บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 330
หยวนชิงหลิงกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเริ่มพันผ้าพันแผลให้หมันเอ๋ออย่างไม่ชักช้า น้ำได้ล้นทะลักขึ้นมาแล้วเรือกำลังจะจม
หมันเอ๋อได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเกือบจะสลบไป แต่เพราะความเจ็บปวดจึงทำให้นางรู้สึกตัวเสมอ เมื่อเห็นน้ำที่ล้นขึ้นมา นางจึงดึงมือของหยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า “พระชายา ท่านกอดท่อนไม้กระโดดลงไป จะมีเรือที่ผ่านไปมาช่วยชีวิตท่านได้”
หยวนชิงหลิงพยายามที่จะพยุงนางลุกขึ้น พูดอย่างกังวลว่า “หมันเอ๋อ เจ้ายังมีแรงอยู่ไหม ที่นี่มีแพชูชีพอยู่ วางแพชูชีพลงไปในน้ำแล้วเราก็จะมีชีวิตรอด”
ดวงตาของหมันเอ๋อเต็มไปด้วยโอกาสของการมีรอดชีวิต นางลุกขึ้นไปได้หนึ่งก้าวพยายามที่จะยืนขึ้น แต่นางกลับไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง ล้วนล้มลงกับพื้นอย่างแรง ยิ่งทำให้บาดแผลของนางรุนแรงขึ้น
หยวนชิงหลิงรู้ว่านางมาถึงขีดจำกัดแล้ว คงไม่สามารถที่จะช่วยนางปล่อยแพชูชีพได้อีก
นางกัดฟันแล้วยืนขึ้น ถือมีดสั้นเดินด้วยความยากลำบาก เท้าของนางเปียกโชกไปด้วยน้ำ นางเดินเซไปมาสองก้าว มีคลื่นลูกหนึ่งซัดมา แต่คลื่นไม่สูง ซัดเข้าที่เข่าของนางเท่านั้น นางที่ได้รับบาดเจ็บที่เท้าอยู่แล้ว ไม่สามารถต้านทานแรงซัดนี้ได้จึงล้มลง
ในใจนางไม่เคยมีความสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน นางไม่อยากตาย นางยังตั้งท้องอยู่ นางต้องการที่จะเห็นลูกเกิดออกมา
นางกัดฟันพยายามคลานไปข้างหน้า ร่างกายที่เปียกไปด้วยน้ำที่เย็นยะเยือก เย็นเข้ากระดูก นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ผมยุ่งเหยิงบังตา เรือชูชีพอยู่ตรงหน้านางแค่เอื้อมมือ แต่นางจะเอาแรงที่ไหนมาปล่อยแพชูชีพ แม้แต่นางจะตัดเชือกที่มัดแพชูชีพก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ข้างหู เขาได้ยินเสียงฉู่หมิงชุ่ยที่ตะโกนด้วยความหวาดกลัวว่า “ข้าไม่อยากตาย รีบช่วยข้า ช่วยข้าด้วย”
หยวนชิงหลิงหันไปมองดู เห็นฉู่หมิงชุ่ยที่วิ่งโซซัดโซเซเข้ามา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเลือดเหมือนกับวิญญาณชั่วร้าย
นางล้มลงตรงเท้าของหยวนชิงหลิง ลากเท้าของหยวนชิงหลิง และดึงอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าทิ้งข้า เจ้าพาข้าไปด้วย หยวนชิงหลิงพาข้าไปด้วย … “
หยวนชิงหลิงออกแรงเตะนางอย่างแรง พยายามที่จะเตะนางออกไป แต่ฉู่หมิงชุ่ยมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเอาชีวิตรอด ถึงหยวนชิงหลิงจะเตะหน้านาง นางก็ไม่ยอมปล่อย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจกลัว
หยวนชิงหลิงโดนนางพัวพันจนไม่มีแรง ทรุดตัวลงบนดาดฟ้า มองดูเรือชูชีพที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็เอามาใช้ไม่ได้
ร่างกายของนางทั้งหนาวทั้งเจ็บ ในใจทั้งเหน็บหนาวทั้งหวาดกลัว กลิ่นคาวของแม่น้ำเข้าจมูกของนาง ทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้
หมันเอ๋อคลานไปด้วยข้อศอกของเขา ใช้หมัดต่อยเข้าที่หัวฉู่หมิงชุ่ยด้วยแรงทั้งหมดที่มี ฉู่หมิงชุ่ยยิ่งเจ็บปวดยิ่งทำให้นางคลานไปข้างหน้าอีกครั้ง และใช้ร่างกายของนางทับลงบนขาของหยวนชิงหลิง
น่องของหยวนชิงหลิงได้รับบาดเจ็บ การทับครั้งนี้ของนาง ทำให้ร่างกายของหยวนชิงหลิงสั่นสะท้าน ความเจ็บปวดนี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งรูขุมขนของร่างกายนางราวกับสายฟ้าฟาด
เจ็บปวด แต่ก็เป็นพลังที่แข็งแกร่ง
นางคำรามออกมา งอขาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บออกมาแล้วถีบไปที่ไหล่ของฉู่หมิงชุ่ยอย่างแรง เป็นแรงผลักให้นางเลื่อนไปข้างหน้า นางชูมีดสั้นในมือขึ้น แล้วฟันไปที่เชือกของเรือชูชีพ
ฟันลงไปครั้งนี้ ตัดขาดไปเพียงแค่ครึ่ง หยวนชิงหลิงมองเห็นถึงความหวัง หายใจเข้าลึกๆ แล้วฟันต่อไปอย่างแรง แต่ในการกระทำที่รีบร้อนแบบนี้ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น มีดสั้นมักจะลื่นไถล ด้วยความพยายามออกแรงในที่สุดก็ตัดเชือกขาด
นางผลักแพชูชีพไปข้างหน้า แต่ด้วยแรงของนางในตอนนี้ มันจะง่ายขนาดนั้นหรือที่จะผลัดแพลงไป
ตัวเรือส่งเสียงแตกหัก แม่น้ำไหลเข้าอย่างรวดเร็ว เสียงอื้ออึงก้องในหูของนาง ราวกับว่าเสียงทั้งหมดในโลกอยู่ตรงหน้านาง
นางรู้ว่าเมื่อเรือจม นางกับหมันเอ๋อจะถูกดึงลงไป ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนมาได้อีกตลอดไป
นางหันมาตบน้ำ ดันศอกขึ้นแล้วตะโกนบอกหมันเอ๋อว่า “หมันเอ๋อ เจ้าจะตายที่นี่ไม่ได้ ลุกขึ้นมาช่วยฉันที”
หมันเอ๋อที่ทรุดตัวลงนอน ข้างหน้ามีแต่ความมืดสนิท แต่คำพูดของหยวนชิงหลิงที่ก้องอยู่ในหูของนาง นางจึงลืมตาขึ้นทันที คำรามขึ้น เหยียบเท้าลุกขึ้นแล้วรีบไปช่วยพลิกแพ และผลักไปด้านหน้า แพชูชีพจึงถูกเลื่อนออกไป
หยวนชิงหลิงเตะฉู่หมิงชุ่ยออกไป พยายามที่จะลุกขึ้นพยุงหมันเอ๋อ เดินโซเซขึ้นไปบนแพชูชีพ เมื่อฉู่หมิงชุ่ยเห็นเช่นนั้นก็วิ่งโซซัดโซเซเข้ามา กระโดดขึ้นไปบนแพชูชีพ
ทั้งสามคนหมดซึ่งกำลัง แต่เรือกำลังจม หากไม่รีบพายออกไปโดยเร็ว แพชูชีพก็จะถูกดูดเข้าไป
เพื่อความอยู่รอดฉู่หมิงชุ่ย นอนตะแคงข้างและพายเรืออย่างแรง ทั้งทิศทางและกำลังแรงเป็นไปในทางเดียวกันเพื่อให้เรือชูชีพสามารถลอยออกจากช่วงวงของการดูดของเรือใหญ่ได้
หยวนชิงหลิงนอนอยู่บนแพชูชีพ เฝ้าดูเรือจมลงอย่างช้าๆ และในที่สุดกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นดูดกิ่งไม้ขยะที่อยู่รอบๆ
หมันเอ๋อได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสและสลบไปในที่สุด
ฉู่หมิงชุ่ยหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่ ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นไปหาหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงที่นอนอยู่ไม่ทันได้ระวังตัวใดๆ ไม่คิดว่านางจะลงมือ
“หยวนชิงหลิง เจ้าไปตายซะ!” ฉู่หมิงชุ่ยคำรามด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น ใบหน้าดุร้าย มือสองข้างที่เหมือนกรงเล็บปีศาจของนางบีบเข้าที่คอของหยวนชิงหลิง
นางคลุ้มคลั่งไปทั้งตัว คราบเลือดที่แตกระแหงเหมือนพื้นดิน เลือดสดๆไหลออกมา นางดูน่ากลัวอย่างสุดจะพรรณนา
หยวนชิงหลิงได้ใช้กำลังทั้งหมดของร่างกายจนหมดแล้ว ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย ลมหายใจของนางค่อยๆหายไป สมองของนางวิงเวียนเป็นพักๆ ความมืดมนลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้านาง
มีอาวุธลึกลับแทงเข้าไปในท้องของฉู่หมิงชุ่ย
เลือดพุ่งออกมา นางคุกเข่าลง ค่อยๆ มองไปยังเลือดที่พุ่งออกมา เอื้อมมือออกไปลูบ แล้วเอามือกุมไว้อย่างตื่นตระหนก
ร่างหนึ่งตกลงมาจากฟ้าลงบนเรือชูชีพ
ชุดคลุมสีฟ้า ชายชุดของเขาถูกม้วนขึ้น ราวกับเทพแห่งความตายกำลังมาถึง ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความเย็นชา และใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความเจ็บปวด
เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นเขา นางก็ถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก หายใจสะดวกขึ้น ความเจ็บปวดตรงหน้าอกของนางก็ค่อยๆ คลายลง ความมืดได้เข้าปกคลุม นางค่อยๆ หลับตาลง
นิ้วเรียวที่เย็นเฉียบของเขาสัมผัสลูบลงบนใบหน้าของหยวนชิงหลิง มืออีกข้างอุ้มนางไว้
พบว่านางมีแผลทั่วร่างกายดั่งกับตายไปแล้วเสียอีก หยู่เหวินเห้าอยากจะทุบร่างของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าออกเป็นเสี่ยงๆ
เขามองดูฉู่หมิงชุ่ยค่อยๆล้มลงด้วยสายตาที่เย็นชา เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฉู่หมิงชุ่ย หากเจ้าไม่ตายในวันนี้ ข้าจะคิดบัญชีนี้กับเจ้าเอง”
ฉู่หมิงชุ่ยตกลงบนแพชูชีพและมองไปยังเขาอยู่แบบนั้น มุมปากมีเลือดไหลออกมา นางเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากอยากที่จะมองเขาอย่างชัดเจน แต่นางกลับพูดขึ้นอย่างไม่เสียใจว่า “น่าเสียดาย ข้า…ยังฆ่านางไม่สำเร็จ”
นางยิ้มอย่างเยือกเย็น หัวเราะอย่างหมดหวัง น้ำตาร่วงหล่น สีแดงก่ำที่มุมปากไหลคดเคี้ยวลงมา
หยู่เหวินเห้าอยากที่จะฆ่านางตรงนี้เลย แต่คนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นลมหายใจของนางช่างแผ่วเบาเหลือเกิน
เรือใหญ่แล่นมาหยุดอยู่ข้างแพชูชีพ
สวีอีกับกู้ซือรีบเหาะข้ามน้ำอย่างรวดเร็ว หยู่เหวินเห้าอุ้มหยวนชิงหลิงใช้วิชาตัวเบาเหาะข้ามไป
บนเรือ อ๋องซุน อ๋องเว่ย ยังมีองครักษ์ลับผีที่สวมผ้าปิดหน้าอยู่ที่นั่นทั้งหมด
หมันเอ๋อและฉู่หมิงชุ่ยก็ถูกส่งไปเช่นกัน ลมหายใจของฉู่หมิงชุ่ยค่อยๆหายไป แต่นางพยายามหายใจอย่างหนัก สายตามองหาร่างของหยู่เหวินเห้า พึมพำพูดขึ้นว่า “พี่เห้า ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย … “
องครักษ์ลับผีนำยารักษาบาดแผลติดตัวมาด้วย เพราะยังไงฉู่หมิงชุ่ยก็เป็นคนของตระกูลฉู่ ดังนั้นองครักษ์ลับผีจึงให้ยารักษาอาการบาดเจ็บแก่นางก่อน เพื่อให้นางมีชีวิตอยู่แล้วส่งตัวให้โสวฝู่ฉู่เป็นคนจัดการลงโทษ