บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 346
ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้มเย็น “ฆ่าตัวตาย เกรงว่าจะไม่ใช่ เรื่องราวภายในเป็นอย่างไร ข้าได้ยินมาหมดแล้ว ฉู่หมิงชุ่ยให้การสารภาพในคุก บอกว่าโสวฝู่ฉู่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เจ้าห้าจึงฆ่านาง ไม่ยอมให้นางขึ้นศาลเพื่อให้การ เพราะกลัวจะซัดทอดถึงโสวฝู่ฉู่”
มือทั้งคู่ของหยวนชิงหลิงดึงแขนเสื้อไว้แน่น ปลายนิ้วขาวซีด “เสด็จพ่อ ท่านเชื่อหรือ ท่านเชื่อจริงๆหรือว่าท่านโสวฝู่เป็นผู้บงการ”
““ข้าจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องหนึ่ง ที่ฉู่หมิงชุ่ยสารภาพก็เรื่องหนึ่ง อย่าเอามาพูดรวมกัน ไม่ว่าฉู่หมิงชุ่ยจะพูดอะไรออกมา เจ้าห้าฆ่านาง นั่นคือความจริง”
หยวนชิงหลิงมองฮ่องเต้หมิงหยวนตรงๆ นางเข้าใจแล้ว
ฮ่องเต้รู้ถึงจุดประสงค์ของเจ้าห้า เขาเองก็เชื่อว่าโสวฝู่ฉู่ไม่ได้เป็นคนทำ แต่ว่า เขาจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับนางหรือไม่ก็เจ้าห้าให้ทำเรื่องที่พวกเขาไม่ยินดีจะทำ
นางถอนหายใจหนักๆหนึ่งเสียง พูดว่า “เสด็จพ่อ เจ้าห้าเป็นลูกชายของท่าน เขาจะเป็นคนร้ายฆ่าคนตายหรือไม่ ก็อยู่ในการตัดสินใจของท่าน แต่ว่า หม่อมฉันสามารถยืนยันได้ว่าทุกสิ่งที่เขาทำนั้นก็เพื่อราชสำนัก เพื่อประเทศชาติ เขาไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ขอเสด็จพ่อตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้มบางๆ มองดวงตากลมโตสุกใสของนาง พูดว่า “อืม เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าอยากจะพูดกับเจ้า เพื่อขอความคิดเห็นของเจ้าด้วย ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเข้าสู่หัวข้อหลักในวันนี้แล้ว นั่งตัวตรง พูดว่า “เชิญเสด็จพ่อว่ามาเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนดูอบอุ่นเป็นกันเองอย่างมาก พูดว่า “เรื่องมันเป็นเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่ฮู่คอยเฝ้าอาณาเขตทางด้านทิศเหนือเสมอมา สร้างผลงานให้กับราชสำนักไม่น้อย หลายวันก่อนได้ให้ม้าเร็วส่งสารมา บอกว่าได้ทำลายกองโจรเร่ร่อนทางเหนือจนสิ้นซากแล้ว ข้าจึงแต่งตั้งให้เขาเป็นเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย บวกกับของกำนัลเพื่อเป็นการตอบแทน แต่ว่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไม่ต้องของกำนัลใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่หวังให้ข้าช่วยทำให้เขาได้สมปรารถนาหนึ่งเรื่อง”
หยวนชิงหลิงดวงตาไหววูบ คงไม่ใช่ว่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยคนนี้มีลูกสาวคนหนึ่ง……
และแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยมีบุตรหนึ่งชายหนึ่งหญิง แม่ทัพน้อยฮู่ได้แต่งงานไปแล้ว แต่ว่าลูกสาวปีนี้อายุสิบแปด คอยแต่ติดตามเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเฝ้าชายแดนทิศเหนือตลอดมา ทำให้เรื่องการแต่งงานล่าช้าออกไป เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยนั้นเคยช่วยเลี้ยงเจ้าห้ามาก่อน เขาชื่นชมในตัวเจ้าห้ามาก จึงได้ถามความคิดเห็นข้า อยากจะให้คุณหนูฮู่แต่งมาเป็นพระชายารองของเจ้าห้า แน่นอน เรื่องนี้ข้าต้องถามเจ้าก่อน ถ้าเจ้าเห็นด้วย ข้าค่อยไปคุยกับเจ้าห้า ”
ที่แท้ ล้วนเป็นกลอุบาย
หยวนชิงหลิงถอนหายใจในใจ จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ฉู่หมิงชุ่ยตายไปคนหนึ่ง ก็แต่งฉู่หมิงหยางเข้ามา ตอนนี้ยังจะมีคุณหนูฮู่อีกคน
มองดวงตาที่เคร่งขรึมแต่แฝงไปด้วยแววบีบบังคับคู่นั้นของฮ่องเต้หมิงหยวน หยวนชิงหลิงส่ายหน้าเบาๆ พูดว่า “เสด็จพ่อ หากท่านต้องการถามความคิดเห็นของข้า ข้าไม่เห็นด้วยแน่นอน ”
เหมือนฮ่องเต้หมิงหยวนจะคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ พูดว่า “อืม ข้าก็แค่ลองถามดู เจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็จะตอบปฏิเสธไป”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายดายเช่นนี้ นางยืนขึ้นย่อตัวคำนับ “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกลง“เจ้านั่งลงก่อน ข้ายังมีเรื่องจะพูดอีก ”
หยวนชิงหลิงนั่งลง มองเขา
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่า “เรื่องนี้ก็แค่เกริ่นให้เจ้ารู้ ที่เรียกเจ้าเข้าวัง ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เรื่องที่เจ้าห้าฆ่าฉู่หมิงชุ่ย เจ้าคิดว่า ข้าควรจะลงโทษเขาอย่างไรดี”
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงเบาว่า “เสด็จพ่อ ท่านเป็นพ่อของเขา ท่านว่าควรลงโทษอย่างไรก็ทำตามนั้น ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ จึงเงยหน้าขึ้นสั่งการมู่หรูกงกง “มู่หรู ถ่ายทอดคำสั่งของข้า ให้กู้ซือนำคนไปที่จวนอ๋องฉู่ นำตัวอ๋องฉู่ไปขังไว้ในคุกของกรมอาญา ให้กรมอาญาสอบสวนคดีนี้”
มู่หรูกงกงอึ้ง “ฮ่องเต้……”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสีหน้าเย็นชา “ไปสิ”
มู่หรูกงกงตอบรับเสียงหนึ่ง แล้วมองมาทางหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างระอาใจว่า “เสด็จพ่อ นี่ท่านกำลังบีบข้า เอาชีวิตของเจ้าห้ามาบีบบังคับข้า”
สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “บังอาจ”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่าตัวเองต้องคุกเข่าลง นางจับโต๊ะเอาไว้ค่อยๆลุกขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆคุกเข่าลง จิตใจยากจะสงบ น้ำเสียงจึงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “เสด็จพ่อโปรดให้อภัยด้วย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยเสียงดุว่า “หยวนชิงหลิง เรื่องรับพระชายารอง ข้าให้เกียรติเจ้าจึงได้มาปรึกษาเจ้า เจ้าไม่เห็นด้วย ข้าเองก็ไม่ได้บังคับ นี่เจ้าไม่สำนึกบุญคุณ ยังกล้าพูดจาสามหาวกับข้า เจ้ามีโทษฐานเนรคุณเชียวนะ”
หยวนชิงหลิงโกรธจนยากจะระงับได้ ลมที่จุกอยู่ในอก ถ้าไม่ได้ระบายออกไปคงไม่สบายใจ “เสด็จพ่อ ถ้าท่านให้เกียรติหม่อมฉันจริง ก็ไม่ควรจะพูดเรื่องแต่งพระชายารองในขณะที่หม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมเจ้าห้าต้องฆ่าฉู่หมิงชุ่ย ท่านเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านรู้สึกว่าเขาทำผิดหรือ เขาไม่ได้ทำเพราะราชสำนักหรืออย่างไร ถ้าหากฉู่หมิงชุ่ยขึ้นศาลให้การจริง ซัดทอดถึงโสวฝู่ฉู่ แม้ว่าสุดท้ายแล้วโสวฝู่ฉู่จะไม่ได้รับโทษทัณฑ์ใดๆ เขาย่อมมีวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ถ้าหากโสวฝู่ฉู่สืบสาวราวเรื่องต่อไป คนที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงปรากฏขึ้นมา จะไม่เป็นการทำร้ายจิตใจของเสด็จพ่อได้หรือ ความลำบากใจของเจ้าห้า เสด็จพ่อไม่เข้าใจเลยจริงหรือ ไฉนต้องเอาแต่หาเรื่องเขา ความลำบากที่เขาได้รับยังไม่เพียงพออีกหรือ เสด็จพ่อท่านช่างลำเอียงจริงๆ”
“บังอาจ”ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธมาก ตบไปที่โต๊ะ จนแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นไหวจนเกิดเสียงดังขึ้น
มู่หรูกงกงตกใจจนต้องรีบคุกเข่าลง “ฮ่องเต้ โปรดอภัย พระชายาก็แค่อารมณ์โกรธชั่ววูบ ท่านโปรดอภัยด้วย ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสีหน้าเขียวคล้ำ “อารมณ์ชั่ววูบ ราชวงศ์ไม่ดีต่อนางตรงไหน ถ้านางถูกบีบจนเกิดอารมณ์โกรธชั่ววูบ แล้วเรื่องที่จวนเจ้าหญิงวันนั้น ข้าได้คิดบัญชีกับนางหรือยัง เจ้าว่าข้าทำให้เจ้าห้าลำบากใจ แต่อย่าลืม เรื่องนี้เริ่มขึ้นเพราะเจ้า เพราะเจ้าทำให้เขาต้องลำบากไปด้วย ตอนนี้ได้กลายเป็นพระชายาฉู่อย่างถูกทำนองคลองธรรมแล้ว คิดว่าล้างมลทินได้แล้วหรือ หยวนชิงหลิง ข้าจะบอกเจ้าให้ ถ้าข้าจะรื้อฟื้นเรื่องเก่า พระชายาฉู่อย่างเจ้าคงได้ไสหัวกลับบ้านมารดาก่อนแล้ว”
เขาสั่งการ “เด็กๆ เอานางออกไป ขังเอาไว้ก่อน แล้วเรียกตัวอ๋องฉู่เข้าวัง”
นอกประตู มีทหารรักษาพระองค์เฝ้าอยู่นานแล้ว พอได้ยินคำสั่งของฮ่องเต้หมิงหยวน ก็รีบเข้ามาทันที
หยวนชิงหลิงคุกเข่าหลังตรง ยื่นมือออกมาค้ำไว้ที่เอวชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบเอาใบเป็นหนี้ออกมาจากแขนเสื้อ วางไว้บนพื้น จากนั้นก็หมอบลงไปกับพื้น “เสด็จพ่อยังจำใบเป็นหนี้นี้ได้หรือไม่ ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ “ทำไม คิดจะใช้ใบเป็นหนี้ให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อหาเนรคุณหรือจะใช้เพื่อให้เจ้าห้าหลุดพ้นจากข้อหาฆ่าคนตาย”
หยวนชิงหลิงนิ่งขรึมไปนาน จึงค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า “ขอเสด็จพ่อมีพระบัญชาให้เลิกร้างกับหม่อมฉันด้วย”
คำพูดสุดท้ายของฮ่องเต้หมิงหยวน ได้แสดงท่าทีได้อย่างชัดเจนแล้ว
ถ้าหากไม่ยินยอมให้คุณหนูฮู่คนนั้นแต่งเข้าบ้าน เขาก็จะใช้ข้อหาเนรคุณมาลงโทษนาง บีบให้เจ้าห้าต้องยอมศิโรราบ
ถ้าหากต้องให้หยู่เหวินเห้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากทั้งสอง ไม่สู้ให้ทำเหมือนที่นางพูด
นางรู้สึกว่าอย่างน้อยฮ่องเต้คงเห็นแก่ลูกในครรภ์ของนางบ้าง คงไม่ให้เลิกร้างกับนางจริงๆ มากสุดก็คงไล่นางให้กลับไปอยู่บ้านมารดาเท่านั้น
สายตาของฮ่องเต้หมิงหยวนเยือกเย็น ตำหนิว่า “ข้าได้ให้เจ้าเลือกทางที่ดีแล้ว เจ้ากลับทำตัวอวดฉลาด เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถอ่านใจข้าได้ทั้งหมดหรือ เพื่อเจ้าห้า ให้เจ้าถอยหนึ่งก้าวก็ไม่ยินดี เจ้าไม่ยินดีจะเสียสละ แต่ปากกลับบอกว่าจะปกป้องเจ้าห้า นี่ไม่เท่ากับทำประชดหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็กลับบ้านมารดาเจ้าไปเถอะ รอให้คลอดลูกแล้ว ข้าจะสั่งคนไปรับกลับมาเอง”
หยวนชิงหลิงยิ้มขึ้นมาทันที “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งการมู่หรูกงกง “เจ้าสั่งให้คนไปเรียกตัวอ๋องฉู่มาก่อน ค่อยส่งนางกลับจวน คอยดูนางเก็บข้าวของออกจากจวนด้วย ไม่อนุญาตให้นางพบหน้าอ๋องฉู่เด็ดขาด”