บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 340
เห็นได้ชัดว่า พระชายาเว่ยนั้นเป็นคนที่กระตือรือร้นคนหนึ่งเลย
ข้างกายนางไร้คนสนับสนุน กระทั่งชีวิตนางยังต้องเผชิญกับการโจมตีอยู่เสมอ แต่ยังสามารถใช้ปัญญาและจิตใจเช่นนี้ในการมองเรื่องราวของอ๋องเว่ยกับกู้จือ
ถือว่าเป็นสุดยอดคนที่ภายนอกดูอ่อนแอแต่ภายในแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
คนส่วนมากล้วนคิดว่า คนที่จิตใจแข็งแกร่งนั้นจะไม่มีโรคภัยเกี่ยวกับอารมณ์และจิตใจ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น การเกิดโรคซึมเศร้านั้นมาจากสาเหตุหลายประการ เหมือนอย่างที่นางเป็น ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างกะทันหันแล้วทำให้เกิดโรคนั้นพบบ่อยมาก แต่ว่า หลังจากนั้นเป็นแล้ว ก็ไม่ได้ปล่อยให้โรคนั้นกำเริบตามใจ และยังคงสู้กับโรคอย่างเต็มกำลัง
เพียงแต่ จะเป็นโรคซึมเศร้าจริงหรือไม่นั้น ยังต้องทำการตรวจในขั้นตอนต่อไปอีก
ฉะนั้น ก่อนนางจะไป ก็ได้พูดกับพระชายาเว่ยว่า “พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงชมหิมะ หวังว่าท่านจะมาร่วมด้วย”
พระชายาเว่ยมองไปทางพระชายาซุน พระชายาซุนรีบพูดขึ้นว่า “ข้าต้องไปแน่”
พระชายาเว่ยยิ้มบางๆพร้อมกับพูดว่า “ได้ ข้าจะไป”
หลังจากหยวนชิงหลิงไปแล้ว ก็สั่งให้คนส่งจดหมายไปให้พระชายาซุนฉบับหนึ่ง บอกให้นางไม่ต้องมาในวันพรุ่งนี้ นางอยากจะคุยเป็นการส่วนตัวกับพระชายาเว่ย
พระชายาซุนเป็นคนที่รู้จักแยกแยะ จึงตอบกลับไปว่าทราบแล้ว
หยู่เหวินเห้านั้นไม่ค่อยอยากจะให้หยวนชิงหลิงเข้าไปยุ่งเรื่องไม่ดีของบ้านเจ้าสามนัก พูดว่า “ขุนนางซื่อสัตย์ยากจะตัดสินเรื่องในบ้าน เจ้าสามทำเช่นนี้นั้นแน่นอนว่าไม่ถูกต้อง แต่ว่า เขายืนยันที่จะทำ พวกเราก็ยุ่งไม่ได้”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ข้าไม่ได้ยุ่งเรื่องในบ้านเขา เพียงแต่อยากจะคุยกับพระชายาเว่ยเท่านั้น นางอารมณ์ไม่ค่อยดี ข้าที่เป็นสะใภ้ร่วมบ้าน แค่ปลอบใจก็คงทำได้”
ตอนนี้หยู่เหวินเห้านั้นรู้สึกระแวงไปหมด “เจ้าสามกับเจ้าสี่ไปมาหาสู่และใกล้ชิดกันมาก ถ้าเป็นไปได้เจ้าก็อย่าไปยุ่งเลย แต่ว่าในเมื่อครั้งนี้ได้นัดกันไว้แล้ว ก็ต้อนรับกันไปเถอะ ครั้งหน้าอย่าให้มีอีกเลย ”
หยวนชิงหลิงถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าสามกับเจ้าสี่ไปมาหาสู่กันบ่อย แล้วเป็นอย่างไร ”
หยู่เหวินเห้ากอดไหล่นางพาเดินไปข้างหน้า “เจ้าสามกับเจ้าสี่ใกล้ชิดกัน ถ้าหากพวกเราก็เข้าใกล้พวกเขาด้วย เสด็จพ่อจะหาว่าพวกเรากำลังรวบรวมสมัครพรรคพวก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยก็เท่านั้น”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยนั้นมันก็จำเป็น แต่ว่า คำพูดของเจ้าห้า เหมือนจะมีเลศนัยบางอย่าง
ทว่า ตอนนี้นางได้เรียนรู้การไม่สืบสาวราวเรื่องแล้ว
ช่วงเย็น ไท่ซ่างหวงให้คนเอายาบำรุงครรภ์มาให้ ยาดีๆหลายขนานนั้นซ้ำกับของที่พระชายาจี้ส่งมาให้ หยู่เหวินเห้าได้ให้หมอหลวงเฉาทำการตรวจดูยาบำรุงครรภ์ต่างๆที่พระชายาจี้ส่งมาให้ หลังจากหมอหลงเฉาทำการตรวจดูแล้ว ก็ยืนยันว่าไร้ปัญหา สามารถกินได้
หยู่เหวินเห้าก็พูดกับหยวนชิงหลิงว่า “ไม่น่าเชื่อ พระชายาจี้จะใจดีเช่นนี้”
“ที่จริงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ชีวิตนางยังอยู่ในมือข้า ตอนนี้แม้แต่ตอนไหว้พระนางยังต้องอธิษฐานเผื่อให้ข้านั้นเป็นสุขสบายดี ข้าแค่เป็นหวัดไอนิดหน่อยเกรงว่าจะทำให้นางต้องเป็นกังวลไปสองสามวันทีเดียว”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
หยู่เหวินเห้าก็หัวเราะ “เช่นนั้นก็ดี เพียงแต่ จวนอ๋องจี้ก็คงจะไม่สงบสุขนัก ฉู่หมิงหยางแต่งเข้าไปแล้ว ด้วยนิสัยของนาง มากสุดก็คงจะอยู่อย่างสงบได้ไม่ถึงครึ่งเดือน ”
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้อง ตอเป่าก็วิ่งตามเข้ามาด้วย หลบอยู่ที่มุมห้อง
หยวนชิงหลิงพูดว่า“เช่นนั้นท่านดูแล้ว พระชายาจี้กับฉู่หมิงหยางใครจะแพ้ใครจะชนะ ”
หยู่เหวินเห้าประคองนางให้นั่งลง “ด้วยวิธีการแล้ว ฉู่หมิงหยางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพระชายาจี้ แต่ว่า คนใหม่ได้รับความรักความเอาใจใส่มากกว่า ถ้าหากพี่ใหญ่ลำเอียง เช่นนั้นพระชายาจี้ก็อาจจะมีได้รับผลดีในชั่วขณะ แต่คงไม่ถึงกับแพ้จนลุกขึ้นใหม่ไม่ได้”
หยวนชิงหลิงนึกถึงเรื่องราวไม่ดีต่างๆในจวนอ๋องเหล่านั้น ช่างน่าปวดหัวจริงๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยตัวเองก็ได้อยู่อย่างสงบสุข
เพราะวันรุ่งขึ้นพระชายาเว่ยจะมาที่จวน หยู่เหวินเห้าจึงออกบ้านแต่เช้าเพื่อไปหาเหลิ่งจิ้งเหยียน
หยวนชิงหลิงให้คนเตรียมน้ำชาและของว่างไว้ที่ตำหนักอุ่น ผ่านไปชั่วครู่ ก็ได้ยินลู่หยามารายงานว่าพระชายาเว่ยมาถึงแล้ว
วันนี้พระชายาเว่ยสวมชุดขาว ชุดคลุมด้านนอกที่ทำจากผ้าซาตินยัดนุ่นอันหนาหนักนั้นห่อหุ้มร่างผอมบางเอาไว้ ชุดคลุมปักลายเมฆ นอกจากนี้ ก็ไม่มีการแต่งแต้มสีสันอะไรอีก
มวยผมขึ้นสูง ใช้หยกขาวแท่งหนึ่งปักผมเอาไว้ เป็นเพราะว่าต้องออกนอกจวน จึงเพิ่มปิ่นระย้าอีกหนึ่งอัน ที่ลำคอระหงมีสร้อยปะการังที่สีแดงสดใสดุจก้อนเมฆยามเย็นที่สะท้อนแสงอาทิตย์ ห้อยลงมายังชุดที่ขาวสะอาดบนร่าง ทำให้ใบหน้าซีดขาวดูมีสีสันขึ้นมาหลายส่วน
นางพาบ่าวรับใช้มาแค่คนเดียว ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรนัก แต่ค่อนข้างจะมีมารยาท ดูก็รู้ว่าต้องได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืนต้อนรับ พระชายาเว่ยมองไปรอบๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มสุภาพ “พี่สะใภ้รองยังไม่มาหรือ”
หยวนชิงหลิงพูดอย่างรู้สึกเสียดายว่า “เมื่อครู่นางให้คนส่งจดหมายมา บอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้มาไม่ได้แล้ว”
พระชายาเว่ยรับคำหนึ่งเสียง นั่งลง “น่าจะเป็นไข้กระมัง เมื่อวานก็บอกแล้วว่าเตาในห้องจุดน้อยไปหน่อย นางก็ยังดึงดันบอกว่าไม่หนาว ”
หยวนชิงหลิงมองนาง เห็นสีหน้านางแย่ยิ่งกว่าเมื่อวานอีกเล็กน้อย ก็ถามขึ้นว่า “เมื่อคืนนอนไม่หลับอีกแล้วหรือ”
พระชายาเว่ยยื่นมือออกไปนวดที่ขมับ “ปวดหัวมาก ไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน จนถึงเช้า เพิ่งจะได้งีบสักพัก”
หยวนชิงหลิงเห็นนางยกมือขึ้น เหมือนจะมีบาดแผลเพิ่มขึ้น ก็ถามอีกว่า “มีขึ้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่ ”
มือของพระชายาเว่ยชะงักไป ฝืนยิ้มออกมา “ทำไมจึงถามเช่นนี้ ไม่ได้มีเรื่องอะไรนี่นา”
หยวนชิงหลิงมองไปที่ข้อมือนาง “มือของท่าน มีแผลอีกแล้ว”
พระชายาเว่ยดึงแขนเสื้อลง ถอนหายใจเบาๆ “ช่วงนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งควบคุมตนเองไม่ได้แล้ว ทั้งที่รู้ว่ามีชีวิตอยู่มันก็ดี แต่ก็มักมีความคิดที่ไร้ประโยชน์ผุดขึ้นมาในหัวอยู่เสมอ ได้สั่งให้บ่าวรับใช้คอยช่วยดูแล้ว คิดไม่ถึงว่าเกือบจะเกิดเรื่องขึ้นอีก”
หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบาๆว่า “เมื่อวานข้าเคยถามท่านแล้ว นอกจากที่ข้าถามไป ยังมีอาการอะไรอีกหรือไม่ ”
พระชายาเว่ยเหลือบตาขึ้นมอง “ถ้าข้าพูดออกไป เกรงว่าจะทำให้เจ้าหัวเราะข้าเสียเปล่า ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ ถ้าท่านเชื่อข้า ก็บอกข้ามาเถอะ”
พระชายาเว่ยครุ่นคิด แต่ก็ยังคงยิ้มและส่ายหน้า “ก็ไม่มีอะไร ก็แค่นอนไม่หลับเท่านั้นเอง”
หยวนชิงหลิงไม่บังคับ ถ้าหากนางจะพูด ต้องเป็นตอนที่นางยินยอมหรือคิดอยากจะเล่าสู่กันฟังจริงๆ ถ้ายังดื้อดึงถามต่อไป อาจจะมีผลตรงข้าม ไม่ดีกับอาการของนาง
อีกอย่างนางกับพระชายาเว่ยก็ไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นนั้น สำหรับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง นางเลือกที่จะเก็บเรื่องราวไว้เองก็นับว่าถูกต้องแล้ว
หยวนชิงหลิงเอายาบางส่วนให้นาง พูดว่า “ยาเหล่านี้มีส่วนช่วยในเรื่องการนอนหลับ ท่านกินหนึ่งเม็ดก่อนนอนสักครึ่งชั่วยาม ยาเหล่านี้จะมีผลข้างเคียงอยู่บ้างเล็กน้อย เช่นพรุ่งนี้ตอนตื่นนอน ท่านจะรู้สึกง่วงงุน ไร้เรี่ยวแรง แต่อย่างน้อยก็จะทำให้ท่านหลับสบาย ”
พระชายาเว่ยดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของหยวนชิงหลิง เรียกบ่าวรับใช้มารับไปพร้อมขอบคุณ
หยวนชิงหลิงพูดว่า “จำไว้ท่านต้องกินนะ ยานี้มีประโยชน์ ข้ารู้ว่าบางทีท่านอาจไม่เชื่อใจข้า แต่จะลองดูก็ไม่เสียหาย คนเราถ้านอนไม่หลับ ร่างกายก็จะเหมือนเครื่องจักรที่มีปัญหา”
นางเอ่ยยิ้มๆว่า “ตั้งแต่นอนไม่หลับ เคยลองยามาหลายขนานแล้ว แต่ก็ไร้ผล พอนานไป ก็ไม่อยากจะเชื่อในผลของยาแล้ว กลางคืนดื่มเหล้าเสียหน่อย ให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย อย่างน้อยก็ได้นอนชั่วครู่ แต่ว่า พระชายาฉู่พูดเช่นนี้ คืนนี้ข้าต้องกินยาแน่ ถ้าหากนอนหลับจริง พรุ่งนี้จะมาขอบคุณท่าน ”
นางยังคงพูดอย่างมีมารยาทเสมอ ทำให้หยวนชิงหลิงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก คิดว่าคงเพราะพระชายาซุนก็ไม่ได้อยู่ด้วย พระชายาเว่ยก็ไม่มีหัวข้อจะสนทนา พูดเรื่อยเปื่อยไปไม่กี่คำ ที่สุดก็นั่งต่อไปไม่ไหว พระชายาเว่ยก็ลุกขึ้นกล่าวอำลา
วันรุ่งขึ้น พระชายาเว่ยไม่มา
ไม่รู้ว่ายาไม่ได้ผล หรือเพราะว่านางไม่ได้กิน
แต่ได้ยินพระชายาจี้พูดว่า จะมีการทำพิธีส่งศพฉู่หมิงชุ่ยวันนี้