บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 338
โสวฝู่ฉู่ไม่ได้ถามต่อ เหมือนกับว่าเขาได้ยินว่ารู้เบาะแสก็พอใจแล้ว
เขาดื่มชาพุทราไปอีกคำหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมาพูดกับแม่นมสี่ “ดื่มแต่ชา ท้องจะว่าง ไม่สู้เจ้าไปทำอะไรมาให้กินหน่อยได้หรือไม่ ”
แม่นมสี่พูดว่า “ได้ ท่านคุยกับท่านอ๋องไปก่อน ข้าจะไปทำของกินมาให้”
โสวฝู่ฉู่พูดว่า “พูดจบแล้ว”
เขาหยิบเอาแก้วกับกาน้ำชาเดินออกไป “ไปทำของกินเถอะ”
แม่นมสี่นิ่งอึ้ง พูดจบแล้วหรือ
หยู่เหวินเห้าเดิมคิดว่าเขาจะถามเรื่องฉู่หมิงชุ่ยอีก คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่พูดอะไรอีก รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
แม่นมสี่เดินออกไปพร้อมกับโสวฝู่ฉู่ โสวฝู่ฉู่เอ่ยเสียงต่ำว่า “ท่านอ๋องของเจ้าจะโชคร้ายแล้ว”
แม่นมสี่สะดุ้งเฮือก “โชคร้าย โชคร้ายเรื่องอะไร ท่านอย่าทำให้ข้ากลัวนะ”
โสวฝู่ฉู่พูดว่า “ไม่ได้ขู่ให้กลัว เป็นเรื่องจริง”
“ท่านรีบพูดมาเถอะ โชคร้ายเรื่องอะไร”แม่นมรั้งตัวเขาเอาไว้
ดวงตาของโสวฝู่ฉู่ดูลึกล้ำเหมือนท้องฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุด“ห่อเกี๊ยวเป็นหรือไม่ ”
“ห่อเป็น”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปห่อเกี๊ยวมาก่อน ข้ากินแล้วจะบอกเจ้า หิวแล้ว พูดไม่ออก”
แม่นมสี่พูดด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก “ห่อเกี๊ยวเสร็จแล้วหากท่านยังไม่ยอมพูด คราวหน้าท่านก็อย่าได้มาอีก”
พูดจบ ก็ก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆไปยังห้องครัว
เกี๊ยวอร่อยมาก โสวฝู่ฉู่วางตะเกียบลง แม่นมสี่รีบถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนใจว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
โสวฝู่ฉู่ดื่มชาอึกหนึ่ง เอ่ยอย่างสบายใจว่า “ใช้ได้ แค่ว่าเค็มไปนิด”
แม่นมสี่โมโหจนนิ่งอึ้ง “ข้าถามเรื่องท่านอ๋อง ท่านบอกว่าท่านอ๋องจะโชคร้าย โชคร้ายเรื่องอะไรกัน ”
“ฮ่องเต้จะให้เขาพักงาน ”
แม่นมสี่พูด “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว ตอนนี้ก็พักงานอยู่มิใช่หรือ”
โสวฝู่ฉู่ร้องหาหนึ่งเสียง เอ่ยอย่างตกใจว่า “เจ้ารู้แล้วหรือ ”
แม่นมสี่ค้อนให้เขา “นี่ท่านมาหลอกกินหลอกดื่มหรอกหรือ”
โสวฝู้ฉู่จากไปอย่างได้ใจ
แต่ว่า ตอนที่ไป ยังพึมพำคำหนึ่ง อ๋องฉู่จะโชคร้ายจริงๆ
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงไปเยี่ยมอ๋องฉีที่จวนอ๋องซุน
จวนอ๋องฉีได้ทำความสะอาดแล้ว แต่การดำเนินการก่อสร้าง แม้จะเร่งการทำงานทั้งวันทั้งคืน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีจึงจะแล้วเสร็จได้
ฉะนั้น อ๋องฉีจะต้องอยู่ที่จวนอ๋องซุนหนึ่งปี หรือไม่ ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่จวนอ๋องฉู่หนึ่งปี
องค์ชายที่เข้าวัยผู้ใหญ่แล้ว จะอยู่ในวังไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจะกลับไปในวังก็ไม่ได้ นอกเสียจาก เขาจะถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท จะสามารถอาศัยอยู่ในตำหนักบูรพาตงกงได้
ความคิดของฮ่องเต้หมิงหยวนคือให้เขาพำนักอยู่ที่จวนอ๋องซุนหรือไม่ก็หาจวนอื่นๆข้างนอกอยู่ไปก่อนชั่วคราว ดีที่สุดคืออย่าไปที่จวนอ๋องฉู่
ความคิดของฮ่องเต้หมิงหยวน ทุกคนต่างเข้าใจดี ตอนนี้จวนอ๋องฉู่นั้นเป็นที่จับตามองอยู่มากแล้ว ยังจะมีสายเลือดของฮ่องเต้ไปอยู่อีกคนหนึ่ง เกรงว่าจะยิ่งไม่ได้รับความสงบสุข
อ๋องฉีถูกลวกที่ขาจนบาดเจ็บ หยวนหย่งอี้กำลังดูแลเขา
อ๋องฉีอารมณ์ไม่ดี ตอนที่หยู่เหวินเห้ามา เขาลากตัวหยู่เหวินเห้าไปถามทันที “ก่อนนางจะตาย ได้พูดอะไรหรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “แม้ตายก็ไม่สำนึกผิด”
“ไม่พูดถึงข้าสักนิดเลยหรือ ”อ๋องฉีดูดุร้ายอยู่บ้าง
“ไม่พูด ”หยู่เหวินเห้ามองเขา “เจ้าหวังให้นางพูดอะไร รู้สึกผิดต่อท่านหรือ”
อ๋องฉีส่ายหน้า ในสายตามีแววโมโหตกตะกอนอยู่ชั้นหนึ่ง “ข้าแค่อยากรู้ ทำไมนางต้องอยากให้ข้าตาย ”
“นี่ยังมองเห็นไม่ชัดหรือ ก็ท่านจะทิ้งนางนี่นา ”หยวนหย่งอี้พูดแทรกขึ้น
อ๋องฉีเงยหน้าขึ้นมองหยวนหย่งอี้แวบหนึ่ง พูดอย่างอารมณ์เสียว่า “เลิกร้าง”
“สำหรับนางแล้วก็คือการทอดทิ้ง ไร้เยื่อใยเช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยท่านจะได้ลืมนาง” หยวนหย่งอี้พูด
อ๋องฉีหลุบตาลง “ลืมไปนานแล้ว ”
หยวนหย่งอี้ไม่อยากมองเขาให้ทะลุปรุโปร่ง ถ้าหากเขาปล่อยวางความรู้สึกดีๆที่เคยมีได้อย่างง่ายดายจริงๆ ก็คงไม่ใช่อ๋องฉีแล้ว
อ๋องฉีรู้ว่าหยวนหย่งอี้ไม่เชื่อ เขาพูดว่า “ข้าแค่ไม่เข้าใจ ทำไมพวกเราจึงมาถึงขั้นที่เกลียดจนอยากจะให้อีกฝ่ายตาย นี่มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก ทุกสิ่งสามารถโหดร้ายกับมันได้ มีเพียงความรู้สึก ที่ข้าคิดว่าไม่สมควรทำเช่นนี้ ”
หยวนหย่งอี้เอ่ยปลอบว่า “ตอนนั้นท่านก็แค่ฝันร้าย ใครบ้างในช่วงวัยเยาว์จะไม่เคยพบเจอคนไม่ดีมาก่อน ”
อ๋องฉีก็คิดเช่นนั้น ก็แค่ฝันร้ายในตอนนั้น แต่ว่าฝันร้ายนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง
ตอนที่เขาหนีออกจากกองไฟ หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วหยวนหย่งอี้ก็บอกกับเขาว่า เป็นฉู่หมิงชุ่ยที่คิดจะวางเพลิงฆ่าเขา เขารู้สึกสยองขวัญมาก
เขารู้สึกว่าระหว่างสามีภรรยา หากไม่มีความแค้นเรื่องเข่นฆ่าบิดามารดา ก็ไม่สมควรทำถึงขั้นนี้
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าเขาต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะกลับมามีสภาพจิตใจที่เป็นปกติ ตอนนี้ปล่อยให้เขาอาลัยอาวรณ์ความรู้สึกที่ตายไปแล้วก่อนเถอะ
หยวนชิงหลิงคุยกับอ๋องซุนและพระชายาเว่ยอยู่ข้างนอก
เป็นพระชายาซุนที่เห็นหยวนชิงหลิงมา จึงได้สั่งให้คนไปรับพระชายาเว่ยมาด้วย เพราะว่าพระชายาร่างกายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากจะให้หยวนชิงหลิงช่วยตรวจดู
หยวนชิงหลิงตรวจให้นาง ความดันค่อนข้างต่ำ เห็นทีจะเป็นเลือดจาง และดูอารมณ์ของนางจะหม่นหมอง ตั้งแต่เดินเข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ นางยังไม่พูดจาเลยสักคำ เพียงแต่กำถ้วยชาเอาไว้ในมืออย่างเหม่อลอย หยวนชิงหลิงถามนางหนึ่งคำ นางก็ตอบหนึ่งคำ
พระชายาซุนรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องของอ๋องเว่ยกับกู้จือ จึงเอ่ยปลอบใจไปว่า “ฟ้าจะถล่มก็ตามที เจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของเจ้าแล้ว รู้หรือไม่ ”
พระชายาเว่ยฝืนยิ้ม “ข้ารู้แล้ว ขอบพระทัยพี่สะใภ้รองมาก”
สีหน้าของนางค่อนข้างซีดขาว แววตาก็ค่อนข้างอ่อนล้า
พระชายาเว่ยหน้าตางดงามมาก แต่ไม่ได้งามล่มเมืองเช่นนั้น แต่งามราวกับดอกลิลลี่ที่บานสะพรั่งอยู่กลางหุบเขา ดูสะอาด บริสุทธิ์ มีความเรียบร้อยอีกหลายส่วน มองนางแล้ว ทำให้หยวนชิงหลิงคิดถึงดาราคนหนึ่งที่ชื่อว่าเฉินหง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามตามแบบฉบับโบราณเหมือนกับเฉินหง
แค่ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้คนอื่นมีความรู้สึกหวั่นไหวปวดใจประมาณนั้น
เสียดาย ที่อ๋องเว่ยไม่รู้จักทะนุถนอม เขาก็แค่เคยรักทะนุถนอม ตอนนี้ก็ไปเอาใจใส่ผู้หญิงอีกคนแล้ว
มองจากภายนอก พระชายาเว่ยนั้นงดงามกว่าคนเก่ามากนัก แทบจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำไป
พระชายาซุนดึงมือของนางเอาไว้ เอ่ยอย่างเจ็บปวดใจว่า “เจ้าอย่าเอาแต่ทำหน้าเช่นนี้เลย ผู้ชายไม่ชอบมองหญิงสาวที่เอาแต่ขมวดคิ้วถอนหายใจหรอกนะ ”
พระชายาเว่ยส่ายหน้า “เขาจะชอบมองหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับข้านี่นา ข้าไม่ได้ร้องไห้ให้เขาดู หัวเราะก็ไม่ได้อยากให้เขาดูเช่นกัน ”
พระชายาซุนอึ้ง “แล้วเจ้าเป็นถึงขนาดนี้เพราะอะไรกัน ”
พระชายาเว่ยเหลือบตาขึ้นมา สายตาของนางเหมือนมีหมอกจางๆทาบทับอยู่ชั้นหนึ่ง “ข้าแค่เสียใจเพราะลูกของข้าที่ตายไปแล้ว ตอนนี้แม้แต่ตอนหลับตา ก็ยังได้ยินเสียงเขากำลังร้องไห้ ”
พระชายาซุนถอนหายใจ “เจ้ากับเด็กคนนี้ไม่มีวาสนาต่อกัน รอให้ร่างกายเจ้าแข็งแรงดีแล้ว เจ้าก็จะมีโอกาสเอง”
“คงไม่ใช่คนนั้น”พระชายาเว่ยถอนหายใจเบาๆ แค้นยิ้มออกมา “ช่างเถอะ วันนี้ยากมากที่พระชายาฉู่จะอยู่ตรงนี้ด้วย พวกเราพี่สะใภ้น้องสะใภ้มาพูดคุยกัน อย่าพูดเรื่องที่ไม่สบายใจเลย ”
นางยื่นมือออกไปลูบผม แขนเสื้อเลิกขึ้น เผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่ข้อมือ
นางเองก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ รีบเอาแขนลงมาทันที
พระชายาซุนตกใจ รีบดึงมือนางเอาไว้ทันที ดึงแขนเสื้อขึ้น บนข้อมือนางมีรอยแผลสามสี่แผล หนึ่งในนั้นยังเป็นแผลใหม่ ดูแล้วเหมือนเลือดเพิ่งจะหยุดไหล
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”พระชายาซุนเห็นแล้ว ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ตำหนิเสียงดุ
พระชายาเว่ยดึงมือกลับไป มุมปากมีรอยยิ้มซีดเซียวผุดขึ้น “ไม่เป็นไร มีเลือดไหลนิดหน่อยเท่านั้น ”
พระชายาซุนเห็นนางยังคงทำสีหน้าราวกับไม่ใส่ใจ ก็อดไม่ได้ที่จะโมโหจนเต้นเร่าๆ “นี่ไม่เกี่ยวกับเป็นหรือไม่เป็นอะไร เพื่อนางสนมคนเดียว เจ้าต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ เพิ่งจะบอกกับเจ้าไปหยกๆ ชีวิตนี้เป็นของเจ้า เจ้ายังไม่ดูแลรักษาดีๆ ไม่ได้ ข้าจะไปหาเจ้าสาม นี่มันจะมากไปแล้ว”
พูดจบ ก็จะเดินออกไปข้างนอกทันที
พระชายาเว่ยรีบลุกขึ้นขวางนางเอาไว้ทันที “พี่สะใภ้รอง อย่าไปเลย”