บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 320
ทางด้านจวนอ๋องฉี กลับสงบอย่างมาก
หยวนหย่งอี้ดูแลอ๋องฉี เดิมเพื่อปกป้องเขา จะได้ไม่ถูกฉู่หมิงชุ่ยมาหาเรื่อง
ฉู่หมิงชุ่ยกลับสงบเงียบอย่างน่าแปลก
วันนี้ โสวฝู่ฉู่ส่งนำจดหมายมาส่งหนึ่งฉบับ หลังจากฉู่หมิงชุ่ยอ่านแล้ว ก็ออกเดินทางไป ถึงตอนพลบค่ำค่อยกลับมา
หลังจากกลับมาแล้ว ก็ตรงไปหาอ๋องฉี
หยวนหย่งอี้ระมัดระวังอย่างมาก ขวางทางนางไว้ไม่ให้นางเข้าไป
ฉู่หมิงชุ่ยมองดูหยวนหย่งอี้ พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าวางใจ ข้าไม่ได้จะทำร้ายเขาอีก มีเจ้าอยู่ ข้าก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว ข้าเพียงแค่จะพูดลาจากเขาเพียงไม่กี่คำ”
“ลาจาก?” หยวนหย่งอี้อึ้ง
แววตาฉู่หมิงชุ่ยฉายแววเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ ท่านปู่สั่งคนเอาจดหมายมาให้ข้า บอกว่าเห็นด้วยกับเรื่องเลิกร้าง รอเรื่องนี้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ข้าก็จะไป แต่ข้าทำร้ายเขา ยังไงก็เป็นความผิดของข้า ข้าอยากขอโทษเขา ต่อไปจะได้ไม่ต้องติดค้างกัน”
หยวนหย่งอี้เชื่อมั่นว่าคนคนหนึ่งไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่มีเหตุผล แต่คำพูดของนางพวกนี้ เพราะตอนนี้นางยังเป็นพระชายา ไม่ปล่อยนางเข้าไป ก็ไม่เป็นการดี
นางพูดว่า “งั้นเจ้าเข้าไปเถอะ ให้ข้าอยู่ด้วยได้ไหม?”
“ได้” ฉู่หมิงชุ่ยย่อตัวให้กับนาง ทำให้หยวนหย่งอี้แปลกใจมาก
อ๋องฉีกำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ เห็นนางมา ก็รีบลุกขึ้นมาอย่างระมัดระวังตัว
ฉู่หมิงชุ่ยเห็นท่าทีเช่นนี้ของเขา แววตาก็ยิ่งเศร้า เดินเข้าไปอย่างสงบ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก”
อ๋องฉีมองดูหยวนหย่งอี้ที่อยู่ด้านหลังนาง หยวนหย่งอี้พยักหัวให้กับเขา เขาจึงพูดกับฉู่หมิงชุ่ยว่า “นั่งสิ”
เขาชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง แต่ฉู่หมิงชุ่ยกลับเดินตรงมานั่งบนเตียง อ๋องฉีขยับเข้าไปด้านในด้วยสัญชาตญาณ มองดูมือทั้งคู่ของนาง กลัวว่านางจะยังถือปิ่นปักผมไว้
ฉู่หมิงชุ่ยมองดูภาพนี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงข้าไม่ชอบที่เจ้าเป็นแบบนี้ เจ้าขี้ขลาด อ่อนแอ”
อ๋องฉีไม่พูดไม่จา เขาเป็นเช่นนี้จริง เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต นางรู้ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักเขาแล้ว
ฉู่หมิงชุ่ยพูดต่อว่า “แต่ที่จริงไม่ใช่ปัญหาของเจ้า เป็นเพราะข้าคาดหวังในตัวมากเกินไป เจ้าเป็นคนยังไง ก็กระทำเรื่องที่เป็นเช่นนั้น เดิมเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว บางทีข้าแค่รู้สึกว่า ข้าเคยคิดว่าเจ้าไม่คู่ควรกับข้า ที่จริงไม่ใช่การไม่คู่ควรทางสถานะ แต่เป็นความทะเยอทะยาน ข้าไม่ปฏิเสธในความทะเยอทะยานของข้า ที่ข้าแต่งงานกับเจ้า ที่จริงก็เพราะเจ้าเป็นพระราชโอรสของฮ่องเต้กับฮองเฮา ท่านน้าก็พูดกับข้าว่า ได้รู้ความตั้งใจของท่านปู่ ท่านปู่มีใจที่จะสนับสนุนให้เจ้าเป็นองค์ชายรัชทายาท”
เขาค่อนข้างคาดไม่ถึงกับสิ่งที่นางพูดออกมาตรงๆ จึงจ้องมองดูนางอย่างแน่นิ่ง
ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มให้กับเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ผิดหวังมากใช่ไหม? ที่เราอยู่ด้วยกัน ทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้าเองก็ผิดหวัง เรากลายเป็นคู่รักที่เต็มไปด้วยความแค้น ท่านปู่พูดถูก เราควรที่จะเลิกร้างกัน”
อ๋องฉีถามขึ้นด้วยเสียงแหบว่า “เขาเห็นด้วย?”
“เห็นด้วย” นางพูดขึ้นอย่างสงบว่า “ดังนั้นคืนนี้พี่ข้ามาพูดกับเจ้า หวังอยากให้พวกเราต่างก็เข้าใจความรู้สึกของตนเอง เจ้าบอกว่าเจ้ารู้ว่าข้าไม่รักเจ้า ไม่ผิด ไม่ได้รักเจ้าจริงๆ คนที่ในใจข้ารัก คือพี่ห้าของเจ้ามาตลอด เขาก็รู้”
หยวนหย่งอี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ ได้พูดห้ามขึ้นว่า “พระชายา คำพูดเช่นนี้เจ้าไม่ควรพูด”
ผู้หญิงคนนี้ชั่วร้าย มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่ลืมที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องฉีกับอ๋องฉู่ทั้งสองพี่น้องบาดหมางกัน
อ๋องฉีพูดขึ้นด้วยสีหน้ามึดครึ้มว่า “ให้นางพูดต่อไปเถอะ”
หยวนหย่งอี้ร้อนใจ เหลือกตาดุมองดูฉู่หมิงชุ่ย
สีหน้าฉู่หมิงชุ่ยฉายแววเหมือนกำลังเพ้อฝัน พร้อมพูดขึ้นว่า “นับตั้งแต่ตอนที่ค่ะอายุสิบขวบ ข้าก็วาดฝันงานแต่งงาน เจ้าสาวคือข้า เจ้าบ่าวคือเขา หยวนชิงหลิงบอกว่าหลงรักเขาตั้งแต่ตอนอายุสิบสาม แต่ข้าเร็วกว่าหยวนชิงหลิง หากไม่ใช่เพราะเป็นพระราชโอรสของฮ่องเต้กับฮองเฮา หากไม่ใช่เพราะคำพูดพวกนั้นของเสด็จแม่เจ้า ข้าก็ไม่ทอดทิ้งเขา เขาเคยพูดกับเจ้าไหม? หลายวันก่อนข้าไปหาเขา ที่ร้านเหล้าเยว่เต๋อ ข้าคุยกับเขากว่าครึ่งชั่วโมง ข้าเพิ่งรู้ว่าในใจของเขายังมีข้า เขาหวังอยากให้ข้าเลิกร้างกับเจ้า เขาจะรับข้าไปเป็นชายารอง เห้อ เดิมข้าควรที่จะได้เป็นชายาเอกของเขา”
นางถอนหายใจอย่างเชื่องช้า ก้มหัวลง ตรงหางตาสามารถมองเห็นใบหน้าซีดขาวของเขา
หยวนหย่งอี้ใช้มือลากนางขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “เอาล่ะ เจ้าหุบปาก ออกไป”
ฉู่หมิงชุ่ยมองดูหยวนหย่งอี้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ชายารองหยวน เรื่องนี้เขาควรที่จะรู้ ยังไงเจ้าก็รู้เรื่องที่ข้ากับพี่เห้าแอบนัดเจอกัน ที่จริงเจ้าควรที่จะบอกเขา”
อ๋องฉีรีบเงยหน้าขึ้นมามองดูหยวนหย่งอี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้เรื่อง?”
หยวนหย่งอี้รีบพูดขึ้นว่า “ข้ารู้เรื่องอะไร? นางพูดไปเรื่อย เจ้าอย่าหลงเชื่อ นางต้องการที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับอ๋องฉู่บาดหมางกัน”
ฉู่หมิงชุ่ยหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ยังจะมีอะไรให้บาดหมางกัน? ข้าก็ไม่ยอมที่จะแต่งเข้าไปเป็นพระชายารองของอ๋องฉู่ หากข้าจะแต่งกับเขา เขาก็จะต้องมีข้าเพียงคนเดียว แต่หยวนชิงหลิงตั้งครรภ์แล้ว ข้าก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาสองสามีภรรยาแยกกันได้ ช่างเถอะ”
นางมองดูเขาอย่างซึ้งใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าขอโทษเจ้าด้วย ต่อไปขอให้เจ้าดูแลตนเองให้ดี รเรื่องจัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าก็จะไป นี่ถือเป็นการกล่าวลาครั้งสุดท้าย วันที่ข้าไป ก็จะไม่มาหาเจ้าแล้ว”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ทำไมใจของเจ้าถึงได้ดำขนาดนั้น? เห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้หรือ?”
ฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจเบาๆ มองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจะพูดอะไรก็ได้ แล้วแต่เจ้า ชายารองหยวน ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีอ๋องฉี อย่าถือตัวเกินไป หากผิดพลาดไป จะกลายเป็นสิ่งที่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เหมือนกับข้า สูญเสียคนที่รักไปตลอดชีวิต”
นางพูดเสร็จ หันตัวแล้วก็เดินจากไป เงาหลังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
หยวนหย่งอี้ร้อนใจ รีบหันไปมองอ๋องฉี พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเชื่อคำพูดของนางหรือ?”
อ๋องฉีพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เจ้าไปสืบที่ร้านเหล้าเยว่เต๋อ ดูซิว่านางนัดเจอกับพี่ห้าที่ร้านร้านเหล้าเยว่เต๋อจริงหรือไม่”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นว่า “ต่อให้เคยเจอ ก็ไม่ได้แปลว่าคำพูดของนางเป็นความจริง อ๋องฉู่ไม่มีทางที่จะรับนางไปเป็นชายารอง”
“เจ้ารับผิดชอบไปสืบก็พอ” อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้าไม่ไป ข้าใช้คนอื่นไปสืบก็ได้”
หยวนหย่งอี้กระทืบเท้า สีหน้าบูดคิ้วขมวดขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมเจ้าถึงถูกหลอกง่ายขนาดนี้? นางต้องการที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าสองพี่น้องบาดหมางกัน”
“เจ้าพูดมาเพียงว่าจะไปหรือไม่ไป” อ๋องฉีมองดูนางพร้อมพูดขึ้น
หยวนหย่งอี้มองดูใบหน้าที่จริงจังของเขา ถอนหายใจและพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าไป”
นางไปดีกว่าให้คนอื่นไป ใช้ให้คนอื่นไป ไม่รู้ว่าจะสืบได้ความอะไรกลับมา
นางหันตัวเดินออกจากประตูไป
ในใจโกรธเกลียดอยากที่จะสับฉู่หมิงชุ่ยเป็นพันหมื่นชิ้น
ความคิดของผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้ดำทมิฬขนาดนั้น? ไม่ใช่แค่ดำทมิฬ แต่คือความโหดเหี้ยมแล้ว
นางควบขี่ม้าตรงไปยังร้านเหล้าเยว่เต๋อ ไปถามความกับเถ้าแก่ร้าน
เถ้าแก่เรียกคนที่ชื่อดอกเตอร์สุรามา และดอกเตอร์สุราก็คือคนที่ถูกหยู่เหวินเห้าโยนออกมา
เขาพูดกับหยวนหย่งอี้ว่า “วันนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งมาจริง ใช้ให้ข้าน้อยไปเชิญท่านอ๋องมา บอกว่ามีเหล้าอย่างดีมาด้วย หากเชิญท่านอ๋องมาได้ จะให้รางวัลอย่างงาม ข้าน้อยก็เลยไป ที่ไหนได้ ท่านอ๋องเข้าไปได้เพียงแปบเดียวก็เดินออกมาอย่างโกรธเคือง ยังทุบโต๊ะเก็บตังจนพัง ข้าน้อยก็ถูกโยนออกไป ท่านดูสิ ขาของข้ายังไม่สามารถเดินได้อย่างสะดวกเลย
หยวนหย่งอี้มองดูเขาเดินอยู่หลายก้าว กะโผลกกะเผลกจริงๆ
เถ้าแก่พูดขึ้นว่า “โต๊ะเก็บตังนี้เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้จ่ายค่าเสียหาย โชคร้ายจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นใครกัน ให้พวกเขาไปหลอกท่านอ๋องมา”