บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 354
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองนาง “เสียใจมั้ย?”
พระชายาจี้คิดไปครู่หนึ่ง “ไม่เคยคิดว่าเสียใจหรือไม่เสียใจ เดินมาถึงขึ้นนี้แล้ว ไม่สามารถที่จะไปคิดว่าเสียใจหรือไม่เสียใจ ใจคนนั้นควบคุมยากที่สุด ข้าพยายามแล้ว แต่เจอคนที่ไม่จริงใจ จะทำอะไรได้? ตั้งแต่แรกข้าก็รู้แล้ว สิ่งที่ทั้งทุ่มเทไปทั้งหมด มันอาจจะไม่ได้สิ่งตอบแทน”
“ดังนั้น เจ้าทำเพราะรักหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
พระชายาจี้ได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา “รัก? อาจจะใช่มั้ง?”
“ท่านรักอะไรในตัวอ๋องจี้หรือ? เขามีดีอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงถามอีก
พระชายาจี้กล่าว “รักเขา ไม่ใช่เพราะเขาดีตรงไหน รักเขาเพราะเขาเป็นสามีของข้า”
หยวนชิงหลิงตกใจ “แค่นี้หรือ”
“ยังต้องยังไงอีก?” พระชายาจี้มองนาง สงสัยอย่างมาก คำถามนี้ไม่เท่ากับถามเปล่าหรือ? หากไม่ใช่สามีของตัวเอง ใครจะไปรัก?
“แล้วตอนนี้ท่านยังรักเขามั้ย? อย่างไรเสีย ตอนนี้เขาก็ยังเป็นสามีของท่าน” หยวนชิงหลิงถามตามตรรกะของนาง
แววตาพระชายาจี้เย็นชา “ไม่เห็นเขาเป็นนานแล้ว”
หยวนชิงหลิงถาม “เพราะอะไร?”
“เขาไม่รักข้าไม่เป็นไร แต่ไม่ควรที่จะมาฆ่าข้า เมื่อมีความคิดที่จะฆ่า ก็ไม่ใช่สามีภรรยากันอีกต่อไป เป็นศัตรูกัน” พระชายาจี้พูดมาถึงสุดท้าย แววตาก็เย็นชาทันที
หยวนชิงหลิงตกใจ สามีภรรยากลายเป็นศัตรู มันเป็นความจริงที่โหดร้ายมากแค่ไหน!
สีหน้าแววตาของพระชายานี้ก็กลับมาเป็นปกติในไม่ช้า กล่าวอย่างเรียบเฉย “วางใจเถอะ เจ้ากับน้องห้าไม่มีทางเป็นเช่นนั้น”
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้ว “หลายวันก่อนท่านยังสั่งสอนข้าว่าอยากเชื่อผู้ชายให้มันมากเกินไป”
“การระวังผู้อื่นนั้นมิควรขาด แม้ว่าจะเป็นคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนก็ตาม การระวังไว้หน่อยก็เป็นเรื่องที่ดี ช่างเถอะ ตอนนี้เจ้าก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ข้าก็ทนไม่ได้ที่จะว่าเจ้าแล้ว”
ช่วงเวลานี้ที่หยวนชิงหลิงใช้เวลาร่วมกันกับพระชายาจี้ พบว่านางแม้ว่าเป็นคนที่คิดมากเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ก็มีช่วงเวลาที่นางตรงไปตรงมา
นางเป็นประเภทที่เวลาดีกับเจ้า สามารถดีกับเจ้าอย่างดีที่สุด เวลาเกลียด ก็สามารถที่จะฆ่าเจ้าได้
และยังเป็นคนที่รู้จักสถานการณ์ดี สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ และยินดีก้มหัวที่สูงศักดิ์ลง
ฉู่หมิงชุ่ยแม้ว่าสุดท้ายจะยอมของความช่วยเหลือ แต่ว่า นั่นไม่ใช่การก้มหัวอย่างแท้จริง การขอความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายของนาง ยังแฝงไว้ด้วยแผนการ เป็นแผนการที่โหดเหี้ยม เพราะหลังจากขอความช่วยเหลือ หันหลังนางก็สามารถฆ่าคนได้เลย
ถ้าหากจะนำฉู่หมิงชุ่ยกับพระชายาจี้มาเปรียบเทียบเรื่องการวางแผน ฉู่หมิงชุ่ยนั้นยังห่างชั้นเชิงพระชายาจี้อยู่มาก
แต่หากผู้ถึงความเป็นคน ฉู่หมิงชุ่ยยังคงน่าขยะแขยงกว่ามาก
หลังจากที่พระชายาจี้กลับไป แม่นมสี่ก็กลับมาแล้ว
แม่นมสี่เข้ามาในห้องเรียนหยวนชิงหลิง บอกว่าเมื่อไปถึงจวน รอไปตั้งนานท่านอ๋องก็ยังไม่กลับมา
หยวนชิงหลิงร้อนใจแล้ว “เขาไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนเลยหรือ?”
“ทังหยางบอกว่าไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน” แม่นมสี่ถอนหายใจอย่างเศร้าๆ “ดูแล้ว ต้องให้คนในวังช่วยสืบดูหน่อยแล้ว”
อะซี่ถามอย่างสงสัย “ท่านอ๋องไม่กลับมาแล้วจะไปไหนได้? เขาเป็นอ๋องที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่สามารถที่จะนอนค้างในตำหนักของท่านหญิงเสียนเฟย นอกเสียจากว่าจะเถียงฮ่องเต้ แล้วถูกฮ่องเต้สั่งขังไว้ในคุกมืด?”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำว่าคุกมืด ก็ใจเย็นวาบ คุกมืดนั้นถูกขังหนึ่งวันถึงกับเอาชีวิตไปแล้วครึ่งวัน ขังสองวันก็ไม่รอดแล้ว
นางมองแม่นมสี่อย่างร้อนรน “เร็วเข้า รีบให้คนไปสืบดู”
แม่นมสี่กล่าวด้วยเสียงเบา “พระชายาอย่าเพิ่งใจร้อน ต่อให้จะหาคน ตอนนี้ก็หาไม่ได้อยู่ดี”
อะซี่กล่าว “ก็หาโสวฝู่ฉู่ไง”
แม่นมสี่กล่าว “ตอนนี้เขาคงไม่ได้อยู่ในจวนหรอก? ไปหาเสียเวลาเปล่าๆ ต้องรอให้ถึงเวลาค่ำเขากลับมาถึงจะหาเจอ”
หยวนชิงหลิงได้ยิน มือเข่าก็อ่อนทันที “หากได้ข่าวในตอนค่ำ คนก็อยู่ในคุกมืดสองวันแล้ว โอ้สวรรค์ แม่นม คุกมืดนั้นโหดร้ายขนาดไหน ท่านก็รู้ดี ยังมีวิธีอื่นอีกมั้ย?”
แม่นมสี่พยุงนางให้นั่งลง กล่าวปลอบใจ “ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน อะซี่นั้นพูดไปเรื่อย คงไม่ใช่จะขังแต่ในคุกมืดสักทีเดียวหรอก? แม้ว่าอ๋องที่เป็นผู้ใหญ่จะไม่สามารถนอนค้างในวังได้ แต่ว่าในวังยังมีญาติคนอื่นๆอยู่ เขาสามารถไปค้างที่ตำหนักขององค์ชายแปด และอาจจะเป็นไปได้ว่าไปค้างที่พระตำหนักฉินคุนของไท่ซ่างหวง”
ใจของหยวนชิงหลิงจะเย็นลงได้หรือ? เขาเคยไปอยู่คุกมืดมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้งหรือ?
ในใจนางอดไม่ได้ที่จะเกลียดความโหดเหี้ยมของฮ่องเต้ ทำไมต้องทำกับเจ้าห้าแบบนี้ด้วย? ใครอยากจะเป็นองค์รัชทายาทนั่นหรือ?
อะซี่ก็ไม่กล้าพูดไปเรื่อยแล้ว มองขอร้องแม่นมสี่
แม่นมสี่ถอนหายใจ “เอาอย่างนี้ละกัน ข้าจะไปเฝ้ารออยู่ตรงซอยของตระกูลฉู่ก่อน ดูว่าโสวฝู่ฉู่นั้นกลับมาเมื่อไหร่”
“ลำบากแม่นมแล้ว” หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างซาบซึ้ง
“พระชายาก็อยากพูดแบบนี้กับข้าเลย ท่านพักผ่อนให้ดีๆ อย่าคิดมาก อย่าให้มีผลกระทบต่อครรภ์” แม่นมกล่าวเตือน
หยวนชิงหลิงเป็นกังวล ตั้งแต่กลับมาที่บ้าน แม้ว่านางจะพยายามทำตัวให้สงบเยือกเย็น แต่ในใจยังคงว้าวุ่นมาก บัดนี้ไม่รู้ข่าวคราวของเจ้าห้า ดูเหมือนหัวใจนั้นได้พังทลายไปแล้ว
แม่นมสี่กล่าวปลอบใจไปสองสามประโยค ก็ได้จากไป
นางไม่ได้ไปถึงจวนตระกูลฉู่ เพียงแต่รออยู่ในซอยข้างนอก การรอนี้ รอไปเป็นเวลาสองชั่วยามเต็ม รอจนตัวแข็งไปหมดแล้ว เพิ่งจะเห็นเกี้ยวของโสวฝู่ฉู่ค่อยๆใกล้เข้ามา
นางถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วออกไปขวาง
เมื่อเกี้ยวหยุดลง โสวฝู่ฉู่ก็เปิดม่านออก เห็นแม่นมสี่ที่หนาวจนตัวสั่นขวางอยู่ตรงกลางถนน ใบหน้าและริมฝีปากของนางซีดจนขาว ร่างกายกำลังสั่นไปทั้งตัว
โสวฝู่ฉู่รีบลงมา ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง กล่าวด้วยความโกรธ “เจ้าทำอะไร? ไม่รู้จักหนาวหรือ?”
แม่นมสี่ตัวแข็งจนเกือบจะอ้าปากไม่ออก ไม่ง่ายเลยกว่าจะพูดออกมาได้ “ข้ามีเรื่องมาหาท่านน่ะ”
“เข้าไปในจวนก่อนค่อยคุย!” โสวฝู่ฉู่มองหน้าอย่างเย็นชา ถอนเสื้อคลุมแล้วคลุมให้นาง “ไป!”
แม่นมสี่กำลังจะถอดมันออก “ไม่ต้อง……..”
โสวฝู่ฉู่กวาดมองมาด้วยสายตาที่เย็นชาทันที เส้นเอ็นสีเขียวบนหน้าผากกำลังกระตุก “เจ้ากล้า?”
แม่นมสี่รีบปล่อยมือลง ไม่กล้า
“ยังไม่ไปอีก? จะรอให้หนาวตายหรือ?” โสวฝู่ฉู่จับข้อแขนของนางแล้วเดินไปข้างหน้า
แม่นมสี่รีบขัดขืน “ข้าเดินเองได้ ข้าเดินเองได้ คนเยอะมันดูไม่ดี”
โสวฝู่ฉู่ที่เอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าอย่างขุ่นเคือง แม่นมสี่ก็รีบเดินตามเขาไป
เข้าไปในจวน เห็นบ่าวที่รอรับอยู่หน้าประตู โสวฝู่ฉู่ก็สั่งอย่างอ่อนโยน “รีบสั่งให้คนไปเตรียมน้ำขิงน้ำอุ่น”
บ่าวที่อยู่ตรงหน้าประตูตกใจไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สายตาอันเยือกเย็นของโสวฝู่ฉู่จะกวาดมองมา ก็รีบรับคำแล้วจากไป
“วิ่งไปเลย!” โสวฝู่ฉู่ตะโกนอยู่ข้างหลัง
บ่าวที่อยู่ตรงประตูวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
โสวฝู่ฉู่พาแม่นมสี่ไปที่ห้องหนังสือ สั่งคนให้จุดเตาเพื่อให้ความอบอุ่น
หลังจากที่เข้ามาในห้อง เขาก็ดึงตัวแม่นมสี่เข้ามาใกล้ ช่วยนางถูมืออย่างเต็มกำลัง กล่าวอย่างยังไม่หายโกรธ “เจ้าไม่รู้ว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้วหรือ? ไปยืนอยู่ข้างนอกที่อากาศหนาวขนาดนี้ รอไปนานแค่ไหนแล้วล่ะ?”
“สองชั่วยาม!” แม่นมสี่กล่าวด้วยเสียงเบา ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา รู้เพียงแต่ว่าร่างกายนั้นหนาว แต่ว่าใจนั้นอบอุ่น
“สมควรตาย!” โสวฝู่ฉู่ดุอย่างโกรธเคือง
แม่นมสี่ดึงมือกลับ อายุอานามก็ปูนนี้แล้ว ใกล้ชิดกันแบบนี้ก็รู้สึกอายเหมือนกัน
“ที่ข้ามาหาท่านเพราะมีเรื่องจะถาม……..”
“ก่อนที่จะดื่มน้ำขิงหมด ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น” โสวฝู่ฉู่กล่าวอย่างเย็นชา หันหลังวางที่รองก้นให้นาง บอกนางให้นั่งลง