บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 319
ส่วนลานอีกด้าน เมื่อแม่นมสี่ได้ยินคนใช้พูดว่าโสวฝู่ฉู่มา ก็ได้เตรียมน้ำชาไว้ด้วยตนเอง ยังสั่งให้หูหมิงสั่งในครัวทำอาหารไว้ มาเวลานี้ ยังไงก็ยังไม่ได้ทานข้าว
โสวฝู่ฉู่มาถึง ก็ได้ดื่มชากับนางก่อน เมื่อกับข้าวทำเสร็จแล้วก็ถูกยกขึ้นมา
โสวฝู่ฉู่มาตั้งหลายครั้งแล้ว เป็นครั้งแรกที่อยู่ทานข้าว
คนที่ดูแลรับใช้คือหูหมิง เขาจึงได้ตบรางวัลเป็นเงินให้กับหูหมิง จนหูหมิงตกใจไม่กล้ายื่นมือไปรับ
แม่นมสี่หัวเราะพร้อมพูดว่า “ยังไม่รีบขอบคุณใต้เท้า?”
หูหมิงรีบพูดขอบคุณ โสวฝู่ฉู่เห็นเขาเดินออกไป ก็นั่งด้วยท่าทีหลังตรง
เป็นครั้งแรกที่ได้ทานข้าวกับผู้หญิงที่ตนชอบ ยังไงก็ต้องให้รางวัลหน่อย มีถือเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
แม่นมสี่ยิ้มพูดขึ้นว่า “กับข้าวพวกนี้ข้าไม่ได้เป็นคนทำ หากรู้ว่าเจ้าจะมา ข้าจะลงครัวทำให้เจ้าทานด้วยตนเอง”
“ต่อไปยังมีโอกาสอีกเยอะ” โสวฝู่ฉู่มองดูนาง ด้วยใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้ม แววตาก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาก
“ใช่” แม่นมสี่ยิ้มพูดขึ้นว่า “งั้นก็ทานข้าวเถอะ”
โสวฝู่ฉู่มองดูนาง “เจ้าให้คนไปเชิญข้ามา พูดธุระมาก่อน ไม่งั้นอาหารมื้อนี้ก็ไม่สามารถทานได้อย่างสบายใจ”
แม่นมสี่รินน้ำชาให้กับเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ทานข้าว งั้นก็ดื่มชาอีกซักคำ”
โสวฝู่ฉู่ดื่มหนึ่งคำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดื่มแล้ว พูดมาเถอะ”
แม่นมสี่มองดูเขาอย่างจนใจพร้อมพูดขึ้นว่า “แบบนี้เจ้าจะให้ข้าพูดอย่างไร? ข้าพูดไม่ออกแล้ว”
“มีเรื่องขอร้องข้า?” โสวฝู่ฉู่ถามขึ้น
แม่นมสี่พยักหัว พูดขึ้นว่า “ใช่”
“พระชายาอ๋องฉู่ขอร้องเจ้า?” โสวฝู่ฉู่ช่างเป็นโสวฝู่ฉู่จริงๆ
แม่นมสี่รินน้ำชาให้เพิ่ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ถือว่าพระชายาขอร้อง เป็นความหมายของข้าเหมือนกัน”
“ก็บอกว่านางของร้องจะเป็นไรไป? นางขอร้องข้า ข้ารับได้” โสวฝู่ฉู่พูดขึ้นอย่างวางมาด
แม่นมสี่มองดูเขา วางกาน้ำชาลง มือทั้งคู่ก็ห้อยลง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ได้ ข้าจะพูดตรงๆ เรื่องอ๋องฉีสองสามีภรรยาจะเลิกร้างกัน เจ้ารู้เรื่องหรือยัง?”
“รู้เรื่อง” โสวฝู่ฉู่พยักหัวอย่างเรียบเฉย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” แม่นมสี่ถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “จะรู้สึกแย่ไหม?”
นิ้วมือโสวฝู่ฉู่เคาะบนโต๊ะด้วยเสียงเบา ดวงตาคมคู่หนึ่งจ้องมองดูนางโดยตรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากำลังเป็นห่วงความรู้สึกของข้าหรือ?”
แม่นมสี่ครุ่นคิดสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ”
โสวฝู่ฉู่หัวเราะ คนเฒ่าคนนี้เมื่อหัวเราะขึ้นมากลับดูไม่อ่อนโยน ดูเจ้าเล่ห์เหมือนกับสุนัขจิ้งจอก
“ไม่ว่าข้าจะมีความคิดเห็นอย่างไร เจ้าพูดความคิดของเจ้ามาเถอะ” โสวฝู่ฉู่พูดขึ้น
แม่นมสี่จึงไม่อ้อมค้อมแล้ว พูดขึ้นตรงๆว่า “เรื่องนี้ได้เดือดร้อนไปถึงฮ่องเต้แล้ว ฮูหยินย่ากับพระชายาอ๋องฉีเคยเข้าวังไปแล้ว ฮ่องเต้คิดเห็นอย่างไร ข้าไม่รู้ แต่หากการเลิกร้างเป็นผลในที่สุดท้าย งั้นข้าก็คิดว่าเรื่องนี้เจ้าเป็นคนจัดการเหมาะสมที่สุด”
โสวฝู่ฉู่อืมหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ทานข้าว”
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อน คีบซี่โครงชิ้นหนึ่งให้กับแม่นมสี่ พร้อมพูดว่า “ทานเยอะๆหน่อย บำรุงร่างกาย”
แม่นมสี่มองดูเขา ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “งั้นเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”
“ไม่มีความคิดเห็นอะไร” โสวฝู่ฉู่พูดขึ้นว่า “ทานข้าว ทานข้าว”
แม่นมสี่มองดูเขาอย่างจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่พูดอะไรบ้าง ข้าทานไม่ลง”
“จะต้องพูดอะไร? เจ้าเห็นว่าอย่างไรก็อย่างนั้นแหละ ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก?” โสวฝู่ฉู่มองดูนางอย่างหวาดหวั่น
“งั้นเจ้ายอมตกลงแล้วใช่ไหม?” แม่นมสี่อึ้งไป แล้วก็ถามขึ้น
โสวฝู่ฉู่พูดว่า “ข้าติดหนี้บุญคุณจวนอ๋องฉู่สองครั้ง หากเรื่องนี้ข้าเป็นคนกระทำแล้วทุกคนสบายใจ ข้ากระทำก็ได้”
แม่นมสี่ค่อยโล่งอก พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าติดหนี้บุญคุณจวนอ๋องฉู่สองครั้งได้อย่างไร?”
โสวฝู่ฉู่ทานข้าว พร้อมพูดขึ้นอย่างอ้ำอึ้งว่า “พระชายาอ๋องฉู่ช่วยชีวิตเจ้าไว้สองครั้งไม่ใช่หรือ?”
แม่นมสี่อึ้ง นิ่งจ้องมองดูเขา แล้วดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ยื่นมือไปเช็ด พลางพูดขึ้นว่า “ทานข้าว”
โสวฝู่ฉู่มองดูนางอย่างเชื่องช้า แล้วก็ไม่รู้ว่าหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากไหนยื่นให้กับนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เช็ดน้ำตาเสีย ต่อไปอย่าร้องไห้เสียน้ำตาง่ายๆ ไม่ดีกับสายตา ต้องรู้จักดูแลตนเอง แม้แต่เส้นผมเส้นเดียวก็จะละเลยไม่ได้ ชั่วชีวิตนี้ ก็เหลือเพียงช่วงเวลาอยู่ด้วยกันเพียงเท่านี้แล้ว”
นางรับมาเช็ดน้ำตา พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาผ้าเช็ดหน้ามาจากไหน? เจ้าคนเฒ่าคนหนึ่งมีผ้าเช็ดหน้างดงามแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร?”
“มอบรองเท้าลายหัวเสือคู่หนึ่งให้กับพระชายา นี่เอามาห่อรองเท้าหัวเสือนั่น” โสวฝู่ฉู่พูดขึ้น
แม่นมสี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสั่งคนทำรองเท้าลายหัวเสือหรือ? ได้ยินมาว่าทุกครั้งที่เจ้ามาก็จะมีของขวัญให้กับพระชายาทุกครั้ง”
“ก็ต้องมีบ้าง เป็นหนี้บุญคุณเล็กๆน้อยๆ ทำอะไรก็ต้องเกรงใจ ไว้หน้าเขาบ้าง สิ่งของที่ข้านำมาทุกครั้ง ไม่ได้สิ้นเปลืองอะไร แต่เป็นความตั้งใจอย่างที่สุด นางจะได้ไม่รังเกียจที่ข้ามาบ่อยๆ” โสวฝู่ฉู่พูดขึ้นอย่างจริงใจ
แม่นมสี่ยิ้มพูดขึ้นว่า “ต่อให้ไม่มีของมา นางก็ไม่รังเกียจเจ้า”
“นำมาด้วยดีกว่า เด็กในท้องของนาง เจ้าชอบ งั้นข้าก็ชอบด้วย” โสวฝู่ฉู่ยกถ้วยข้าวขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทานข้าว ทานข้าว เลยเวลาทานข้าวแล้ว สายไปไม่ดีต่อกระเพาะ ต้องระวังรักษาดีๆ”
“อืม” แม่นมสี่ก็ลงมือทานข้าวขึ้นมา ตอนที่ทานก็เหลือบมองดูเขา เห็นเขาทานอย่างตั้งใจ เคี้ยวอยู่อย่างเชื่องช้า แลดูรักสาสุขภาพจริงๆ
ในใจแม่นมสี่ มีความรู้สึกอย่างที่บอกไม่ถูก
รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ดูแลตนเองเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันไปนาน
นางก็ควรที่จะเป็นเช่นนี้ถึงจะถูก
ทางนี้เมื่อได้ความมั่งใจจากโสวฝู่ฉู่ หลังจากโสวฝู่ฉู่กลับแล้ว แม่นมสี่ก็ไปบอกหยวนชิงหลิงด้วยตนเอง
ในใจหยวนชิงหลิงที่หนักอึ้งค่อยโล่งอก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งในน้ำใจของแม่นมสี่
หยู่เหวินเห้ากลับมาตอนกลางคืน ได้รู้ว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ก็หัวเราะพูดขึ้นว่า “งั้นยี่สิบทีนี้ก็ไม่ต้องถูกโบยแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ไม่ถูกโบย และยังสามารถแก้ไขปัญหาให้กับจวนอ๋องฉี ใช่ไหม ไม่รู้ว่าทางจวนอ๋องฉี ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เห็นหยวนหย่งอี้มาที่นี่ด้วย”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ก็ยังดี เย็นนี้ตอนที่ข้าไป ดูอาการบาดเจ็บของเขา นังหนูหน้ากลมดูแลเขาอยู่ ฉู่หมิงชุ่ยก็อยู่ในจวน แต่ไม่ได้เจอ”
“ไม่รู้ว่าทำไม ตราบใดที่นางยังอยู่จวนอ๋องฉี ในใจข้าก็ไม่สงบ มักรู้สึกอยู่ตลอดว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
“มีนังหนูหน้ากลมคอยปกป้องอยู่ ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก เจ้าวางใจ” หยู่เหวินเห้าพูดปลอบว่า
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
นางจูงมือของเขา พาตอเป่าออกไปเดินเล่น พร้อมถามขึ้นว่า “ยังเจ็บไหม?”
“ก็ยังเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เดินออกกำลังกาย ให้เลือดไหลเวียนสะดวก อีกสองวันก็น่าจะหายดีแล้ว” หยู่เหวินเห้าโอบกอดนางไว้ ริมฝีปากประทับบนใบหน้าที่เย็นเฉียบของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าเอาแต่เป็นห่วงข้า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำใจให้กว้าง ดีไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “อาจจะเป็นเพราะว่าระหว่างตั้งครรภ์จึงคิดมาก ช่วงนี้คิดเรื่องต่างๆค่อนข้างเยอะ”
“เจ้าคิดอะไรบ้างหรือ?” หยู่เหวินเห้าจับมือทั้งคู่ของนางประสาน ซ่อนไว้ในแขนเสื้อของตัวเองอย่างอบอุ่น
“ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญ เพียงแค่ชอบคิดไปเรื่อย” หยวนชิงหลิงแนบชิดอยู่ตรงหน้าอกของเขา ก็แค่กลัวว่าทั้งหมดจะกลายเป็นเรื่องลวงตา
แต่ก็ไม่ใช่เวลาจมปลักอยู่กับความทุกข์ของนาง
หลังจากที่เขาพูดว่าจะแย่งชิงตำแหน่งนั้น นางก็เป็นกังวลมาตลอด ก่อนหน้านี้เข้าวังไปถวายพระพรไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงพูดว่าต้องให้เขาผ่านประสบการณ์ต่างๆบ้าง หลังจากนั้น ครั้งนี้ฮ่องเต้ก็ยังกระทำเช่นนี้อย่างไม่ยุติธรรม บางทีอาจจะมีอะไรแอบแฝง แต่ยังไงนางก็ยังคิดว่า ความชอบของทุกคน อาจไม่ใช่พรหมลิขิตของเขาในที่สุดท้าย
เสียใจและไม่ควรให้สามีของตนเข้าไปรับราชการตั้งแต่แรก ไม่จำเพราะที่ต้องตื่นแต่เช้าไปว่าราชการแล้วก็ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน
บางทีคลื่นอันแปลกประหลาดของราชสำนักนั่น ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“อย่าคิดมาก เรื่องทุกอย่าง รอเจ้าคลอดแล้วค่อยว่ากัน” เขาจูงมือของนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างรักใครว่า “อากาศเย็น ไม่เดินแล้ว เรากลับกันเถอะ”
เขาผิวปากหนึ่งที ตอเป่าก็วิ่งกลับมา คนเดินอยู่ข้างหมาเดินตามอยู่ด้านหลังกันกลับ