บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 322
อ๋องฉีมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “คืนนี้เจ้าไปเชิญพี่ห้ามา”
“มาทำไม?” หยวนหย่งอี้ถามขึ้น
อ๋องฉีถามขึ้นว่า “แทนที่จะถูกนางจูงจมูกเดิน พวกเราเดินนำหน้าก่อนไม่ดีกว่าหรือ ดูสิว่านางคิดจะทำอะไร”
หยวนหย่งอี้เป็นคนเรื่อยเฉื่อยไม่ยี่หระ กลับก็เป็นคนมีความคิดรอบคอบ ฟังเช่นนี้ก็เข้าใจแล้ว พูดขึ้นว่า “เจ้าจะให้เป็นไปตามที่นางหวัง แตกหักกับอ๋องฉู่ แล้วคอยดูว่านางจะทำอะไร?”
อ๋องฉีมองดูนางอย่างเห็นด้วย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าก็ฉลาดอยู่ แต่เดาถูกเพียงครึ่งเดียว ข้าอยากรู้จริงๆว่านางจะทำอะไรต่อ แต่ที่สำคัญที่สุด หากข้าแตกหักกับพี่ห้าดั่งหวัง จุดประสงค์ของนางก็ประสบความสำเร็จแล้ว จะไม่ยื้อยุ่งเรื่องหย่าอีก ข้าอยากให้ทุกอย่างจบโดยเร็ว หากนางยังอยู่ในจวน ข้าก็จะระแวงอยู่ตลอดว่านางจะก่อเรื่องทำอะไรอีก”
หยวนหย่งอี้หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หรือบางที เจ้ากลัวว่าตนเองจะใจอ่อน”
อ๋องฉียื่นมือดึงผ้าห่ม พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “อืม ก็กลัวอยู่”
หยวนหย่งอี้พยักหัว พร้อมพูดว่า “งั้นดี ข้าจะไปด้วยตนเอง ไปพูดกับพระชายาอ๋องฉู่ให้เข้าใจ”
“เจ้าพูดกับพี่ห้าตรงๆเลยก็พอ”
หยวนหย่งอี้กลืนน้ำลายลงคอ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าชอบพูดคุยกับพระชายาอ๋องฉู่มากกว่า”
อ๋องฉีหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากลัวพี่ห้าข้าขนาดนั้นเชียงหรือ?”
หยวนหย่งอี้พูดพึมพำขึ้นว่า “พี่ไม่เกี่ยวอะไรกับกลัวหรือไม่กลัว ผู้หญิงกับผู้หญิงด้วยกันค่อนข้างคุยกันง่ายกว่า”
นางพูดเสร็จแล้วก็ออกไป
สองวันนี้หยวนหย่งอี้เดินทางไปมาตลอด หยวนชิงหลิงก็รอให้นางมาอยู่อย่างกระสับกระส่ายใจ
นางรู้จักคนอย่างอ๋องฉีดี ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉู่หมิงชุ่ย ก็จะชอบทำอะไรเลอะเลือน
หยู่เหวินเห้าให้ความสำคัญน้องชายคนนี้มาก นางกลัวว่าพวกเขาทั้งสองพี่น้องจะกลายเป็นศัตรูกัน
เมื่อรอจนกระวนกระวายอย่างที่สุดแล้ว หยวนหย่งอี้ก็มาเล่าถึงความคิดของอ๋องฉีให้นางฟัง หยวนชิงหลิงแทบไม่อยากเชื่อ ถามย้ำหยวนหย่งอี้ เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัด ค่อยถอนหายใจพูดขึ้นว่า “ไม่พูดไม่ได้ว่า ครั้งนี้เสด็จพ่อฉลาดจริงๆ ไม่มีความทุกข์ยากระหว่างสองพี่น้องที่เขาวังไปในครั้งนั้น อ๋องฉีคงคิดระแวงเป็นแน่ ถูกโบยยี่สิบทีนี้ ถือว่าคุ้ม”
หากก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงยังคิดว่าฮ่องเต้ลำเอียง ครั้งนี้ถือว่านับถือจริงๆ
ยืนอยู่ในที่สูง มองการณ์ไกล เฒ่าสารพัดพิษ
เสียงฝีเท้าหยู่เหวินเห้าดังขึ้น หยวนหย่งอี้ก็รีบหนีบหางวิ่งหนีทันที
หยู่เหวินเห้ารู้สึกถึงเพียงลมพัดผ่านร่างกายไป นิ่งอึ้ง ส่ายหัวเดินเข้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหน้ากลมมาทำอะไร?”
หยวนชิงหลิงยืนขึ้นมายิ้มมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอเชิญเจ้าไปร้องรำแสดงละคร”
“ร้องรำแสดงละคร?” หยู่เหวินเห้าโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ชอบฟัง และไม่ชอบร้อง”
“ละครเพลงนี้ ต้องเป็นเจ้าไปเท่านั้น” หยวนชิงหลิงช่วยถอดเสื้อตัวนอกให้กับเขา ดึงเข้าไป แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
หยู่เหวินเห้าได้ฟังแล้ว สีหน้ากลายเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างมาก
ตอนนั้นทำไมเขาถึงตาบอด?
คืนวันนั้น อ๋องฉู่หยู่เหวินเห้ามายังจวนอ๋องฉี ทั้งสองพี่น้องทะเลาะกันหนักมาก ก่อนกลับอ๋องฉู่ยังได้อาละวาดทำลายข้าวของ
ข่าวถูกพูดออกไปทั่วจวนอ๋องฉีอย่างรวดเร็ว
ฉู่หมิงชุ่ยสวมเสื้อคลุม นั่งอยู่ตรงที่นั่งราวระเบียง ขาทั้งคู่ห้อยลงมา ลมพัดหนาวเย็น นางกลับไม่รู้สึกหนาว ส่งเสียงหัวเราะสดใส
ลมพัดแสงโคมเหลืองอร่ามตรงหน้าระเบียง สาดส่องใบหน้าขาวซีดผอมซูบของนาง ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางปกคลุมไปด้วยเงากลม รอยยิ้มนี้จึงค่อนข้างดูน่ากลัว
นางหัวเราะ มองดูภายในลานที่ว่างเปล่านั้นอย่างซึมเซ่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่เห้า เจ้ารอข้าก่อน ขอเพียงหยวนชิงหลิงตาย เราก็จะสามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว”
ปากของนางส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างน่าแปลก เหมือนเป็นเสียงที่เปล่งออกมาจากภายในลำคอ แตกต่างอย่างมากกับเสียงหัวเราะสดใสกลายเป็นเสียงดังกระหึ่ม
บนหลังคา มีเงามืดสีดำนั่งอยู่อย่างเงียบๆ
คือหยวนหย่งอี้ นางไม่วางใจฉู่หมิงชุ่ย มักรู้สึกว่าคนคนนี้ชั่วร้าย ไม่รู้ว่าจะกระทำเรื่องอะไรขึ้นอีก
ฉู่หมิงชุ่ยประโยคนี้ ดังก้องอยู่ในหูของนาง
ดวงตาของนางเย็นชา มีความคิดอยากที่จะลงมือ อยากฆ่าฉู่หมิงชุ่ยทันที
วันรุ่งขึ้น นางไปยังจวนอ๋องฉู่ เล่าคำพูดประโยคนี้ให้อะซี่ฟัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้พระชายาเดินทางเข้าออก เจ้าติดตามไปตลอด อย่าปล่อยปละละเลยเด็ดขาด”
อะซี่พูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “นางยังคิดอยากที่จะฆ่าพระชายา? ทำไมนางไม่ไปตายเสีย? นางยังจะมีหน้ามีชีวิตอยู่?”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นว่า “ยังไงหากคนคนนี้ไม่ตาย ที่สุดแล้วก็คือคนที่อันตราย เจ้าระวังไว้ไม่ผิดแน่ อย่าให้นางได้มีโอกาสทำร้ายพระชายา”
อะซี่ถามขึ้นว่า “เล่าให้พระชายาฟังดีไหม?”
หยวนหย่งอี้ครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “บอกท่านอ๋องดีกว่า อย่าบอกพระชายา เดี๋ยวนางจะตกใจ”
อะซี่พูดขึ้นว่า “ใช่ จะทำให้พระชายาตกใจไม่ได้ ช่วงนี้นางอารมณ์ก็ไม่ค่อยจะดี”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างสงสารพระชายาอ๋องฉู่ว่า “เรื่องจวนอ๋องฉีในช่วงนี้ จวนอ๋องฉู่ได้รับความเสียหายที่ไม่มีเค้ามาก่อน”
“หวังว่าเรื่องนี้จะจบโดยเร็ว” อะซี่ก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อก่อนทุกคนในตระกูลฉู่นางล้วนไม่ชอบ เป็นเพราะแม่นมสี่ทำให้มองเห็นในด้านที่ดีของโสวฝู่ฉู่ กลับคิดไม่ถึงว่าคนอื่นๆในตระกูลฉู่จะน่าเกลียดน่าชังขนาดนี้
หยวนหย่งอี้รีบกลับไปเฝ้าจวนอ๋องฉี จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเฝ้าดูไว้ให้ดีไม่ผิดแน่ ข้าไปล่ะ ไปบอกท่านอ๋องด้วย”
พูดเสร็จ แล้วก็รีบจากไปเลย
อะซี่นึกว่านางจะรีบไปบอกท่านอ๋อง จึงวางใจ
แต่อะซี่ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมาก เพราะช่วงนี้พระชายาไม่ได้ออกไปไหนเลย ต่อให้ออกไป ก็มีองครักษ์ลับผีค่อยติดตาม อยากแตะต้องพระชายา ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
ความหมายของโสวฝู่ฉู่ ก็คือหลังจากฉู่หมิงหยางแต่เข้าไปในจวนอ๋องฉี แล้วค่อยจัดการเรื่องหย่าของอ๋องฉีสองสามีภรรยา
ฉู่หมิงหยางกำลังจะออกเรือน พี่สาวคนโตกลับจะถูกหย่ากลับไปอยู่บ้าน ยังไงก็ไม่เป็นมงคล
งานฉลองวันเกิดของอ๋องซุน เพราะอ๋องฉียังบาดเจ็บอยู่ จึงไม่สะดวกที่จะไป
ฉู่หมิงชุ่ยกลับจะไป
นางสั่งคนไปบอกกับอ๋องฉี นางจะไปในฐานะพระชายาอ๋องฉี เพื่อไปอำลาญาติๆคนอื่นๆ
อ๋องฉีไม่ปฏิเสธ แต่ตอนนี้ไม่ว่าฉู่หมิงชุ่ยจะทำอะไร เขาก็จะกระทำตามใจเขาทุกอย่าง
อ๋องฉีเองก็ระมัดระวัง สั่งให้หยวนหย่งอี้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอ๋องซุนด้วย ให้นางไปจับตาดูฉู่หมิงชุ่ย เพื่อป้องกันไม่ให้นางกระทำเรื่องทำร้ายพี่สะใภ้ห้าในงานเลี้ยง
หยวนหย่งอี้ก็ไม่วางใจ รอหลังจากฉู่หมิงชุ่ยออกไปแล้ว นางก็ออกเดินทางทันไป
เรื่องที่อ๋องฉีสองสามีภรรยาจะหย่า หมู่ญาติในราชวงศ์ต่างก็รู้กันแล้ว เพราะเรื่องนี้เดือดร้อนไปถึงภายในวัง และกระทำอย่างครึกโครมเช่นนี้ ยังไงก็ปิดไม่มิด
ทุกคนเห็นฉู่หมิงชุ่ยมา ต่างก็แปลกใจมาก
แต่ฉู่หมิงชุ่ยกลับดูปกติมาก ไม่เหมือนกับคนที่เตรียมจะหย่าเลยสักนิด มอบของที่ระลึกให้กับอ๋องซุน ตอนที่พูดคุยกับพระชายาอ๋องซุน กับแขกคนอื่นที่มาร่วมงาน นางก็เข้าไปทักทายเหมือนดั่งปกติที่ผ่านมา
ทำให้คนอื่นกลับเป็นฝ่ายที่ค่อนข้างทำตัวไม่ถูก
หยู่เหวินเห้ามาพร้อมกับหยวนชิงหลิง อะซี่ สวีอี ยังมีทังหยางก็มาด้วย
ฉู่หมิงชุ่ยยังคงยิ้มเดินเข้าไปหา ยืนอยู่ตรงหน้าหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่เห้า พระชายาอ๋องฉู่ พวกเจ้ามาแล้วหรือ?”
คำว่าพี่เห้า พระชายาอ๋องฉู่ เรียกอย่างสนิทสนม เหมือนกับระหว่างพวกเขาไม่เคยมีอะไรบาดหมางกัน
หยู่เหวินเห้าไม่พูดไม่จา แววตาหันไปมองทางอื่นอย่างเฉยเมย
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าความเสแสร้งในตอนนี้ ที่จริงไม่มีความจำเป็นแล้ว จึงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “อืม มาแล้ว พวกเราเข้าไปอวยพรพี่รองก่อน ขอตัว”
“เชิญพระชายาอ๋องฉู่ตามสบาย ระวังพื้นลื่น” ฉู่หมิงชุ่ยหันข้างหลบ พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน