บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 350
เจ้าพระยาจิ้งนิ่งอึ้ง หันไปมองทางแม่นมสี่
ตอนที่แม่นมสี่เดินทางมา ก็จงใจแต่งตัวอยู่พักหนึ่ง สวมชุดผ้าไหมปักลายดอกไม้วงกลมสีม่วงเข้ม เส้นผมที่ขาวโพลน ถูกหวีเรียบขึ้นมัดเป็นมวยสูง ปักปิ่นหยกหรูอี้ ทำงานรับใช้อยู่ในวังมานาน ร่างนางจึงเต็มไปด้วยกระไอแห่งความน่าเกรงขาม
นางค่อยๆย่อตัวคำนับเจ้าพระยาจิ้ง “ท่านเจ้าพระยา ข้าได้เตรียมการไว้หมดแล้ว อยู่ในจวนหลังจากนี้ ข้าจะรับผิดชอบดูแลพระชายาเอง ไท่ซ่างหวงมีบัญชา อย่าได้กระทบเชื้อพระองค์ในครรภ์ ขอเจ้าพระยาให้ความร่วมมือด้วย”
เจ้าพระยาจิ้งรีบพูดว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ”
แม่นมสี่ดึงตัวอะซี่เข้ามา พูดว่า “นี่เป็นคนที่ฮูหยินเฒ่าตระกูลหยวนส่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนพระชายา อยู่ในอันดับที่สี่ ”
อะซี่เอ่ยอย่างสดใสว่า “คำนับท่านเจ้าพระยา”
“อ้อ ”เจ้าพระยาจิ้งมองอะซี่อย่างพิจารณา “ที่แท้ก็เป็นลูกสาวตระกูลหยวน”
เจ้าพระยาจิ้งสงสัย กลับมากลางดึกเช่นนี้ แล้วยังมีมู่หรูกงกงส่งมาด้วยตนเอง นางต้องไปก่อเรื่องอะไรไว้แน่ จึงถูกฮ่องเต้ลงโทษและกลับมาที่นี่
ที่เขาเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลาคือจะได้รับใบเลิกร้าง แต่โชคดี ตอนที่มูหรูกงกงจากไป ก็ไม่ได้เอาจดหมายอะไรออกมา
แต่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไร เขายังคงคิดว่ากลับบ้านมารดามาดึกขนาดนี้ คงต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่
แต่พอเห็นว่ามีคนของไท่ซ่างหวงตามมาดูแลนางด้วย ทางฝั่งตระกูลหยวนก็มีการส่งคนมาอยู่เป็นเพื่อน จึงไม่เหมือนถูกทิ้งแต่ประการใด
“ท่านเจ้าพระยา”แม่นมสี่เรียก
เจ้าพระยาจิ้งเก็บความคิดทั้งหมดกลับมา มองไปที่แม่นมสี่
แม่นมสี่ยิ้มและเอ่ยว่า “รบกวนท่านเจ้าพระยาให้คนจัดเตรียมสถานที่ด้วย นี่ก็ดึกมากแล้ว พระชายาควรพักผ่อนได้แล้ว”
เจ้าพระยาจิ้งสั่งการลงไป ให้หยวนชิงหลิงพักอยู่ที่หอสิงหนิง นี่เป็นที่ที่นางอยู่ก่อนแต่งงาน
เพราะดึกมากแล้ว คนในจวนก็นอนกันหมดแล้ว หยวนชิงหลิงจึงพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปคำนับฮูหยินเฒ่า
เจ้าพระยาจิ้งกลับห้องไป คืนนี้เขานอนอยู่ที่ห้องของภรรยาน้อยแซ่โจว
พูดคุยกับนางเรื่องนี้ คนแซ่โจวนิ่งอึ้ง พูดว่า “คงไม่ได้ถูกเลิกร้างหรอกนะ”
เจ้าพระยาจิ้งโบกมือ “น่าจะไม่ใช่ นี่ยังพาแม่นมในวังกลับมาด้วย ยังมีเด็กสาวจากบ้านตระกูลหยวนอีกคน บอกว่ามาอยู่เป็นเพื่อนนาง ตระกูลหยวนไม่ค่อยออกหน้านัก ถ้าหากถูกเลิกร้างกลับมา จะให้พวกนางมาด้วยทำไม อีกอย่าง ไม่มีหนังสือเลิกร้างด้วย”
คนแซ่โจวถอนหายใจ ประคองเขาขึ้นเตียง “ท่านเจ้าพระยา ทำไมท่านถึงได้เลอะเลือนนัก แม้จะเลิกร้างกันจริง แต่ในท้องยังมีเชื้อพระวงศ์อยู่ ย่อมต้องมีคนดูแล สังเกต อีกอย่างหนังสือเลิกร้างก็คงไม่ได้ให้ตอนนี้ ถ้าให้ตอนนี้ เช่นนั้นเด็กคนนี้จะเป็นอย่างไร เกรงว่าคลอดแล้วคงต้องเลิกร้าง ไม่เช่นนั้น ไหนเลยจะต้องกลับมากลางดึกเช่นนี้ ถ้าจะกลับมาพักผ่อนที่บ้านมารดาจริง พรุ่งนี้ค่อยมาก็ยังไม่สาย แล้วไยต้องให้กงกงในวังมาส่งด้วยเล่า ”
เจ้าพระยาจิ้งคิดว่านางพูดถูก จึงโมโหจนหนวดตั้ง เอ่ยอย่างโมโหว่า “ รู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์ ต้องมัดใจอ๋องฉู่ไม่ได้แน่ ไม่คิดเลยว่าตั้งครรภ์หน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์แล้วยังจะถูกเลิกร้างกลับมาอีก อกข้าจะแตกตายอยู่แล้ว”
คนแซ่โจวปลอบใจ “ท่านเจ้าพระยาอย่าโกรธไปเลย รีบหาทางให้ซวนเอ๋อได้แต่งงานเถอะ หากสามารถแต่งให้กับตระกูลเจ้าพระยา ยังจะสามารถช่วยสนับสนุนท่านได้อีกแรง”
เจ้าพระยาจิ้งเป็นกังวล “อย่าว่าแต่ซวนเอ๋อเลย แม้แต่ผิงเอ๋อก็ยังไม่รู้ว่าจะได้แต่งหรือไม่ ”
“ทำไมจะไม่ได้แต่งเล่า ไม่ใช่ว่าดูไว้หลายตระกูลแล้วหรือ ข้าดูแล้วก็ไม่เลวทั้งนั้น”
“ตระกูลนั้นไม่เลว ล้วนเป็นลูกหลานตระกูลขุนนางเก่า แต่ก็แค่ลูกหลาน ไม่มีใครเป็นขุนนางจริงๆสักคน เฮ้อ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ที่น่าเสียดายที่สุดคือเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง ถ้าตอนนั้นสามารถแต่งลูกสาวให้เจ้าพระยาหุ้ยติ่งได้ ไหนเลยจะมีเรื่องน่าปวดหัวเหมือนอย่างตอนนี้”
ทุกครั้งที่เจ้าพระยาจิ้งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็รู้สึกแค้นใจหยวนชิงหลิงทุกครั้ง
นางทำลายเรื่องงานแต่งของผิงเอ๋อกับเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง คิดว่าคงจะหาคนที่ดีกว่าได้ ก็ไม่เห็นจะมีความคืบหน้าอะไร จนตอนนี้ยังทำให้ตนเองถูกเลิกร้างกลับมาอีก เรื่องนี้แพร่ออกไป เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
เจ้าพระยาจิ้งก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ดวงซวยเช่นนี้
พูดตามหลักแล้วเขาก็เดินมาถูกทาง วางแผนให้ลูกสาวแต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ มีคนสูงศักดิ์อย่างฉู่หมิงชุ่ยคอยช่วยเหลือ จึงสำเร็จได้
ทางด้านเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง เรื่องหมั้นหมายก็คุยกันเสร็จสรรพแล้ว ดูแล้วเขาที่เป็นทั้งพ่อตาของอ๋องฉู่ และเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง ยังพอจะนับญาติผ่านการแต่งงานกับตระกูลฉู่ได้บ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่ได้อะไรเลย ลูกสาวกลับกลายเป็นของมือสองที่ถูกส่งคืนกลับมา ภายหน้ายังแต่งกับใครได้อีก ตระกูลสูงส่งบ้านไหนจะยินดียอมรับนาง
ช่างน่าสงสารคนเป็นพ่อเสียจริง
เจ้าพระยาจิ้งโมโหจนนอนไม่หลับทั้งคืน คิดว่าพรุ่งนี้จะรอให้หยวนชิงหลิงอยู่คนเดียวแล้ว ถามนางดูดีดี
หยวนชิงหลิงเองก็แทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน
เมื่อก่อนไม่คุ้นชินกับการมีอีกคนหนึ่งนอนข้างๆ แต่ตอนนี้ไม่คุ้นชินกับการไม่มีเจ้าห้านอนด้วย ความคุ้นเคยเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ
ด้วยนิสัยของเขา ไม่รู้ว่าเมื่อคืนได้ทำเรื่องอะไรไว้ในวังหรือไม่
เขาจะโทษนางที่ตัดสินใจเช่นนี้หรือไม่ น่าจะเป็นไปได้ เขาไม่ค่อยจะใส่ใจผู้อื่นนัก
คนคนนี้ ข้อเสียของเขา นอกจากนางแล้ว ยังมีใครสามารถทนได้
คุณหนูฮู่นั้นเติบโตที่ชายแดนทางเหนือ นิสัยก็คงไม่ได้อ่อนโยนขนาดนั้น ถ้าหากจะแต่งกับนางจริง หึหึ คิดถึงเรื่องที่เจ้าของร่างเดิมหยวนชิงหลิงต้องประสบพบเจอ เจ้าห้าไม่เคยมือไม้อ่อนกับนางเลย
แต่ว่า สถานการณ์ไม่เหมือนกัน
เดิมทีเจ้าของร่างเดิมหยวนชิงหลิงนั้นทำร้ายเขาอย่างอนาถ ท่าทีที่แสดงต่อเจ้าของร่างเดิมนั้น ไม่ใช่ท่าทีที่มีต่อภรรยา แต่เป็นท่าทีที่มีต่อศัตรู แน่นอนว่าต้องไร้เยื่อใย
แต่คุณหนูฮู่คนนี้แม้จะเป็นการบีบบังคับให้แต่งงาน ไม่ได้เป็นคนที่คิดจะทำให้เขาลำบาก พวกเขาคงไม่ถึงกับทะเลาะกันจนหาจุดจบไม่ได้
คิดถึงตรงนี้ ยิ่งทำให้นางนอนไม่หลับ
ที่จริงในใจรู้ดี ว่าเขาคงไม่แต่งกับคุณหนูฮู่
แต่ความจริงแล้วสถานการณ์ก็ไม่ต่างกับตอนนั้นมากนัก ตอนนั้นเขาจะไม่แต่งกับเจ้าของร่างเดิมหยวนชิงหลิงก็ได้ แต่เพราะแรงกดดันจากภายนอก ทำให้ต้องแต่งกันในที่สุด
ตอนนี้ เขาจะถูกแรงกดดันทำให้ต้องแต่งกับคุณหนูฮู่หรือไม่
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดถึงขนาดนี้ ไม่สู้ลุกขึ้นนั่งดีกว่า ยื่นมือไปลูบที่ท้อง “ถ้าพ่อเจ้าแต่งงานจริง พวกเราแม่ลูกก็ไปจากที่นี่ ให้เขาหาพวกเราไม่พบอีกเลย”
แม่นมสี่เดินฝ่าความมืดเข้ามา ถามเสียงเบาว่า “พระชายา นอนไม่หลับหรือ”
หยวนชิงหลิงจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแม่นมสี่นอนอยู่ที่เตียงอรหันต์ จึงเลิกม่านขึ้น พูดว่า “แม่นม ข้านอนไม่หลับ ท่านไม่ต้องสนใจข้า รีบเข้านอนเถอะ”
แม่นมสี่ถอนหายใจ เทน้ำร้อนให้นางหนึ่งแก้ว “ข้าเองก็นอนไม่หลับ คนแก่แล้ว ก็รู้สึกแปลกที่ ตอนที่เพิ่งออกจากวังมาอยู่ที่จวน ก็นอนไม่หลับหลายคืน”
หยวนชิงหลิงรับน้ำไป ค่อยๆดื่มไปคำหนึ่ง กำไว้ในมือ ผมยาวสลวยของนางทิ้งตัวลง สยายอยู่บนบ่าและบริเวณหน้าอก นางก้มหน้าเล็กน้อย มองแก้วแปลกตาที่ถืออยู่ในมือ พูดว่า “ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน ออกจากวังหรือยัง ”
“ตอนนี้น่าจะออกจากวังแล้ว นอกเสียจากจะอยู่ในวังของไท่ซ่างหวง ไม่เช่นนั้น เขาก็ไม่มีที่ให้ไป”แม่นมสี่ตบไหล่นางเบาๆ “พระชายาอย่าคิดมากเลย รีบนอนสักหน่อยเถอะ”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ข้ากลัวเขาจะใจร้อน เมื่อคืนตอนเจอกับเขา เดิมทีก็คิดจะบอกเขาเรื่องที่ข้าคิดอยู่ในใจ แต่มีมู่หรูกงกงคอยจ้องอยู่ ข้าก็กลัวว่าถ้าข้าพูดไปก่อน เขาจะโกรธไปตลอดทาง พอถึงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ก็สะกดไว้ไม่อยู่ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจข้าผิดหรือไม่ เขาคนนี้ขาดสติยั้งคิดได้ง่ายดายมาก”
แม่นมสี่ถามขึ้นว่า “พระชายา แล้วท่านคิดจะทำอย่างไร กลับบ้านมารดาเช่นนี้ เหมาะสมหรือไม่ ”