บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 352
เจ้าพระยาจิ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่สลบไปเป็นเวลานาน สิ่งที่เข้ามาในสายตายังคงเป็นใบหน้าที่อมทุกข์ของหยวนชิงหลิง
เขาเก็บความหวาดกลัวไว้ในใจ บัดนี้เหมือนถูกงูพิษกัดไปทั่วร่าง เขาสั่นไปชั่วขณะ ก็คว้ามือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ “ฉู่หมิงชุ่ยคนนั้นพูดเช่นนั้นจริงๆหรือ? ฮ่องเต้ทรงเกรี้ยวหนักมากเลยหรือ?”
หยวนชิงหลิงมองคนที่น่าสงสารที่อยู่ตรงหน้า กล่าว “ท่านพ่อ หากไม่ใช่เรื่องนี้ บัดนี้ข้าที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ฮ่องเต้จะสั่งให้ข้ากลับบ้านทำไม? ท่านรีบคิดหาวิธีสิ”
เจ้าพระยาจิ้งนอนพิงตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ยาว ปากกระตุกไปหลายที ตอนนี้ตายแน่ ฉู่หมิงชุ่ยคนนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ นางตายของนางเองก็ดีแล้ว ยังจะมาดึงคนในจวนเจ้าพระยาไปด้วย
ฮ่องเต้ต้องโกรธอย่างแน่นอน
เขาได้ปรายตามองท้องของหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง แค่สี่เดือน ท้องก็ใหญ่ขนาดนี้ กลมขนาดนี้ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง ไม่รอดแล้ว ไม่รอดแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เจ้าพระยาจิ้งท้อใจไปกว่าครึ่ง คิดถึงตัวเองที่พยายามทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการประจบประแจงเลียแข้งเลียขาให้ของกำนัลเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงและอำนาจกว่าค่อนชีวิต แต่แล้วก็ไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลย ความรุ่งโรจน์ของจวนเจ้าพระยาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในทางกลับกันกลับตกต่ำลงเรื่อยๆ
ตั้งแต่ที่เขาสืบทอดตำแหน่งเจ้าพระยา เขาก็ได้สาบานต่อหน้าป้ายบรรพชน ต้องทำให้จวนเจ้าพระยากลับมามีความรุ่งโรจน์เหมือนในอดีต
เขารู้ว่าความสามารถของตัวเองมีจำกัด เขาก็เลยมุ่งไปทางประจบประแจงวิงวอนผู้อื่น เพื่อจุดประสงค์นี้ เขาสามารถเสียสละได้ทุกอย่าง
แต่ว่า คิดไม่ถึง ในขณะที่เขาพยายามทุกทางเพื่อที่จะสามารถก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นนั้น กลับเป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้จวนเจ้าพระยาต้องถูกทำลายจนไม่สามารถฟื้นกลับมาได้
เขาลุกขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ มองหยวนชิงหลิงอย่างใจลอยไปครู่หนึ่ง อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจติดต่อกันหลายที เดินออกไปอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก
หยวนชิงหลิงมองแผ่นหลังของเขา ราวกับกระดูกสันหลังถูกดึงออกจากร่างกายทันที
เรื่องนี้ ไม่สามารถที่จะบอกให้ทุกคนทราบอยู่แล้ว แต่ว่า เขานั้นให้ความเคารพกับฮูหยินรองมาโดยตลอด
ดังนั้น เขาไปหาฮูหยินรองเพื่อหารือเรื่องนี้ อย่างไรเสีย หลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับมา เป็นเรื่องของเรือนด้านหลัง ทุกอย่างยังคงอยู่ในความดูแลของฮูหยินรอง
หลังจากที่ฮูหยินรองได้ยิน ก็ตกใจจนเบิกตากว้าง ใช้เวลานานกว่าจะตั้งสติได้ หลังจากได้สติแล้วมือไม้ยังคงเย็นเฉียบ มีอาการชา
สุดท้าย นางกล่าวอย่างยากลำบาก “ก็หมายความว่า หากอยากจะมีชีวิตรอด เด็กในท้องของพระชายาต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น”
“แต่เมื่อดูท้องของนาง ก็น่าจะเป็นเด็กผู้หญิง” เจ้าพระยาจิ้งก็เคยศึกษาเรื่องพวกนี้มาบ้าง มันเกี่ยวเนื่องจากครั้งที่แล้วลูกสะใภ้ของผู้บังคับบัญชาตั้งท้อง เพื่อจะแสดงความคิดที่ดีมีประโยชน์ ยังได้ไปขอคำแนะนำกับนางโดยเฉพาะ
ท้องกลมส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ท้องแหลมและเรียว ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย
ฮูหญิงรองบ่นพึมพำ นี่มันช่างไร้สาระจริงๆ จวนเจ้าพระยาของเราเต็มไปด้วยชีวิตคน แต่ต้องเอาชีวิตมาผูกติดกับเด็กที่ยังไม่ได้เกิดมา
เจ้าพระยาจิ้งชำเลืองมองไปข้างนอก กระซิบกล่าว “เรื่องนี้ ยังต้องให้อาสะใภ้รองคิดหาวิธี”
“คิดหาวิธีอะไร? ฮูหญิงรองหน้าซีดขาว บัดนี้ก็ล่วงเลยมาหลายเดือนแล้ว ถูกกำหนดไปนานแล้ว มันจะเปลี่ยนแปลงได้ยังไง?”
เจ้าพระยาจิ้งกล่าว “กำหนดแล้วมันก็ใช่ แต่หากคลอดในจวน เป็นหญิงหรือชาย คนที่รู้ก่อนก็คือเราไม่ใช่หรือ? อาสะใภ้รองทำไมไม่เตรียมการไว้ทั้งสองอย่าง?”
ฮูหยินรองตกตะลึงไปชั่วขณะ เตรียมการไว้ทั้งสองอย่างยังไง?
“ไอ้หยา” เจ้าพระยาจิ้งพยายามพูดเป็นนัยๆ บัดนี้เห็นนางยังไม่เข้าใจ ก็เลยพูดตรงๆ “ท่านก็ไม่รู้จักไปหาผู้หญิงท้องที่ข้างนอก หาคนที่ท้องในเดือนที่ใกล้ๆกัน รอจนคลอดแล้วก็แอบรับกลับมาในจวน หากผู้หญิงของหยวนชิงหลิงเป็นผู้หญิง ก็สลับตัวทันที หากเป็นผู้ชายก็ให้เงินแล้วให้คนผู้นั้นจากไป ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
ฮูหยินรองมองดูนาง “หากคนที่หามาก็คลอดเด็กผู้หญิงล่ะ? เรื่องนี้มันรับประกันได้ที่ไหนกัน?”
“ก็หามาหลายคนหน่อย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีคนคลอดผู้ชายเลย” เจ้าพระยาจิ้งพูดอย่างหยาบคาย
ถึงเวลานี้แล้ว เขานั้นถึงขั้นคลุ้งคลั่งแล้ว
ฮูหยินรองมองเขาอย่างตกใจ ถอนหายใจเบาๆ จะหาหญิงท้องนั้นไม่ยาก แต่จะเอาลูกของคนอื่น มันไม่ใช่จะคุยกันได้ง่ายๆนะ?
เจ้าพระยาจิ้งเข้าใจความหมายของนาง ถอนหายใจแล้วกล่าว “อาสะใภ้รอง ทำไมสมองของท่านถึงหมุนไม่ทันเลยล่ะ? ที่เมืองหลวงหายาก ท่านก็ไม่รู้จักไปหาตามบ้านนอกที่ยากจนหรือ? มีถมเถที่ขายลูกน่ะ ให้เงินสิบยี่สิบตำลึง อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่เมียก็ยังให้ท่านได้เลย”
ฮูหยินรองก็เข้าใจทันที “ก็ใช่ ก็ใช่ ได้ เรื่องนี้ก็มอบให้ข้ามาจัดการ”
ช่วงนี้ฮูหยินใหญ่มาดูแลเรื่องในบ้านบ่อยครั้ง นางกำลังกลุ้มที่ไม่มีโอกาสสู้กลับไป บัดนี้นางมาจัดการเรื่องนี้ ซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิตคนในจวน นางถึงจะเป็นคนที่สำคัญที่สุด
ฝ่ายหยวนชิงหลิงหลังจากส่งเจ้าพระยาจิ้ง หยวนชิงผิงก็ถามขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ มันคือเรื่องจริงหรือ?”
หยวนชิงหลิงยิ้มเล็กน้อย ยกนิ้วขึ้นมาวางไว้ตรงกลางริมฝีปาก “แค่ขู่ให้เขาตกใจ”
หยวนชิงผิงจึงได้โล่งอก แล้วก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมต้องขู่ให้เขาตกใจล่ะ?”
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยืม “เช่นนั้นแล้ว เขาก็จะไม่มีเวลามากวนพี่อีก”
เขาต้องไปวิ่งวุ่นเรื่องหาทางช่วยชีวิตคนในจวน
นางจูงมือหยวนชิงผิง แล้วกล่าว “เราไปหาท่านย่า ไปน้อมทักทายท่านย่ากันเถอะ”
หยวนชิงผิงยังอยากจะถามรายละเอียด แต่เดี๋ยวไปถามที่ท่านย่าก็ยังไม่สาย ไม่ว่ายังไง พี่ใหญ่ก็ต้องบอกเรื่องนี้กับท่านยาอยู่แล้ว
ฮูหยินใหญ่ก็รู้เรื่องที่หยวนชิงหลิงกลับมาเมื่อคืน ตื่นมาแต่เช้าเพื่อรอนางมาหา
เข้ามาในเรือน ซุนมามาก็เข้ามาต้อนรับอย่างรีบร้อน “ไอ้หยา พระชายาของหม่อมฉัน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ฮูหยินใหญ่รอจนร้อนใจแล้ว”
หยวนชิงหลิงก้าวเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ฮูหยินใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แววตาคู่นั้นจ้องมองใบหน้าของนางตั้งแต่ที่นางเดินเข้าประตูมา แววตาที่ทั้งวิตกกังวลและเป็นห่วง
หยวนชิงหลิงอยากจะคุกเข่าลง ซุนมามาก็รีบมาพยุงเอาไว้ “อย่าคุกเข่าเลย ท่านย่าของตัวเองยังต้องถือพิธีรีตองอีกหรือ? ร่างกายเจ้าหนัก รีบนั่งลง”
ความรู้สึกของหยวนชิงหลิงสงบมากในตอนแรก ขณะนี้เมื่อเห็นท่าทางที่วิตกกังวลของฮูหยินใหญ่ ดวงตาแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เรียกท่านย่าอย่างน่าสงสาร “ท่านย่า!”
ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจ มองนาง “เกิดอะไรขึ้น?”
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยเสียงที่เบา “ข้าทำให้ฮ่องเต้โกรธแล้ว ฮ่องเต้สั่งให้ข้ากลับมาที่บ้าน”
“เจ้าไม่ใช่ยัยหนูที่บ้าระห่ำแล้ว ทำไมถึงได้ล่วงเกินฮ่องเต้ได้ล่ะ?” ฮูหยินใหญ่ที่ฉลาดมากถามขึ้น
หยวนชิงหลิงรู้ว่าไม่สามารถที่จะพูดถึงเรื่องของคุณหนูฮู่ เพราะในสายตาของท่านย่า เรื่องแต่ชายารองเป็นเรื่องที่ปกติมาก
ดังนั้น นางก็ยังคงพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าหญิง บอกว่าก่อนที่ฉู่หมิงชุ่ยจะตายได้สารภาพออกมา เรื่องนี้คนที่ร่วมวางแผนกับนางใส่ร้ายอ๋องฉู่คือเจ้าพระยาจิ้ง
ฮูหยินใหญ่เหมือนได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ถอนหายใจ “หากเป็นเพราะเรื่องนี้ เราก็ยอมรับมันเสีย เจ้าสองพ่อลูกเป็นคนผิดก่อน”
“ใช่!” หยวนชิงหลิงตอบเสียงเบา
ฮูหยินใหญ่ถามนาง “แล้วอ๋องฉู่มีความคิดเห็นยังไง?”
ในใจของฮูหยินใหญ่มีความหวังริบหรี่ หวังว่าอ๋องฉู่จะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา อย่างไรเสียตอนนั้นที่นางเห็นพวกเขาสองสามีภรรยาความสัมพันธ์นั้นไม่เลว
“เป็นราชโองการของฮ่องเต้ ตอนที่ข้าออกมานั้นเขาไม่รู้”
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะกังวล ไม่รู้ว่าเจ้าห้าได้ทำให้เสด็จพ่อเกรี้ยวหรือเปล่า เดี๋ยวต้องให้อะซี่ไปสอบถามหน่อยถึงจะวางใจ
ฮูหยินใหญ่เห็นนางที่ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ก็เข้าใจว่านางเสียใจ ก็เลยไม่ถาม ในทางตรงกันข้ามก็กล่าวปลอบใจ “ไม่เป็นไร กลับมาก็กลับมา บ้านนี้ยังไงก็มีข้าวให้เจ้ากิน เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอย่างสบายใจ หากใครกล้ารังแกเจ้า ยัยแก่อย่างข้าไม่มีทางที่จะปล่อยมัน”