้างนอกได้เงียบสงบไปแล้ว
พิษครั้งนี้รุนแรงมาก แม้ว่าจะช่วยนางกลับมาได้ แต่ว่า กลับได้ทำลายหลอดลม แม้จะสามารถพูดได้ แต่น้ำเสียงนั้นแหบแห้งมาก
นางมองพระชายาที่น้ำตาคลอเบ้า ก็อดไม่ได้จนน้ำตาไหล ถอนหายใจเบาๆไปหนึ่งที กล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ทำให้พระชายาผิดหวังแล้ว”
หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตา “มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว”
อะซี่ที่เก็บความรู้สึกไม่เก่ง ก็ได้กอดแม่นมสี่ร้องห่มร้องไห้ “ทำไมท่านถึงได้ใจร้ายนัก? พระชายายังตั้งครรภ์อยู่เลย ท่านไม่อยากเห็นซื่อจื่อลืมตามาดูโลกหรือ? ท่านใจร้ายทิ้งพวกเราได้ลงคอหรือ?”
เสียงร้องไห้ของอะซี่ส่งพลังดีมาก แม่นมสี่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
หยวนหย่งอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ร้องไห้แล้ว
นางเป็นคนบ่อน้ำตาตื้น เห็นคนอื่นร้องไห้ก็อยากจะร้องด้วย จริงๆแล้วนางก็ไม่ได้มีความผูกพันกับแม่นมสี่ขนาดนั้น
หยวนชิงหลิงรอจนทุกคนร้องไห้เสร็จ จึงได้กล่าวกับแม่นมสี่ “โสวฝู่ฉู่อยู่ด้านนอก จะเจอเขามั้ย?”
แม่นมสี่ยังไม่ทันได้พูด อะซี่ก็พูดด้วยเสียงสะอื้น “แม่นม ต้องเจอ ท่านต้องเจอเขา ท่านคงไม่รู้ เขาเป็นคนที่ลงโทษฆาตกรที่ทำร้ายท่าน ท่านต้องเจอและขอบคุณเขา”
แม่นมสี่มองหยวนชิงหลิง ลังเลไปครู่หนึ่ง
หยวนชิงหลิงจึงกล่าว “อยากเจอก็เจอ หากไม่อยากเจอ ข้าก็จะให้เขากลับไป”
แม่นมสี่นิ่งไปสักพัก กล่าว “หากเขาไม่มีคำพูด ก็คงไม่มาหาข้า เจอเถอะ”
หยวนชิงหลิงพาทุกคนออกไป บอกให้อะซี่ไปเรียนโสวฝู่ฉู่ เชิญเขาเข้ามา
นางยืนอยู่ตรงประตู โสวฝู่ฉู่เดินเข้ามา ก็ยิ้มและพยักหน้าทักทายนาง
หยวนชิงหลิงย่อตัวคำนับกลับ
โสวฝู่ฉู่เดินเข้าไป แล้วปิดประตู
แม่นมสี่นั่งอยู่บนเตียง เห็นเขาที่ผมหงอกไปทั้งหัว ก็ตกตะลึงเล็กน้อย เจ็บปวดที่หัวใจ “ท่าน……..”
เขาจับชายผ้าแล้วนั่งลง ก็นั่งบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียง สบตากับนางอย่างเงียบๆ
เขายิ้มแล้ว ยื่นมือไปลูบที่ผมของนางหนึ่งที กล่าวอย่างอ่อนโยน “เห็นเจ้ายังสามารถนั่งอยู่ตรงนี้ ก็รู้สึกไม่เลว”
แม่นมสี่กล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ใช่ มีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว”
“เจ้าและข้าต่างก็แก่แล้ว มีเวลาไม่มากแล้ว ไม่ควรที่จะมาเสียเวลาแบบนี้” เขากล่าว แล้วได้หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากตรงหน้าอกเสื้อแกว่งชูอยู่ตรงหน้านาง
เมื่อแม่นมสี่มองเห็นชัดขึ้น กลับเป็นถุงเงินที่ขึ้นราอันหนึ่ง
นางก็ยิ้มขึ้นมา “ท่านยังเก็บไว้?”
“ใช่ ด้ายก็เคยหลุด และขึ้นราด้วย ซักไม่ออก แต่มันเป็นของสมัยยังหนุ่ม มันมีคุณค่า ก็เลยเก็บไว้ข้างกาย คิดไว้ว่า อนาคตเมื่อตายไปแล้วก็จะนำมันมาวางในโลงศพด้วย” เขาแกว่งไปหนึ่งที ก็เก็บเข้าไปในแขนเสื้อแล้ว”
แม่นมสี่ขมวดคิ้ว “จะใช้นี่เป็นวัตถุในการฝัง มันดูรันทดไปหน่อย”
โสวฝู่ฉู่สองมือสอดอยู่ในแขนเสื้อ พูดอย่างครุ่นคิด “รันทดหรือ? รันทดก็ไม่รู้จะทำยังไง ชีวิตนี้ ก็มีเพียงของสิ่งนี้ที่เป็นของล้ำค่า”
แม่นมสี่ยิ้มแล้ว ยิ้มจนเบ้าตาแดงขึ้นมาแล้ว
“เคยเกลียดข้ามั้ย?” นางถาม
เขาคิดไปครู่หนึ่ง “เกลียด? ความคิดที่จะฆ่าเจ้ายังเคยมีเลย แต่ข้าก็ไม่ควรที่จะฝืนใจความรู้สึกคนอื่น ตอนหลังข้าคิดในมุมของเจ้า ข้าก็เข้าใจแล้ว จริงๆแล้วเป็นแบบนี้ก็ดี หากเจ้าแต่งเข้าบ้านข้า ไม่เกินหนึ่งปี เจ้าก็ต้องตาย ใต้ฟ้านี้ มันมักจะมีคนที่ใจร้ายอยู่”
แม่นมสี่พยักหน้า “ตอนนั้นข้ากลัวตาย”
เขากล่าว “กลัวตายก็ดี ไม่สามารถแต่งงานกับเจ้า อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าเจ้าอยู่ในวัง รู้ว่าเจ้ามีชีวิตอย่างดี เจ้าดูสิ ชีวิตนี้ก็ผ่านไปแบบนี้ เราต่างมีชีวิตของตัวเอง นับว่าโชคดีแล้ว”
เขามองนางอย่างหลงใหล แล้วส่ายหัวเบาๆ “เจ้าดูสิ เจ้าก็แก่ขนาดนี้แล้ว แต่ทุกครั้งที่ข้ามองเจ้า กลับรู้สึกว่าใบหน้าของเจ้ายังคงเหมือนเมื่อก่อน?”
“ใช่สิ ทนไม่ได้ที่จะพบเจอกัน มีแต่ท่านที่ยังจำหน้าตาสมัยสาวๆของข้าได้” แม่นมสี่ถอนหายใจ
ก่อนที่นางจะออกจากวังมาที่จวนอ๋องฉู่นั้น เขาไปหาไท่ซ่างหวงน้อยมาก หากเขาไป นางก็จะหลบหน้า ต่อให้เจอหน้า แค่เพียงสบตากันเท่านั้น แม้แต่ทักทายยังไม่มีเลย
ดังนั้น หลายปีมานี้ ก็ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองจริงๆ
“พริบตาเดียว คนสวยก็แก่ชราลง วีรบุรุษก็ถึงโค้งสุดท้ายของชีวิต เขากล่าว
แม่นมสี่ก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าไม่เคยเป็นคนสวย”
“เจ้าไม่ใช่แล้วใครใช่? มียายแก่คนไหนสวยกว่าเจ้าอีก?” เขาก็มองนางอย่างหลงใหลเหมือนกับว่ามองยังไงก็ไม่พอ ราวกับว่าการจากการครั้งนี้ อาจจะกลายเป็นความเศร้าที่จะไม่ได้เจอกันอีกเลย
แม่นมสี่น้ำตาซึม
“คนที่ทำร้ายเจ้า ได้ถูกลงโทษไปแล้ว ตระกูลฉู่ได้เวลามันจัดระเบียบใหม่แล้ว ต่อไปหากเจ้ายินดี ข้ามีเวลาก็จะมาเยี่ยมเจ้า หากเจ้าไม่อยากจะเจอ เราก็ทำเหมือนเมื่อก่อน ต่างคนต่างอยู่” เขาพูด
แม่นมสี่มองเขา ส่ายหัว “ต่างคนต่างอยู่ก็ไม่ได้ดีไปสักเท่าไหร่ หากท่านอยากจะมา ก็มาเถอะ ก็ใกล้เข้าโลงกันแล้ว ข้าก็ไม่กลัวคนอื่นนินทาอีก ต่อให้ท่านแค่มาคุยกับข้า ดื่มชา ฟังเสียงลม ดูสายฝน ยังไงมันก็ดีกว่าที่ข้าอยู่คนเดียว”
โสวฝู่ฉู่ก็หัวเราะเหมือนเด็กน้อย เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผมขาว กลับเต็มไปด้วยแสง “เอ๋อ เจ้าก็รู้ว่าข้ายุ่ง อาจจะไม่มีเวลามาบ่อยๆ ดูอีกทีละกัน มีเวลาค่อยว่ากันอีกที”
เขาลุกขึ้น ยื่นมือไปลูบหัวของนาง แล้วกระซิบกล่าว “มีชีวิตให้นานหลายปี เรามาพยายามมีชีวิตให้นานอีกหลายปี”
แม่นมสี่พยักหน้าพร้อมน้ำตา