บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 353
หยวนชิงหลิงรู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก
สามารถพูดได้ว่า ในสายตาของทุกคน นางกลับมาเพราะความตกอับ ลูกสาวที่แต่งออกไป ถูกบ้านสามีรังเกียจ กลับมาที่บ้านตัวเองก็ไม่มีสีหน้าดีๆให้ได้มองเลย
คิดไม่ถึงเลย หญิงชราจะปกป้องเอ็นดูนางมากขนาดนี้
เป็นจริงที่ว่าช่วงที่ตกต่ำลำบากจะธาตุแท้ของคน
หญิงชราเห็นนางน้ำตาคลอเบ้า ยังบอกว่านางเสียใจทุกข์ใจ ขาดไม่ได้ที่จะต้องปลอบใจนาง
หยวนชิงผิงก็กล่าว “พี่ พี่ก็ฟังท่านย่า ดูแลครรภ์อยู่ที่จวนดีๆ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรเลย หากใครมารังแกพี่ ข้าไม่มีทางปล่อยมัน”
หยวนชิงหลิงยิ้มทั้งน้ำตา “ได้ ขอบคุณพวกเจ้ามาก”
อย่างไรก็ตาม แม้ฮูหยินใหญ่กับหยวนชิงผิงจะดีกับนาง แต่คนอื่นกลับเอาแต่ชักสีหน้าใส่นาง
แน่นอน ก็ไม่มีใครกล้ารังแกนางโดยตรง เพียงแต่ยังไม่เกินครึ่งวัน คนในจวนต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ บอกว่านางนั้นถูกอ๋องฉู่ทอดทิ้ง เพียงแต่รอให้นางคลอดลูกออกมาก็จะเลิกร้างกับนาง
ลูกสะใภ้ของฮูหยินรองนางหลวน เมื่อเที่ยงเห็นหยวนชิงหลิงผ่านตรงทางระเบียนทางเดิน ก็ด่าอย่างเย็นชาไปคำหนึ่ง “ภรรยาที่ถูกทิ้ง!”
อะซี่ได้ยินเข้า ก็เดินไปข้างหน้าอย่างว่องไว บุกไปต่อว่านางอย่างรุนแรง “ปากเจ้าให้มันสะอาดหน่อย”
แต่ไหนแต่ไรนางหลวนเป็นคนที่รังแกคนดีแต่กลัวคนชั่ว ถูกความดุร้ายและคำต่อว่าของอะซี่ ทำให้นางคอหด แล้วทำเป็นปากแข็ง “ไม่ได้พูดถึงนางสักหน่อย พวกแกร้อนตัวทำไม?”
อะซี่กล่าวอย่างโมโห “อยู่ตรงหน้าพวกเรา พูดถึงใครก็ไม่ได้ หากพระชายาเป็นภรรยาที่ทอดทิ้งจริงๆ แล้วพวกท่านที่เป็นผู้อาวุโสและญาติของนาง น่าจะดูแลปลอบใจนาง แต่เจ้ากลับมาทำหน้าเย้ยหยัน คำว่าภรรยาที่ถูกทอดทิ้งคำนี้ พูดให้ใครฟังกันล่ะ?”
ปกตินางหลวนเป็นคนที่ทะเลาะเก่งพอสมควร แต่ว่าสู้แรงกดดันของอะซี่ไม่ได้ นางหนีไปอย่างแพ้พ่าย
อะซี่ยังคงไม่ปล่อยนางยังไล่ด่าตามหลังนางไปชุดใหญ่
หยวนชิงหลิงยิ้มกล่าว “เอาล่ะ อะซี่ คนก็มองไม่เห็นแล้ว อย่าด่าอีกเลย”
อะซี่กล่าวอย่างขุ่นเคือง “อะไรก็ไม่ใช่ยังกล้ามารังแกพระชายา?”
หยวนชิงหลิงลูบท้องแล้วยิ้มกล่าว “นางก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่กล้ามารังแกข้าจริงๆหรอก”
อะซี่กล่าว “พูดก็ไม่ได้ ซื่อจื่อน้อยจะได้ยิน”
“เสี่ยวซือจื่อ(สิงโตน้อย)?” หยวนชิงหลิงคิดตามไม่ทัน
อะซี่มองท้องของนาง ยิ้มกล่าว “ก็ซื่อจื่อน้อยไง เขาคงไม่อยากเห็นแม่ตัวเองถูกรังแกหรอก”
หยวนชิงหลิง ขณะที่เดินก็ยิ้มกล่าว “แล้วทำไมไม่พูดว่าเป็นจวิ้นจู่น้อยล่ะ? ข้านั้นชอบเด็กผู้หญิง หากเป็นเด็กผู้หญิง อนาคตก็ไม่ต้องมาแก่งแย่งชิงดี โลกของผู้ชายมีแต่เรื่องอำนาจและผลประโยชน์”
“ลูกสาวก็ลำบากนะ อนาคตหากได้สามีไม่ดี ต้องลำบากไปชั่วชีวิต” หมันเอ๋อที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมาทันที
“หมันเอ๋อ คำพูดนี้ของเจ้าช่างทะลุปรุโปร่งนัก” อะซี่รีบพูดเสริม “เพียงแต่ องค์หญิงน้อยของเราต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน หากเป็นองค์หญิงจริง อนาคตท่านอ๋องต้องเลือกคนที่ดีที่สุดให้นาง”
หมันเอ๋อกล่าวชื่นชม “แม่นางอะซี่ ท่านคิดได้รอบคอบมาก และยาวไกลมาก”
อะซี่หัวเราะแล้วกล่าว “ท่านย่าข้าเคยพูดมานานแล้ว ผู้หญิงเลือกสามีนั้นสำคัญมาก หากเลือกได้ไม่ดี ยอมที่จะไม่แต่ง อนาคตหากข้าไม่เจอคนดี ข้าก็จะไม่แต่ง”
หยวนชิงหลิงน้อยมากที่จะได้ยินอะซี่พูดเรื่องเหล่านี้ ก็เลยกล่าวขึ้น” อะซี่ ในอนาคตเจ้าต้องการสามีแบบไหนล่ะ?”
อะซี่กล่าว “เป็นคนดี จิตใจมีเมตตา มีความฝ่ายรู้ มีวรยุทธ์ หน้าตาต้องดูดี”
“ชาติตระกูลล่ะ?” หยวนชิงหลิงถามอย่างครุ่นคิด
อยู่ในยุคสมัยนี้ การเป็นแม่สื่อ อันดับแรกที่ต้องถามก็คือเรื่องชาติตระกูล
อะซี่กล่าวอย่างไม่สนใจ “เรื่องชาติตระกูลไม่สำคัญ หากเป็นคนดี จิตใจมีเมตตา และก็มีวรยุทธ์ ฝ่ายเรียนรู้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ต่อให้ตอนนี้เขาจะไม่มีอะไรเลย”
หยวนชิงหลิงชื่นชมจากใจ “เจ้ามีความคิดแบบนี้ ทำให้ข้านั้นแปลกใจมาก อะซี่ เจ้าพูดถูก สำหรับเจ้าแล้ว เรื่องชาติตระกูลไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือต้องเป็นคนดีมีคุณภาพ”
ฐานะทางบ้านของอะซี่ค่อนข้างดี แม้จะแต่งงานกับคนจน เรื่องกินอยู่ก็ไม่ต้องเป็นกังวล สิ่งที่สำคัญคือต้องเป็นคนดีมีคุณภาพ
อะซี่ยิ้มแล้ว หันหน้าถามหมันเอ๋อ “เจ้าล่ะ? อนาคตเจ้าต้องการมีสามีแบบไหน?”
หมันเอ๋อตกตะลึงไปชั่วขณะ “อันนี้ ข้าน้อยไม่กล้าที่จะคิด”
บัดนี้ยังยังเป็นเพียงแค่คนเร่ร่อนคนหนึ่ง จะกล้ามีความคิดอะไรอีก? สามารถกินอิ่มแล้วยังมีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว
“ทำไมถึงไม่กล้าคิด? ผู้หญิงทุกคนก็ต้องมีความฝัน โดยเฉพาะเรื่องที่สำคัญแบบนี้ ตอนเด็กเจ้าก็ไม่เคยคิดเลยหรือ?” อะซี่ถาม
หมันเอ๋อยิ้มด้วยความเขินอาย “ตอนเด็กนั้นเคยคิดอยู่ ก็อยากจะแต่งกับคนที่ซื่อสัตย์ดีกับข้า อย่างไรก็ตาม ตอนที่ข้าถูกไล่…….หลังจากออกมา ก็ไม่กล้าที่จะคิดอีกเลย
อะซี่ตะลึงไปชั่วขณะ “เจ้าถูกไล่?”
หมันเอ๋อก้มหน้าลง “พูดผิดไปแล้ว ไม่ใช่ถูกไล่ หลังจากที่ข้าน้อยออกมาแล้ว”
อะซี่ยังอยากจะถาม หยวนชิงหลิงได้กดมือห้ามไว้ กล่าว “ไปดูว่าพระชายาจี้มาหรือยัง?”
อะซี่รับคำ แล้วกล่าวขึ้น “ข้านึกว่าท่านอ๋องจะมาเสียอีก ตอนนี้ยังไม่มา แม่นมสี่ก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ทำไมถึงนานขนาดนี้นะ”
วันนี้แต่เช้าแม่นมสี่ก็กลับไปที่จวนอ๋องฉู่ ตอนนี้ยังไม่กลับมา
“แม่นมสี่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เจ้าวางใจเถอะ ไปดูสิว่าพระชายาจี้มาหรือยัง” หยวนชิงหลิงพูดอีกครั้ง
“ก็ได้!” อะซี่พลางพูดพลางเดินจากไป
อะซี่รออยู่ตรงประตูครู่หนึ่ง พระชายาจี้ก็มาถึง
ปกติใบหน้าของพระชายาจี้จะสงบเรียบเฉย วันนี้มีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงก็กล่าว “เจ้าทำไมถึงทำเสียแผนล่ะ? ในเวลาที่สำคัญเช่นนี้ถูกส่งกลับมาที่บ้าน มันมีผลกระทบต่อน้องห้านะ”
มือของหยวนชิงหลิงชี้อยู่ที่เก้าอี้ “ผู้ป่วย ช่วยสำรวมถึงสถานะของตัวเองด้วย วันนี้ท่านมาเพื่อให้ข้ารักษา นั่งให้ดี”
พระชายาจี้นั่งลงไปทั้งก้น พูดไม่หยุดไม่หย่อน “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องว่าข้านั้นยุ่งมากไปแล้ว ว่าข้านั้นจู้จี้ แต่สิ่งที่ข้าพูดเจ้าควรจะฟัง เจ้าทำไมต้องไปแข็งข้อกับเสด็จพ่อด้วย? เรื่องจวนเจ้าหญิง เสด็จพ่อรู้ตั้งนานแล้ว ทำไมถึงได้มาลงโทษเจ้าในเวลานี้? เห็นอยู่ก็อยากจะให้เจ้าลำบากใจ เจ้าก็ยอมแพ้ก่อน ยอมอ่อนข้อ จากนั้นไปหาไท่ซ่างหวง เห็นแก่ลูกในท้องของเจ้า ไท่ซ่างหวงต้องช่วยเจ้าอย่างแน่นอน” หยวนชิงหลิงที่ถือเครื่องช่วยฟังอยู่ “หายใจเข้า………”
พระชายาจิ้หายใจเข้าลึกๆไปหนึ่งที “เจ้านี่มัน……….”
“หายใจออก……..”
พระชายาจี้ค่อยๆผ่อนคลาย คลายลมหายใจออกมา จ้องมองนางไปแวบหนึ่ง “ที่ข้าพูดเจ้าไม่ได้ยินรึ?”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างพอใจ “เป็นไปในทางที่ดี”
พระชายาจี้ก็ทำหน้าบึ้ง “เจ้าฟังข้าพูดหน่อยสิ เป็นดั่งที่เขาว่าฮ่องเต้ไม่รีบร้อน ขันทีนั้นกังวลแทบตาย”
หยวนชิงหลิงนั่งลง มองใบหน้าของนางที่ร้อนใจเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ท่านร้อนใจอะไร? ข้ายังดีๆอยู่ไม่ใช่หรือ? ไม่มีผลต่อการรักษาท่านหรอก”
“ข้าเหมือนกลัวว่าจะมีผลต่อการรักษาของข้าหรือ? ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้ามันโง่ ไม่รู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ มันน่าเสียดาย เจ้าก็ยอมหน่อยจะเป็นไร?” พระชายาจี้กล่าว
“ข้อมูลของท่านช่างเร็วนัก” หยวนชิงหลิงก้มหน้าหายา กล่าวอย่างเรียบเฉย
พระชายาจี้ตกใจ แววตาของนางก็มืดมนลง “เมื่อก่อนเข้าทุ่มเทเงินทองไปตั้งมากมาย ข่าวเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ ก็ไม่เท่ากับว่าเสียเงินไปเปล่าๆหรอกหรือ?”